สะพานที่ขาด คือความพยาบาทของนกที่บริสุทธิ์
บทวิจารณ์เรื่องสั้น สะพานขาด โดยนางสาวจรัสรวี ทองมหา
โครงการ อ่าน เขียน เรียนรู้ สู่ งานวิจารณ์ ปีที่ 10
"คุณเชื่อในจิตวิญญาณที่จะมาเตือนก่อนที่คุณจะตายไหม" สะพานขาด เรื่องสั้นของกนกพงค์ สงสมพันธุ์ นักเขียนชาวพัทลุงที่โตมากับความขัดเเย้งทางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะแถบเทือกเขาบรรทัดที่อยู่ฝั่งตะวันตกของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นที่มาของวลีที่ว่า "ถีบลงเขา เผาถังแดง" ในหนังสือเรื่องนี้นั้นกล่าวถึงทหารหนุ่มที่กำลังจะออกไปทำสงคราม โดยไม่รู้ชะตา ท่ามกลางกลิ่นในอดีตที่หวนกลับมาถึงความทรงจำ บรรยายโดยตัดตัดสลับอดีตที่หวนคืนกับปัจจุบันอันข่มขื่นใจ
กนกพงค์เติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยที่นำโดยถนอม กิตติขจร และพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์การสังหารหมู่ในจังหวัดพัทลุงอย่างเผาลงถังแดง ความโหดร้ายของรัฐบาลไทยที่พยายามเฟ้นหาพรรคคอมมิวนิสต์ สอบสวน และเผาอย่างโหดเหี้ยม ทำให้พื้นเพเหล่านี้สร้างงานเขียนที่น่าหดหู่ใจเช่นนี้ออกมา
ท่ามกลางสงครามชายทหารหนุ่มจากหมู่บ้านอันแสนอบอุ่น ที่ในวัยเด็กที่โตมากับครอบครัวชาวนาที่พ่อทำวัตรเย็นโดยไม่ถามความคิดเห็นของลูก แม่ที่หวังให้ลูกออกไปใช้ชีวิตมากกว่าดินโคลนจากท้องนาน้องชายที่มีความสามารถในการเลียนเสียงสัตว์และการเรียกนก และ 'ผม' พี่ชายคนที่ได้ฝันอยากเป็นทหารมีการละเล่นสงคราม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นทหารกล้าหาญ กับผู้ร้ายคนเลว หากทหารยิงคนร้ายตายก็ต้องเฝ้าไว้เพื่อกันสหายร่วมฝ่ายผู้ตายมาช่วยให้ผู้ตายนั้นฟื้นคืนชีพ กลับมาเข้าร่วมในสนามการต่อสู้ได้
สงครามในการละเล่นของเด็กน้อยนั้นเป็นเพียงการแสดง ชิงได้ก็ฟื้นได้ เพียงแค่มือของผู้มีชีวิตของอีกฝ่ายสัมผัสตัวของผู้แสร้งตายเพราะโดนยิง หากแต่สงครามของโลกความเป็นจริงนั้นต่างออก ไปอย่างไกลโขเด็กน้อยที่ใช้ฝันว่าอยากเป็นทหารกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทหารมีหน้าที่ทำอะไร ความรับผิดชอบเท่าไหร่รู้เพียงแค่ว่าทหารได้จับปืน ไม่ต้องไปโรงเรียนก็พอใจแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง ทหารกลับไม่ใช่อย่างในอุดมคติ ทหารไม่ได้เพียงจับปืนไล่ยิงผู้ร้ายเหมือนอย่างที่เด็กน้อยเข้าใจ และคนที่จับปืนได้ก็ไม่ได้มีแค่ทหาร แม้ปืนนั้นจะบริสุทธิ์ แต่มันก็ผิดกฎหมาย ต่างจากทหารแม้ปืนนั้นจะไม่บริสุทธิ์ แต่ย่อมถูกกฎหมาย
'ผม'ของเรื่องเติบใหญ่ขึ้นมาก็ได้ทำตามความฝัน คือการเป็นทหารรับใช้ชาติ ได้จับปืนอย่างที่หวังไว้ในวัยเยาว์ เพียงแต่ไม่ใช่แค่ปืนที่เขาจะได้จับ แต่เขาได้จับรถถัง ยานยนต์ที่มีไว้สังหารผู้ร้ายตามคำสั่งของผู้บัญชาการผู้อยู่เหนือกว่าเขา เป็นดั่งพระเจ้าคอยชี้แนะเหล่าสาวกที่ไม่มีวันลืมหูลืมตาหรือขัดคำสั่งของพระเจ้าอย่างเด็ดขาด ไม่มีคำว่าสงสัย ไม่มีคำว่าทรยศ หากทำเช่นนั้น คุณจะไม่ใช่สาวกของพระเจ้าอีกต่อไป เหมือนดั่งลูซิเฟอร์กระทำการก่อกบฏหักหลังองค์พระเป็นเจ้า โดนขับไล่ออกจากสวรรค์ กลายปีศาจ ใช้ชีวิตอยู่ในนรกนานชั่วกัปชั่วกัลป์ตามตำนานของชาวฮิบรู แต่ในความเป็นจริง หากคุณหักหลังฝั่งทหารรัฐบาลไทย คุณคือคอมมิวนิสต์ คนเลวในสายตารัฐบาล คนร้ายในสายตาประชาชน เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดในสายตาคนบางคนที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าว่าคอมมิวนิสต์แปลว่าอะไร พวกเขาทำอะไร แต่โดยรวมพวกเขาคือผู้ร้ายในอุดมคติในสมัยนั้น เลวบริสุทธิ์ ไม่มีความดีปนอยู่เลย ซึ่งคอมมิวนิสต์ไม่ได้รวมแค่คนหักหลังรัฐบาลไทย แต่รวมถึงคนบริสุทธิ์อีกหลายคน คนที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ย่างแท้จริง บางคนที่ชื่อเหมือนหรือชื่อคล้ายกับสมาชิก คนที่แค่ต่างความคิดกับคนมีอำนาจ คนที่เป็นปรปักษ์กับผู้ที่นำชื่อไปบอกขานเหล่าชายชาติทหารเหล่านั้น ถูกเหมารวมหมดว่าคือชาวคอมมิวนิสต์ผู้ทรยศบ้านเมืองตน ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง แต่ใครย่อมจะทนฟังเสียงนกน้อยโหยคร่ำครวญถึงความทรมาณในชีวิตของมัน เหมือนดั่งผมและผองเพื่อนพากันไล่ยิงนกตามป่าริมคลองหลังบ้าน นกพวกนั้นที่เปรียบดั่งผู้ร้ายต่างล้มตายเพียงเพราะความสนุกของเด็กน้อยแม้จะถูกผู้ใหญ่เฆี่ยนดีก็ไม่สลดใจ ได้เพียงอ้างไปว่าเป็นแค่การละเล่น แต่ใครจะย่อมรู้ว่านกพวกนั้นจะกลายเป็นคนบริสุทธิ์ที่ไม่ผิดอะไรเลย
อีกฝ่ายทำลาย แต่อีกฝ่ายเลี้ยงดู
นกที่ 'ผม' ได้ไปสังหารมัน แต่น้อย(น้องชาย)กลับเรียกมัน พยายามฝึกมันให้เชื่องตามความสามารถของเขาความสามารถแสนวิเศษ ความสามารถที่พี่ชายไม่สามารถทำได้ แต่กลับถูกทำให้ชินชาและลืมเลือน หากแต่สหายร่วมค่ายผู้พ่ายแพ้นั้นกลับเล่าหตุการณ์ที่ทำให้ตัวผมนึกถึงชีวิตถึงน้อย
เขากลับบ้านไปพบพ่อและแม่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียมเหงา มีเพียงแค่พวกเขาสามคนนั่งสวดมนต์ด้วยความโศกเศร้า เขาหวนนึกถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง ถนนขรูขระกับขอบคันนาที่พวกเขาสองพี่น้องเคยเล่นต่อสู้กัน พี่เป็นทหาร น้องเป็นผู้ร้าย ไม่มีใครต้องเอ่ออะไรเว้นแต่
"เฮ้ย... เรามาเล่นยิงปืนกันเถอะ"
เพียงแค่ประโยคเดียว พี่น้องทั้งสองก็คว้าปืนออกมายิ่งเล่นกับเพื่อนๆด้วยกันเช่นเคย หากแต่ครั้งนี้สหายของพี่ชายน้อยกลับชิงเขาในชีวิตจริง ไม่มีใครคาดคิด และสุดท้ายก็ทิ้งให้เขาเป็นคนเลวและถูกทำร้าย ไม่มีใครยลยอพวกเขาเวลาชนะ มีแต่ถูกรุมประณาม เวลาพ่ายแพ้ก็ที่ก็มีแต่ความตายตรงหน้า
"ทำไมหนอโลกนี้ถึงมีสิ่งที่แตกต่างกับปานนี้ เอ็งเป็นเจ้าเป็นนายมียศมีศักดิ์ แต่น้องชายเอ็งหลงผิด ไปถนัดใจได้เพียงนั้น..."
คำพูดของพระนั้นทำให้เรารู้ว่าไม่มีใครรู้สึกยินดีในทางเลือกของเขาเลย เขาก็ไม่ต่างจากนกที่ถูกพี่ตัวเองยิงตาย ไม่ต่างจากนกที่เขาคอยเรียกให้มันมาหา พวกมันโดนทำร้ายทั้งที่บริสุทธิ์ แม้ในเรื่องจะไม่ได้บอกว่าเขาตาย แต่สุดท้ายเขาก็จะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด ห่างจากครอบครัว ญาติพี่น้อง คนรู้จัก เพื่อที่จะไปยืนหยัดในพื้นที่ของตน เพื่อนที่ของเสียงนกแห่งการรับฟัง บางทีเสียงนกเหล่านั้นมันก็มีอำนาจมากพอที่จะหยุดการกระทำของใครสักคนที่คิดจะมายิงพวกเขา
" 'ผม' เพ่งมองจ้องอยู่ที่เทือกเขาข้างหน้า หูแว่วยินเสียงนกตัวเล็กๆร้องทักขึ้น ผมสะดุ้ง ขนลุกกรูเกลียว..."
คำบรรยายของช่วยนี้ของ 'ผม' ทำให้รู้ว่านกนั้นเป็นสัญญาณเตือนในเหตุการณ์ภายภาคหน้าที่จะเกิดขึ้น มันเป็นเสียงมายา 'ผม' ได้บอกกับตัวเองไว้ ระหว่างที่เขากำลังเดินทางต่อด้วยรถถัง เขาเดินทางมากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ในขณะที่สองข้างทางขนาบไปด้วยสวนยางพารา เสียงนกยังคงดังอยู่เรื่อยๆในเฮดโฟนของเขามิมีใครรู้ว่านกตัวนั้นอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใด เป็นของจริงหรือภาพลวง เขาเพียงจับสำเนียงได้ว่า
"เรามาเล่นยิงปืนกันเถอะ... เรามาเล่นขึ้นกันเถอะ"
แล้วเขาก็คล้อยตามเสียงนั้น ใช่ เรามาเล่นยิงปืนกันเถอะ เล่นยิงปืนในชีวิตจริง เขาคือทหารอันกล้าหาญ ดีงาม เชิดชูแผ่นดิน นกตัวนั้น เลวระยำ หักหลังบ้านเมือง มาเล่นกันสิ ทหารน่ะมีทั้งปืนและรถถังนกน่ะมันมีแค่เสียงจิ้บๆของมัน เราจะไปกลัวอะ ไร มาเล่นกันสิ เล่นกันโดยแตะตัวแล้วจะไม่มีวันฟื้น สิ้นลมตายจากข้ามฝากไปสู่โลกแห่งวิญญาณด้วยกันสิ
"สะพานขาด"
เพื่อน 'ผม' บอกแบบนั้น แน่นอนว่า 'ผม' เองจึงหันหัวรถถัง ผ่านนาข้าวของนกไร้เสียงอาวุโส นกตัวนั้นขวางรถเอาไว้ เพื่อปกป้องผลผลิตของตนที่ทำมาด้วยความยากลำบาก พวกเขาคือนกนี่ เรามีอำนาจ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแสดงความเสียดาย!
'ผม" เลือกที่จะปิดตา ผลักเกียร์ไปข้างหน้า เพียงเพราะคำบัญชาจากเฮดโฟน แม้เสียงของเพื่อนทหารจะตะโกนให้ยายแก่คนนั้นออกไป แต่แกเลือกที่จะกางปีก ปกป้องผลผลิตที่แกทำมา สุดท้ายเพื่อนของเขาเลือกที่จะลากยายแก่ที่หมดสติไปไว้ข้างทาง เลือกที่จะฝ่าทุ่งข้าวสีทองนี้ไปหาศัตรู สองข้างขนาบได้ภาพหลอนของหญิงชรา ท่ามกลางสายตาของเด็กชายที่แอบอยู่ตรงประตูและพระที่ติดอยู่อีกฟากของสะพาน แต่แปลกไปเมื่อผมนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงนกแม้แต่น้อย
ข้าพเจ้าไปเปรียบเทียบนกนั้นเหมือนคนธรรมดาที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้าย เพียงเพราะใครสักคนกำหนดให้เขาเป็น และแม้ตัวละครอย่าง 'ผม" จะสามารถเดินทางไปกำจัดศัตรูได้แม้สะพานในในชีวิตจริงจะขาดลง แต่นั่นก็ทำให้สะพานในหัวใจของเขาเริ่มแตกออก ทั้งเหตุการณ์การยิงนก เรื่องน้องชาย และยายแก่ที่มายืนขวางรถ ล้วนเป็นแผลใจที่ถูกลืม แต่วันหนึ่งมันกลับปริออก เป็นภาพที่หลอกหลอนอยู่ในใจตลอดกาล และเสียงนกนั้นมันเงียบเพราะมันคือคำเตือนครั้งสุดท้าย ของแผลที่จะเน่าไปตามจิตใจของ 'ผม'
"จิตวิญญาณไม่ได้มาเตือนก่อนตาย แต่จิตใต้สำนึกมาเตือนว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ต่างหาก"