ทมยันตี เป็นนามปากกาของ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเธอเป็นราชินีนักเขียนของวงการหนังสือเมือง ไทย การที่ได้อยู่ในครอบครัวรักการอ่านที่มีทั้งแม่และยายคอยให้การสนับสนุนอย่างไม่รู้ตัวนั้นเสริมสร้างให้ทมยันตีเป็นเด็กที่อ่านหนังสือแตก ช่างคิดช่างสังเกตมาตั้งแต่เยาว์วัย ในวัยเด็กของทมยันตีเธอได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้อ่านหนังสือแล้วสรุปใจความไปเล่าให้ฟัง หนังสือที่โดนตั้งเป็นโจทย์ในแต่ละวันก็ไม่ซ้ำแนวกัน นั้นเป็นการฝึกฝนให้เด็กหญิงหางเปีย เรียนรู้จากการอ่านมากมาย และอาจจะกล่าวได้ว่านั้นเป็นจุดเริ่มของนักเขียนนามกระเดื่องผู้นี้
เป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่าทมยันตีเป็นนักเขียนไทยที่ได้รับค่าเรื่องสูงในระดับหัวแถวของนักเขียนไทย เธอบอกว่าบอกการได้รับค่าเรื่องสูงนั้นหาใช่ที่นามปากกาไม่แต่เป็นผลงานที่สื่อออกมาต่างหากเล่า ความนิยมที่ผู้อ่านมอบให้ต่างหากเล่าที่ทำให้ผลงานของเธอได้รับค่าต้นฉบับที่สูงตามไปด้วย เธอบอกว่ามันเป็นหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องอุปสงค์-อุปทาน
จุดเริ่มต้นของการจับปากกาของทมยันตีเริ่มขึ้นจากการอ่านนิยายเล่มละ 10 สตางค์แล้วไม่ชอบบทใจบทจบเลยต้องแต่งขึ้นใหม่เพื่อให้ตรงใจตัวเอง สำหรับผลงานชิ้นแรกของทมยันตีที่ผ่านการเผยแพร่ทางหน้านิตยสารคือเรื่องสั้น ตุ๊กตายอดรัก ซึ่งได้ตีพิมพ์ในนิตยสารศรีสัปดาห์ ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานบรรณพิภพก็มีโอกาสได้ต้อนรับนิยายเรื่องแรกของเธอ ในฝัน ด้วยนามปากกา โรสลาเลน ปัจจุบันนี้ทมยันตีหรือคุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ มีผลงานครบ 100 เล่มแล้ว ผลงานเล่มล่าสุดคือ ราชินีชีบา ในนามปากกา ลักษณวดี
สำหรับนามปากกาของ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ มีอยู่ด้วยกัน 4 นามปากกา โดยแบ่งการใช้งานไปตามลักษณะเนื้องานที่แตกต่างกัน ทมยันตี ใช้เป็นนามปากกาที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมสูงสุด ใช้แต่งเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตและสังคม ผลงานที่โดดเด่นภายใต้นามปากกาทมยันตี เช่น คู่กรรม คำมั่นสัญญา ทวิภพ และรวมไปถึงนวนิยายแนวประวัติศาสตร์อย่างเรื่อง ร่มฉัตร กษัตริยา เป็นต้น
โรสลาเรน เป็นนามปากกาแรกของนักเขียนระดับตำนานผู้นี้ ด้วยผลงานเรื่องสั้น ตุ๊กตายอดรัก และนวนิยายเรื่องแรกในชีวิตอย่างเรื่องในฝันดังที่ได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น โรสลาเรนใช้สำหรับเขียนเรื่องแนวพาฝัน ผลงานที่โดดเด่นภายใต้นามปากกานี้ ได้แก่ เรื่อง รอยอินทร์ เป็นต้น ลักษณวดี ใช้สำหรับเขียนนิยายรักที่มีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเจ้าหญิงเจ้าชาย ผลงานที่โดดเด่นภายใต้นามปากกานี้ได้แก่ ดั่งดวงหฤทัย เป็นต้น ส่วนนามปากกา กนกเรขา ใช้สำหรับแต่งเรื่องเฮฮาที่มีเนื้อหาไม่หนักเกินไป เช่น พ่อปลาไหล ในแต่ละวันของทมยันตีนั้นเธอไม่เคยห่างจากหน้ากระดาษว่างเปล่าที่วางรอไว้ให้เธอเสกใส่ชีวิตลง
“เวลาเขียนงานจะไม่รับโทรศัพท์ บางคนโทรมาพอไม่ได้รับก็จะโกรธ แต่ก็ถือว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่ แล้วก็จะมุ่งอยู่ตรงนั้น นอกจากว่าเที่ยงแล้ว แม่บ้านจะมายืนอยู่หน้ากระจกเฉยๆหรืออย่างน้อยก็จะแตะประตูนิดหนึ่ง ดิฉันเห็นเงาก็จะเขียนจนกระทั่งจบใจความที่ตั้งใจไว้ แล้วจะวางปากกา ไปกินข้าวเที่ยง พอกินเสร็จก็จะเดินเล่นให้อาหารย่อย ไปดูปลาที่เลี้ยงไว้ไปเล่นกับหมา เล่นกับนก พอให้รู้สึกว่าอาหารย่อยสักประเดี๋ยวก็จะมาดูต้นฉบับที่เขียนไว้ว่ามีตอนไหนไหมที่เรายังติดค้าง มีตอนไหนไม่ที่เรายังต้องค้นคว้า หรือต้องการความมั่นใจในข้อมูลก็จะพลิกข้อมูลดู
สำหรับข้อมูลนี้ จะเขียนเรื่องอะไรก็ยกหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นมาเป็นตั้ง หนังสือพวกนี้ที่อ่านเป็นข้อมูลจะมีกระดาษคั่นที่คั่นไว้ก็จะบอกเลยว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นการค้นข้อมูลจะง่ายมาก ก็จะเอามาอ่านอีกครั้งจนเรามั่นใจก็จะลงมือทำงานต่อ
อยู่ในห้องหนังสือจนกว่าประมาณ 5 โมงเย็น หรืออาจจะจบตอน แต่หมายความว่าถ้าลุกก็ต้องได้หนึ่งตอน ถ้าวันไหนเสร็จเร็วก็ดีใจออกมากินน้ำกินกาแฟแล้วจะกลับเข้าไปใหม่ ไปนั่งอ่านหนังสือ สำหรับเรื่องที่เราจะเขียนพรุ่งนี้ อาทิตย์หนึ่งจะทำงานแบบนี้ 5-6 วัน วันเสาร์-อาทิตย์ส่วนใหญ่จะเป็นวันหยุด ไปไหนมาไหนตามที่ตัวเองชอบ หรือลูกรับไปเที่ยว ชีวิตประจำวันน่าเบื่อเพราะวนเวียนอยู่เท่านั้น
อยากบอกกับนักเขียนใหม่ทุกๆคนว่าถ้าคุณอยากเป็นนักเขียนมืออาชีพ ไม่ใช่เขียนส่งเดชแต่เขียนอย่างที่วันหนึ่ง นวนิยายของเราไมใช่นวนิยายแต่มันจะกลายเป็นวรรณกรรมที่เหลือทิ้งไว้เราตายไปนานเท่าใดก็ตาม สิ่งเหล่านั้นจะเหลืออยู่ ”
นักเขียนใหญ่?
“อย่ามองทมยันตีว่าเป็นนักเขียนใหญ่เลย เพราะบัลลังค์ที่นั่งอยู่นักเขียนใหญ่ในอดีตก็เคยเดินลงมาแล้วอย่าง ก.สุรางคนางค์ ก็เคยนั่งมาแล้ว นักเขียนใหญ่หลายคน ยาขอบ ไม้ เมืองเดิม ทุกคนต้องเดินลงจากบัลลังค์ ดิฉันก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนักเขียนยอดนิยมอะไรดิฉันดีใจเพียงคุณร้องไห้ให้กับโกโบริ หัวเราะไปกับพ่อปลาไหล ความสุขความทุกข์ในใจของผู้อ่านที่คล้อยตามตัวอักษรของดิฉันคือชัยชนะของดิฉัน แค่นั้นพอแล้ว อยากบอกทุกคนว่าเงินไม่มีค่าสำหรับมืออาชีพ”
หนังสือทั้ง 5 เล่มของโครงการถนนสู่ดวงดาว
“อ่านหนังสือทั้ง 5 เล่มด้วยความยากลำบากอ่านวนแล้ววนอีก การแพ้ชนะ กันในวันนี้ก็แค่เรื่องของรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทวารบถกับอนธการนี้ทำให้เราได้พล๊อตของนักเขียนที่จะเขียนเรื่องของ การต่อสู้กันในทางจิตวิทยา การฆ่ากันการชำแหละศพ และการวางโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยม เป็นโครงเรื่องที่ดิฉันชอบเหลือเกิน แต่ดิฉันมาร์คทุกหน้าว่าคุณแพ้ชนะกันด้วยรายละเอียดเล็กๆ งานของดิฉันเองนี้พอรู้ว่าจะรวมเล่มดิฉันจะรีไรท์อีก 3 ครั้ง เพราะฉะนั้นต้องรีไรท์ ส่วนอีกทั้งสองท่านที่เขียนเรื่องโรมานต์เป็นโรมานต์ชั้นดี สำบัดสำนวนแหวนดอกหญ้านั้นดี สำนวนของแป้งร่ำสารภียังติดอยู่ในหัวใจอ่านแล้ว อือ ยังมีคนรู้จักวิธีการทำแป้งร่ำสารภี
ทำไมเซลล์เกิร์ล รักนี้ไม่ได้มีไว้ขายถึงได้รางวัล
ตัวละครของเขาทุกตัวตั้งแต่ต้นจนจบคาแรกเตอร์ไม่เปลี่ยน รายละเอียดของเรื่องแทบจะไม่มีที่ติ อย่างเช่นการเข้าไปอยู่ในบริษัท ตำแหน่งต่างๆในบริษัทถูกต้อง และสำนวนของปัจจุบันนี้ถูกต้อง พล๊อตเรื่องอาจจะไม่โดดเด่น แต่เป็นเพราะสามารถรักษาพล๊อตตั้งแต่ต้นจนจบได้และสามารถรักษาคาแรกเตอร์ของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบได้นี้สำคัญ และสามารถปิดฉากของเรื่องได้ดี ถ้าเปิดหนังสือเขาดิฉันแทบจะไม่ได้ขีด ของเขารู้สึกจะมีอยู่ 5 จุดเท่านั้นเองที่ขีด แต่มีชื่อเรื่องเท่านั้นแหละหากเป็นดิฉันจะตัดเหลือแค่ รักนี้ไม่ได้มีไว้ขาย หน้าปกเลยนะที่ถูกขีด
จะวางมือ?
สิ่งที่เป็นความปรารถนาอย่างยิ่งของดิฉันคือโกนหัวเข้าวัดแล้วใช้ชีวิตในเพศนักบวชอย่างสงบ ก็จะสอนเป็นรุ่นๆ แล้วจะนั่งดูพวกนี้ให้เขาเดินไป ตอนนี้ยังเหลือคำมั่นสัญญาที่จะต้องสะสาง กับกุลสตรี ขวัญเรือน โดยเฉพาะกับนรีภพลูกพี่สุภัทร พี่สุภัทรไปแล้วทิ้งลูกสาวไว้ที่สกุลไทย ดิฉันเคยสัญญาไว้ว่าจะเขียนหนังสือให้พี่สุภัทรเรื่องหนึ่ง พี่สุภัทรยังไม่ได้อ่านเลยพี่สุภัทรก็ไปรวมกับพี่สุภาว์ พี่สุวรรณี เหลือดิฉันกับพี่สุกัญญา
วันหนึ่งลูกสาวพี่สุภัทรบอกว่าป้าอี๊ดแม่ไม่ได้อ่าน ให้หนูอ่านได้ไหม ดิฉันก็ตอบว่า จ๊ะป้าจะเขียนให้หนูอ่านแทนแม่ ก็คงจะเขียนให้นรีภพหนึ่งเรื่อง เขียนให้กุลสตรี เขียนให้ขวัญเรือนตามที่สัญญาไว้ ดิฉันเป็นคนที่ทำตามสัญญา สัญญาของดิฉันต้องเป็นสัญญา ดิฉันจะเก็บเรื่อง ที่สัญญาให้หมดและวางทั้งหมด แล้วดิฉันจะไปอยู่ที่บ้านเชิงเขาหิมาลัย มีบ้านแล้ว มีคนคอยอยู่ที่นั้น มีแม่ชีคอยอยู่ที่นั้น แล้วดิฉันคงจะเริ่มต้นจอมศาสดาทดแทนพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทำให้ให้ดิฉันมีชีวิตอย่างในวันนี้ วันนั้นวิศวนาถก็จะโกนหัวเข้าป่าและคงจะเป็นอีกวันที่เรามองกันยิ้มให้กันแล้วต่างคนก็ต่าง หันหลังเดินไปบนเส้นทางของตน และแม่อี๊ดอาจจะใส่สุดขาวมานั่งข้างหลังโน่นมานั่งมองเวทีอย่างนี้ หวังว่าวันนั้นพวกคุณคงจะจำดิฉันได้บ้าง
โครงการถนนสู่ดวงดาวนี้มีต่อไหม
ยังอยากจะทำแต่ดิฉันไม่เคยเชื่อว่าชีวิตดิฉันจะยืน วันหน้าอาจจะมีเวทีอย่างนี้น่ะ แล้วคุณก็มองขึ้นมาบนเวทีนี้ ที่ตรงนี้ป้าเคยยืนแต่วันนั้นอาจจะไม่มี ใครจะรู้ลงไปจากเวทีนี้พรุ่งนี้ป้าอาจจะนอนเงียบๆ เคยบอกใครๆว่าถ้าดิฉันเป็นอะไรไป
1. ศพจะไม่ใส่โลง
2. คุณรีบไปนะภายใน 24 ชั่วโมง แล้วก็ตั้งกองฟืนแล้วเอาป้านอน อยากบอกคุณว่ามนุษย์ให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน มีเกียรติยศอย่างไรมันก็เท่านั้นแหละ ลมหายใจอาจจะไม่ใช่ลมหายใจ
คำแนะนำนักเขียน
สำหรับนักเขียนนที่ได้รางวัลทมยันตีอวอร์ดหากคุณยังเขียนแนวนี้อยู่อีกแสดงว่าคุณไม่เก่งจริง นักเขียนที่แท้จริง ไม่ใช่วัดกันที่ผลงานแค่เล่มเดียวรางวัลเป็นเพียงปรากฏการณ์แค่ครั้งเดียว แต่การเป็นนักเขียนอาชีพคนอ่านจะเป็นผู้ตัดสิน งานของดิฉันร้อยเล่มจะเห็นว่าดิฉันพลิกบทประพันธ์เดี๋ยวเขียนแนวโน่นเขียนแนวนี้ พลิกอยู่ตลอดเวลาถึงจะยืนยงอยู่ได้ วันนี้เขียนอย่างเรื่องที่จบไป ชีบา
ชีบาเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ต่อไปดิฉันก็จะเขียนอย่างอื่น ตอนนี้กำลังจะขึ้นสรวงฟ้ากับ บาดาล เป็นนักเขียนต้องพลิกพล๊อตอยู่ตลอดเวลาใครบอกเป็นนักเขียนจนด้วยพล๊อต ไม่จริงมีพล๊อตอยู่มากมาย แต่มาถึงวันนี้แล้วเรื่องที่อยากเขียนมากที่สุดดิฉันจะเขียนว่าพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุรุษที่ฉลาดเลิศอย่างไร และพระพุทธเจ้าจะทำให้เรามีชีวิตอยู่ย่างสงบ เพราะฉะนั้นคอยอ่านจอมศาสดาซึ่งจะเล่าถึงพระพุทธคุณ แต่ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออย่างที่คุณคิดหรือเคยอ่านในพุทธประวัติ อย่างแน่นอน ดิฉันจะเขียนอย่างที่ดิฉันคิดว่าพระพุทธเจ้า เป็นอย่างไรท่านฉลาดอย่างไร