เพราะปัญหาจำนวนไก่ปูนที่ผู้คนนำมาถวายเพื่อแก้บนเริ่มจะล้นพื้นที่วัด สร้างทัศนียภาพไม่น่ามองให้กับคนที่พบเห็น และอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากในอนาคตหากไม่รีบแก้ไข ทำให้คุณถากูร เชาว์ภาษี และ คุณนันทิยา จำปาจันทร์ สองหนุ่มสาวจากแดนใต้ ตัดสินใจใช้ความรู้ความสามารถด้านการออกแบบที่มี สร้างผลิตภัณฑ์ของแก้บนที่สามารถย่อยสลายได้ขึ้นมา หวังเป็นทางเลือกใหม่ให้กับบรรดาสายมูทั้งหลายที่ต้องการถวายของขอพรให้สมหวัง แต่ก็ยังอยากรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันด้วย
“ตอนนั้นกระแสวัดเจดีย์ไอ้ไข่บูมมาก คนมาไหว้กันเยอะมาก สิ่งที่ตามมาที่เราสังเกตเห็นก็คือกองเศษประทัดและไก่ปูนจำนวนมากที่คนเอามาไหว้ พอมันเยอะมันก็กองกันเป็นภูเขา ก็ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านทัศนียภาพของสถานที่ จะขนย้ายก็มีปัญหาเพราะน้ำหนักที่มาก เราหาข้อมูลแล้วพบว่าทั้งภาครัฐและเอกชนก็มีการพูดคุยและทำวิจัยเพื่อจะแก้ปัญหานี้มานานแล้ว มีออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ด้วย แต่ยังไม่มีใครทำในเชิงพาณิชย์แบบจริงๆ จังๆ สักเจ้าเดียว ผมคิดว่ามูลค่าทางการตลาดของธุรกิจนี้มันสูงมาก ผมก็เลยวางแผนธุรกิจและใช้ความถนัดทางด้านออกแบบสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา จึงเกิดเป็นแบรนด์บนบาน (BONBAN) ของแก้บนรักษ์โลกที่ย่อยสลายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
ตั้งใจใช้วัสดุย่อยสลายได้เพื่อหวังแก้ปัญหาขยะล้นพื้นที่
“ตอนจะทำเราตั้งต้นว่าอยากแก้ปัญหาในเรื่องของขยะครับ แต่จะใช้ไก่ไหว้แบบหมุนเวียนก็ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันก็มีเรื่องความเชื่ออยู่ โปรดักส์ต้องเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง แต่ทิ้งแล้วมันต้องย่อยสลายได้ ผมก็ไปดูว่าวัสดุอันไหนย่อยสลายได้ เลยเห็นว่าอุตสาหกรรมกระดาษรีไซเคิลก็มีอยู่ในบ้านเราด้วย ผมคิดว่าในการผลิตเราสามารถใช้โรงงาน OEM ในการผลิตกระดาษนี้เป็นขั้นต้นก่อน คิดว่าน่าจะเป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับเราตอนนี้ครับ ด้วยวัสดุกระดาษแบบนี้มันโดนน้ำแล้วมันย่อยสลายได้อยู่แล้วเพราะมันทำมาจากเยื่อไม้ ผมให้โรงงานผลิตแค่กระดาษ ที่เหลือเราเอามาประกอบและใส่รายละเอียดเอง ตรงนี้ก็เป็นการสร้างอาชีพให้คนในชุมชนด้วยครับ”
สร้างกิมมิคให้สินค้า มูเตลูยิ่งได้ เสี่ยงโชคยิ่งดี
“ผลิตภัณฑ์ของเราจะมีสามรูปแบบครับ ก็จะมีไก่ออริจินัลเป็นสีกระดาษรีไซเคิลเลยครับ ไก่แก้บนประจำวันเกิด จะมีเจ็ดสีเจ็ดวันเลย สีที่เราใช้ทาจะเป็นสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วก็ไก่แก้บนพรีเมียมจะเป็นไก่เงินไก่ทองครับ ไก่พรีเมียมเราจะใช้เทคนิคการปิดทองให้กับตัวไก่โดยใช้ทองคำเปลว ข้างในไก่ทุกตัวจะใส่เมล็ดพันธุ์ดอกไม้มงคลที่ช่วยในเรื่องการงาน การเงิน ความรัก ก็จะมีดอกดาวเรือง ดอกดาวกระจาย ดอกเดซี่ ผมจะใส่ผสมกันเลย ไก่หนึ่งตัวก็จะได้ทั้งสามเรื่องเลยครับ และไก่ทุกตัวจะมีตัวเลขอยู่ สามารถขูดเลขเพื่อเอาไปเสี่ยงโชคได้ครับ กิมมิคนี้ผมดูจากพฤติกรรมคนที่มาจุดประทัดแก้บน หลังจุดก็จะลุ้นเลขข้างในกัน ผมก็เลยเอาเทคนิคนี้มาใช้กับผลิตภัณฑ์เราด้วยครับ”
วางแผนนำขยะที่เหลือจากการผลิตมาต่อยอดเป็นสินค้าในอนาคต
“ตอนนี้ขยะที่เหลือจากการผลิตมีนิดหน่อยครับ เป็นพวกเศษกระดาษเล็กๆ ซึ่งมันย่อยสลายได้อยู่แล้ว แต่เราก็มีแผนในอนาคตด้วย คือเรามีแผนที่จะเอาเศษที่เหลือและขยะเหลือทิ้งจากวัด เช่น กล่องประทัด ขวดน้ำพลาสติก เอามาอัพเกรดเป็นผลิตภัณฑ์แบบพรีเมียม แล้วก็อาจจะไปคอลแลปส์กับศิลปินอื่นๆ หรือว่าทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสายมูเตลูในรูปแบบใหม่ๆ ต่อครับ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตอนนี้ก็มีออกแบบไว้บ้างแล้ว แต่กำลังรอดูตลาดและเรื่องทาร์เก็ตที่ชัดเจนก่อนแล้วเราก็จะมีเพิ่มเข้ามาครับ”
ทำการตลาดเชิงรุก เข้าถึงตัวแทนขาย เสนอทางเลือกใหม่ให้ผู้ซื้อ
“หลักๆ เราจะเข้าไปหาที่สถานที่เลยครับ อย่างทาร์เก็ตหลักที่เราตั้งไว้คือวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เราก็จะเข้าไปคุยกับร้านขายของแก้บนบริเวณรอบวัด เราไปจัดบูธเพื่อเปิดรับตัวแทนจำหน่าย สื่อสารให้เขารู้ว่าเรามีผลิตภัณฑ์นี้และมันช่วยแก้ปัญหาขยะได้ยังไง ถ้าใครอยากเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ติดต่อเราที่เพจเฟซบุ๊ก BONBAN ได้เลย และเราก็ยังทำสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ มีโปรโมตผ่านทางออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจจุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์ นอกจากจากนี้ก็ยังไปคุยกับร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรมต่างๆ เพราะผลิตภัณฑ์เราสามารถเป็นของฝาก ของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้ ผมอยากให้ผลิตภัณฑ์ของผมเป็นของที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราชหรือว่าในประเทศเกี่ยวกับเรื่องมูเตลูครับ ให้เป็นภาพลักษณ์ที่ดีกับการท่องเที่ยวสายมูเตลูว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และเป็นที่ยอมรับของชาวโลกด้านรักษ์โลกครับ”
สตาร์ทอัพโตได้ต้องเชื่อในศักยภาพและลงมือทำอย่างจริงจัง
“ปัญหาที่ผมเจอตั้งแต่ทำธุรกิจเลยก็คือทุน เราไม่ได้มีเงินทุนมาก เราก็ใช้วิธีการไปหาแหล่งทุน ผมทำแผนธุรกิจแล้วไป Pitching ตามแหล่งทุนต่างๆ เพื่อให้เขารับในโมเดลธุรกิจของเรา แต่ที่สำคัญเราต้องเชื่อมั่นธุรกิจของเราและเชื่อมั่นในข้อมูลที่เรามีด้วยจึงจะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นถ้าอยากเริ่มธุรกิจผมคิดว่าเราต้องเชื่อในศักยภาพที่เรามี เชื่อในข้อมูลที่เรามี และเชื่อในธุรกิจที่เราจะทำแบบไม่หลอกตัวเองนะครับ แล้วก็ลองทำอย่างจริงๆ จังๆ ดูสักครั้ง จะได้ไม่ต้องค้างคาใจ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ”
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก BONBAN