พูลทรัพย์ เจตลีลา : "ครัวดอกไม้" ของคุณพูลทรัพย์ เจตลีลา

พูลทรัพย์ เจตลีลา

หากย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเรื่องราวของดอกไม้กินได้นิยมกันมากทีเดียว มีผู้เชี่ยวชาญการปรุงอาหารหลายคนหันมาเขียนตำรับตำราเกี่ยวกับดอกไม้กินได้จัดทำเป็นเมนูหลากหลาย รูปลักษณ์หน้าตาก็สวยงามน่ารับประทาน แต่สำหรับตำรับ "ครัวดอกไม้" ของคุณพูลทรัพย์ เจตลีลา เป็นอาหารดอกไม้ที่ให้มากกว่าเมนูเด็ด เพราะในตำรับอาหารที่เธอนำดอกไม้มาปรุงแต่ง เธอได้บอกเล่าเรื่องราวอื่น ๆแฝงไว้ในครัวดอกไม้ เรื่องราวเหล่านั้นก็คือ - สรรพสิ่งในธรรมชาติอิงแอบแฝงอยู่ในดอกไม้ ใบไม้ รากไม้ ลำต้น

"เป็นคนรักดอกไม้ จึงคิดว่าทำอย่างไรให้ทุกคนหันมารักดอกไม้ แล้วปลูกต้นไม้เหมือนเรา สิ่งแรกก็ต้องหากลวิธีในการชักจูงเริ่มจากวาดรูปออกมาแล้วสวย เพราะในหนังสือเล่มนี้ดิฉันวาดภาพประกอบเอง ถ้าเขาวาดรูปไม่เป็น ก็ลองมาทำกับข้าว เราก็จูงใจผู้อ่านไปเรื่อย ๆ พอเขาเห็นว่า ดอกไม้ทำกับข้าวอร่อย ก็จะทำให้ผู้อ่านเกิดอยากทำกับข้าวให้ครอบครัวรับประทาน เขาก็ต้องลุกมาปลูกต้นไม้แล้วต้องปลูกต้นไม้ที่ไร้สารพิษเนื่องจากต้องนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร คิดดูสิคะมันจะดีแค่ไหน เมื่อมีการปลูกต้นไม้ ดอกไม้ไร้สารพิษพวกมด แมลงก็จะตามมากลายเป็นระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ หัวใจของ "ครัวดอกไม้" หนังสือ "ครัวดอกไม้" จึงไม่ได้บอกเพียงแค่เมนูอาหารอย่างเดียว

"ดิฉันมีเรื่องราวต่าง ๆที่สอดแทรกเข้าไป ฉะนั้นเมนูอาหารที่ดิฉันคิดขึ้นจึงเรียบง่ายมาก จะบอกเพียงแค่ว่าใช้เกลือเพียงหยิบมือ คุณจะมือเล็ก มือใหญ่ก็ไม่ว่าอะไร คุณก็ไปชิมกันดูว่ารสชาติถูกปากหรือเปล่า แต่กว่าที่จะมาเป็นเมนูอาหารนั้น ดิฉันต้องการบอกว่า - คุณปลูกต้นไม้ต้นนี้ มีวิธีปลูกอย่างไร ปลูกง่าย ๆไม่ยุ่งยาก แค่นำฟัก หรือเมล็ดไปโยน ๆก็ขึ้นแล้วอย่างนี้เป็นต้น แล้วเราก็บอกวิธีเก็บ และก็บอกวิธีกินด้วย(หัวเราะ) …

"เนื่องจากดิฉันมีน้องสาวเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ จึงมีโอกาสไปช่วยเขาตำราการสอน นิทรรศการ ทำให้เรามีความรู้เรื่องลักษณะของต้นไม้ เพราะในตำราจะบอกหมดเลยว่าราก ลำต้น กิ่ง ตา ใบ ดอก ขนาดของต้นไม้เท่านี้ เขาจะให้ดอกออกผล อย่างไร เนื้อในผลเป็นอย่างไร มีพิษหรือไม่มี พอเรารู้ตรงนี้จึงทำให้เรายิ่งอยากให้ความรู้ตรงนี้ทำอย่างไรให้คนอื่นเข้าใจ แต่ว่าจะมีวิธีไหนที่จะให้คนอ่านได้ไปแบบไม่รู้ตัว โดยที่เขาไม่ต้องไปอ่านหนังสือตำราตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ

หนังสือเล่มต่อไปของดิฉันอาจจะเป็นลักษณะ ห้องรับแขกดอกไม้ ตู้ยาดอกไม้ หรือแม้กระทั้งสุสานดอกไม้ คือรวมพืชที่มีพิษทุกชนิดที่กินไม่ได้ ซึ่งดินฉันจะเขียนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้จากพืชทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้นโลกเขาเราเวลานี้มีการทำลายต้นไม้เยอะมาก จนเราลืมนึกไปว่าเราตัดต้นไม้ต้นหนึ่งเท่ากับเราทำลายสิ่งมีชีวิตอื่น ๆที่อาศัยอยู่รอบ ๆต้นไม้ต้นนั้นด้วย ดิฉันปลูกต้นไม้ดิฉันไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย เราต้องมองเห็นชีวิตอื่น ๆ ที่อยู่แวดล้อมต้นไม้ต้นนั้นด้วย หนังสือเล่มต่อไปของดิฉันที่ตั้งใจไว้ก็จะเป็นเรื่องราวเช่นนี้

ช่วงนี้ดิฉันก็บันทึกข้อมูลเก็บไว้ตลอด เพียงแต่ว่าเราจะนำออกมานำเสนอในประเด็นไหน ซึ่งทุกประเด็นจะต้องเกี่ยวกับพืช และระบบนิเวศน์ ดิฉันไม่ได้มองแค่ว่าพืชชนิดนี้จะนำมาทำอาหารแบบไหนเท่านั้น แต่จะมองลึกมากไปกว่านั้น อาจจะเป็นเพราะดิฉันโตมาจากต่างจังหวัด ความผูกพันกับธรรมชาติจึงมีอยู่ในความรู้สึก ฝนตก นกร้อง วันหนึ่งเราต้องเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง เราต้องอยู่กับตึก ถนน รถยนต์ จึงเหมือนกับเป็นสิ่งที่เราโหยหา คุณวัชระ ปานเอี่ยม เขาอ่านหนังสือของดิฉัน แล้วมาบอกว่า - อ่านหนังสือของพี่แล้วสนุกมาก ดิฉันก็ถามเขาว่า - อ่านแล้วอร่อยหรือเปล่าหละ คุณวัชระก็ยังยืนยันว่าอ่านแล้วสนุก ดิฉันก็ถามอีกว่า - สนุกอย่างไร เขาบอกว่า พออ่านแล้วทำให้เขาคิดถึงสมัยที่เขายังเป็นเด็ก ๆ นึกถึงวัยเด็ก นึกถึงสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้แหละคือวัตถุประสงค์ของเรา เพราะดิฉันอยากให้คนอ่านรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ หลังจากที่หนังสือเล่มนี้ไปถึงผู้อ่าน ก็มั่นใจว่าหลายคนต้องลุกมาทำกับข้าว และปลูกต้นไม้ ดอกไม้ตามแน่นอน..."

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ