กลิ่นหอมแรงจากกลีบดอกสีขาวละมุนเจ้าของนาม “ซ่อนกลิ่น” เตะจมูกของใครหลายคนให้ต้องชะเง้อชะแง้หาที่มา ไม่ต่างจากกลิ่นอายความสนุกสนานของเรื่องราวจินตนาการหลากหลายแนว ที่ส่งให้นามปากกา “ซ่อนกลิ่น” เป็นหนึ่งในความนิยมของคอนิยาย จนเป็นนักเขียนลำดับต้นๆของพิมพ์คำสำนักพิมพ์ ทั้งที่เพิ่งจะจับปากกาได้เพียงห้าปี กับผลงานสิบกว่าเล่มเท่านั้น พิสูจน์ได้ทั้งจากเป็นหนึ่งในนักเขียนซีรีส์ยอดขายถล่มทลายเรื่อง “ดวงใจอัคนี” ในชุด “บ้านไร่ปลายฝัน” ซึ่งกำลังจะเป็นอภิมหาโปรเจ็คฉลอง 40 ปีของช่อง 3 และอีกซีรีส์ล่าสุดที่พิมพ์ซ้ำเล่าซ้ำเล่า “เดอ ซิกส์เซนส์” ด้วยเรื่อง “เล่ห์บ่วงมนตรา”
รวมถึงเป็นหนึ่งในไม่กี่คน ที่ชื่อนักเขียนพิมพ์อย่างโดดเด่นสะดุดตาบนหน้าปกหนังสือ ใหญ่ยิ่งกว่าชื่อของเรื่องนั้นๆซะด้วยซ้ำ ราวกับว่าเพียงเห็นชื่อ ก็การันตีได้ถึงฝีไม้ลายมือที่พร้อมจะมอบความรื่นรมย์ให้แก่คนอ่านแน่นอน (หรือว่าอย่างง่ายๆคือมีแฟนประจำซื้อแน่นอน) นามปากกาหวานๆ ที่มาพร้อมเรื่องรักๆเชิงโรมานซ์ ชิงรักหักเหลี่ยมกันให้ได้ลุ้นทุกขณะ คงไม่แปลกถ้านักเขียนหญิงคือคนแต่งแต้ม
แต่เผอิญว่าคนตรงหน้าเราเป็นผู้ชาย แถมก่อนหน้ายังเป็นหนุ่มวิศวกรซะด้วย “เป็นเรื่องปกติครับ หลายคนก็แปลกใจ เพราะนักอ่านเขาเชื่อมาตลอดเลยว่าคนเขียนคือผู้หญิง เป็นความเชื่อที่เกิดจากงาน แต่พอมีกิจกรรมเจอแฟนคลับถึงได้รู้ความจริงกัน แต่ตอนนี้ก็ยังมีคนคิดอยู่นะ” “มนต์ชัย ศิริลัทพร” หรือ “ซ่อนกลิ่น” อธิบายขำๆด้วยรอยยิ้มในแววตาหลังกรอบแว่นใส ซ่อนกลิ่นเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เพราะงั้นความฝันจริงๆของเขาจึงหมายถึงอาชีพวิศวกร ขนาดถึงเวลานี้ เขาเองก็ยังงงๆด้วยซ้ำว่ามาแต่งนิยายได้อย่างไร แต่อาจเพราะความเป็นนักอ่านที่อ่านหนังสือทุกแนว อาทิ ขุนศึก เพชรพระอุมา สามก๊ก แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก่อนพัฒนาสู่การเขียน เพียงแต่ในช่วงแรกนั้นเป็นแนวสืบสวนสอบสวนฆาตกรรม ภายใต้ชื่อจริง ก่อนที่จะมาสู่รสชาติสไตล์ซ่อนกลิ่น
ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากจะทำให้คนรักประหลาดใจ “ผมดูหนังเรื่องหนึ่งที่เจ้าชายเดนมาร์กไปพบรักกับสาวอเมริกันแล้วชอบ ก็นึกๆอยากลองเขียนเรื่องสไตล์เจ้าชาย เลยถามภรรยาว่าถ้าจะสร้างเรื่องของเจ้าชายขึ้นมาสักเรื่อง อยากจะได้เจ้าชายแบบไหน แล้วเธอก็ว่าต้องเป็นเจ้าชายอาหรับซิ เหมือนเขากำลังอ่านการ์ตูนเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ เราก็เออ น่าสนใจ มีทะเลทราย เจ้าชายเจ้าหญิง มีโจร การผจญภัยคือผมชอบงานของคุณประภัสสร เสวิกุลด้วย โดยเฉพาะเรื่องชี้ค ก็เข้าทาง เล่นได้เยอะ ก็ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเทศทางแถบนั้น บรรยากาศ ศาสนา รายละเอียดต่างๆเพื่อมาใช้ในเรื่อง การที่จะทำให้คนอ่านเชื่อในสิ่งที่เราเขียนได้ ต้องเริ่มจากข้อมูลที่เป็นความจริงก่อน”
และการตอบรับดีๆจาก “ลิขิตรัก ทะเลทรายเลือด” ก็มีส่วนทำให้เขารู้ว่านี่ล่ะทางถนัดบวกกับเสียดายข้อมูลที่อุตสาห์ค้นมา เพราะงั้นนิยายเกินครึ่งของซ่อนกลิ่นจึงว่าด้วยบรรยากาศความลึกลับยวนใจ และมนต์เสน่ห์แห่งทะเลทราย แล้วทำยังไงถึงไม่ซ้ำซากและคนอ่านติดตาม เพราะเรื่องแนวนี้มีคนเขียนเพียบ “นิยายในโลกนี้มีพล็อตอยู่แค่สิบกว่าพล็อต เพราะงั้นให้เขียนยังไงก็จะวนด้วยพล็อตเดิม แต่คนเขียนต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา ให้คนอ่านรู้สึกถึงความแตกต่าง ต้องพยายามคิดอะไรใหม่ๆให้ได้ ด้วยการหัดช่างสังเกตแล้วต่อยอดความคิดจากเรื่องที่เห็น ส่วนใหญ่ผมจะได้จากการดูหนัง พยายามจะดูให้ได้วันละเรื่อง แนวไหนก็ได้ แต่หนังแต่ละเรื่องจะมีหลายจุดที่ให้เรานำออกมาเล่นได้ เวลาดูๆแล้วสะกิดใจ ก็จะเปิดคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์เก็บไว้ พอว่างๆก็มาเปิดดูว่าแต่ละอย่างจะสามารถต่อยอดไปเป็นอะไรได้บ้าง
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือบทแรก ต้องจับคนอ่านให้อยู่หมัด ให้ตื่นเต้นสงสัยว่าจะเกิดอะไรต่อไปจนต้องติดตามอ่าน ไม่ใช่ห้าบทสิบบทแล้วยังไม่ไปไหน ย่ำอยู่ที่เดิม อย่างนั้นสู้คนอื่นไม่ได้แน่นอน คือตัวผมยอมรับเลยว่าไม่ค่อยมีวรรณศิลป์ เพราะเรียนมาทางสายช่าง ทำงานกับตัวเลข ภาษาที่ใช้เลยทื่อๆ ตรงไปตรงมา คิดว่าเป็นความบกพร่องของตัวเอง แล้วถ้ายังเขียนไม่สนุกอีก จบเลย ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์ทั้งจากการเขียนการอ่าน” ทุ่มเทขนาดนี้ เลยได้ฉายาจากเพื่อนๆว่า “ซ่อนกลิ่นเร็วกว่านรก” เพราะเขียนงานได้เร็วมาก แต่นั่นก็แลกมากับการลาออกจากงานประจำ
“ก่อนหน้าเป็นวิศวกรประจำบริษัท แล้วเหนื่อย แปลงร่างตลอดเวลา กลางวันเป็นวิศวกร กลางคืนเป็นนักเขียนหลังจากกล่อมลูกสองคนให้หลับแล้ว คือเริ่มเขียนประมาณ 3 ทุ่ม ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บรรทัดเดียวก็ยังดี เพราะคิดว่าต้องเขียนทุกวันเพื่อความต่อเนื่อง พอช่วงปลายปี 2551 ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยากทำอะไรกันแน่ ต้นปี 2552 เลยลาออกมาทำงานส่วนตัว เน้นเขียนหนังสือเป็นหลัก พอมีงานออกแบบเข้ามาก็ไปทำตรงนั้นก่อน เพราะใช้เวลาไม่มาก และจะมีตัวเวลามาบังคับด้วย ซึ่งสบายใจมาก มีเวลาดูแลลูกมากขึ้น แต่ต้องบังคับตัวเองอย่างหนักไม่ให้ขี้เกียจ ไม่งั้นจะไม่ได้ทำอะไรเลย” ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะที่มาจากความสุขของการค้นพบตัวเอง
โดย สิ'นัน