เข้ามาอัพเดทธุรกิจการศึกษาของครอบครัวให้ก้าวสู่แนวคิดยุคใหม่ คมพิชญ์ พนาสุภน ผู้บริหารไฟแรง ทายาท อ.พีระ พนาสุภน ผู้ก่อตั้งสถาบันกวดวิชาแม็ค และ อัจฉรา พนาสุภน ซึ่งได้เข้ามารับไม้ต่อในการต่อยอดธุรกิจ MAC Education ด้วยประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย คมพิชญ์ หรือ พีท ทายาทคนเดียวของครอบครัว เล่าถึงเส้นทางการศึกษาของตัวเองว่า ในวัยเด็กได้ผ่านการศึกษาในระบบวอลดอร์ฟ (WalDorf) หรือการเรียนในรูปแบบให้เด็กอยู่กับธรรมชาติ และเน้นการทำงานด้านศิลปะ หลังจากจบชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ก็ได้ไปเรียนต่อที่ St.Michaels University ประเทศแคนาดา ซึ่งที่นั่นทำให้ตนเองค้นพบว่า
การศึกษาที่ดี ครูเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กพัฒนา และกล้าที่จะดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้ จากนั้นก็ได้ไปเรียนที่ Glasgow School of Art-School of Design สาขาโปรดักส์ ดีไซน์ และสาขา Industrial and Strategic Design และ International Design and Business Management ที่ Aalto University ประเทศฟินแลนด์
“ผมชอบทางด้านศิลปะ ครีเอทีฟ และดีไซน์ เลยเลือกเรียนด้านนี้ หลักสูตรการเรียนเป็นแบบเรียน 6 ปี ควบจบปริญญาตรี และปริญญาโท 2 ใบ ซึ่งในหลักสูตรเป็นโปรแกรมศึกษาร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้านการออกแบบในทวีปยุโรป ได้แก่ สกอตแลนด์, ฟินแลนด์, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสวีเดน เรียนอยู่ที่สกอตแลนด์ 2 ปี เยอรมนี 1 ปี ฟินแลนด์ 3 ปี ส่วนที่อิตาลีและสวีเดน ไปแค่ 2 เดือน ช่วงระหว่างเรียนผมได้ไปฝึกงานที่บริษัท แอร์บัส ของฝรั่งเศส เป็นจูเนียร์ ดีไซน์ ร่วมออกแบบที่นั่งเครื่องบินแอร์บัส ที่จะเปิดตัวในปี 2020 พอเรียนจบก็ได้ไปทำงานที่บริษัทออกแบบที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศอินเดีย ทำทางด้านการออกแบบเชิงกลยุทธ์ แต่อยู่ได้ไม่กี่เดือน คุณพ่อเริ่มมีปัญหาสุขภาพ เลยต้องกลับมาเมืองไทย”
ผู้บริหารหนุ่มเล่าต่อว่า ตอนมาจับงานครั้งแรกก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องค่อยๆเรียนรู้ สุดท้ายพยายามหาจุดแข็งขององค์กรแล้วพัฒนาต่อยอด เริ่มด้วยการทำงานวิจัยทางการตลาด แล้วนำจุดแข็งด้าน วิชาการของแม็คมาใช้ คือทำวารสารแจกฟรี JUZZ Magazine ให้เด็กทั่วประเทศ เป็นนิตยสารที่ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจวัยรุ่น และวัยรุ่นเข้าใจตนเอง ซึ่งทีแรกแบกภาระขาดทุนอยู่ 1 ปี สุดท้ายกระแสตอบรับดีมาก จากนั้นก็ได้เริ่มทำศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อ MIECA (MAC International Education Consultant Agency) ที่จามจุรีสแควร์ เน้นจุดเด่นต่างจากคนอื่น ด้วยการสร้างความเข้าใจของคนในครอบครัวร่วมกันก่อนส่งลูกหลานไปเรียนต่อ พร้อมปรับทัศนคติของพ่อแม่และเด็กให้ไปในทิศทางเดียวกัน
“ผมอาจจะเริ่มจากศูนย์ ในการทำงานด้านการศึกษา แต่ที่ผ่านมาผมได้ประสบการณ์มากมาย การทำธุรกิจที่ให้ความรู้กับคน เป็นธุรกิจเชิงบวก ผมได้ยินคนพูดกับผมว่า คุณพ่อทำให้เขาสอบเอ็นทรานซ์ติด ฟังแล้วภูมิใจมาก จึงอยากทำงานตรงนี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมกับสานต่อแนวคิดของคุณพ่อ ในการสร้างเด็กไทยให้พร้อมสู่อนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างธุรกิจให้โตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้แก่สังคมด้วย” ...สมเป็นผู้บริหารที่น่าจับตามองจริงๆ.