ความลับหลังประตูครัว และบาดแผลที่ไม่มีใครเห็น – อ่าน “คุณยายอยู่ในครัว”
คุณยายอยู่ในครัว โดย เสาวรี
นวนิยายรางวัลชมนาด รองชนะเลิศอันดับ 2 ปี 2568
เวลาที่เราสูญเสียใครสักคนไปอย่างไม่มีวันกลับ สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่เป็นวันที่ต้องอยู่ต่อหลังจากนั้น… และในนิยายเรื่องนี้ การเยียวยามาในรูปแบบแสนธรรมดากลิ่นอาหารที่ลอยอบอวลอยู่ในครัวของคุณยายทุกวัน
มีหนังสือบางเล่มที่อ่านแล้วเหมือนพาเราเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ อย่างไม่รู้ตัว “คุณยายอยู่ในครัว” ก็เป็นหนึ่งในนั้น เล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่าน “ครัว” ที่ทำหน้าที่ทั้งเป็นพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่ของบาดแผล และเป็นมุมเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ไม่เคยจางหาย
ในบ้านเงียบที่มีเพียงป้าอ้วนกับเด็กชายหนึ่งคนอาศัยอยู่ร่วมกัน ครัวคือหัวใจของเรื่องทั้งหมด เสียงกุกกักตอนกลางคืน กลิ่นอาหารที่คุ้นเคย ความทรงจำที่โผล่ขึ้นมาในเวลาที่ไม่คาดคิด รวมถึงท่าทีแข็งทื่อของเด็กชาย ทุกอย่างประกอบกันจนเกิดบรรยากาศอบอุ่นปนเจ็บหน่วงอย่างประหลาด
เรื่องราวเล่าผ่านสายตาของ “ป้าอ้วน” ผู้หญิงวัย 50 ปลาย ๆ ที่ผ่านความเหนื่อยยากมาไม่น้อย เธอเป็นคนเสียงดัง หัวเราะง่าย รักการทำอาหาร และพยายามใช้ชีวิตแบบไม่ทำร้ายตัวเอง แต่ลึก ๆ ในใจเธอก็มีบางอย่างที่ไม่เคยพูดออกมาเหมือนกัน และขณะเดียวกัน เธอต้องดูแล “ประกอบ” เด็กชายวัย 12 ย่าง 13 ปี ที่ทั้งแข็ง ก้าวร้าว และปิดใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กคนนี้แทบไม่อยากเข้าใกล้ครัวหรือกลิ่นอาหารเลย ยิ่งทำให้ป้าอ้วนสงสัยว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในอดีตของเขา ความลึกลับเล็ก ๆ ของเรื่องอยู่ตรง “เสียงในครัวตอนกลางคืน” ทั้งที่ในบ้านมีเพียงสองคน แต่กลับเหมือนมีใครอีกคนเดินอยู่ในนั้น ผู้เขียนไม่ได้พาเรื่องไปทางสยองขวัญ แต่ใช้ความลึกลับ อ่อน ๆ เพื่อสะท้อนบาดแผลและความทรงจำที่พยายามจะกลับมาเจอเจ้าของมันอีกครั้ง
เสาวรีเล่าเรื่องอย่างนุ่มนวล ค่อย ๆ เปิดให้เราเห็นว่ามื้ออาหารแต่ละมื้อคือภาษาที่ใช้สื่อความรู้สึกแทนคำพูด ทุกครั้งที่ป้าอ้วนเจียวกระเทียม ล้างผัก หรือทำขนมหม้อแกง ภาพอดีตก็โผล่ขึ้นมาเงียบ ๆ ทั้งความเหงา ความสูญเสีย ความหวังเล็ก ๆ และความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นแบบไม่รู้ตัว เด็กชายประกอบเป็นเด็กที่ทำให้ทั้งหงุดหงิดและน่าสงสารไปพร้อมกัน ความก้าวร้าวของเขาเหมือนเกราะบางอย่างที่ป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดมากกว่าความโกรธจริง ๆ และเมื่อเรื่องดำเนินไป เราจะค่อย ๆ มองเห็นว่าภายใต้ความแข็งนั้น เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากได้รับความรัก อยากมีคนอยู่เคียงข้าง และมีบางอย่างในอดีตที่ทำให้เขาไม่อยากเข้าไปในครัวเลย
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้พิเศษคือการหยิบ “ความธรรมดา” มาเล่าให้สวยงาม ป้าอ้วนและประกอบไม่ใช่คนพิเศษอะไร แต่ความเป็นมนุษย์ของทั้งคู่ชัดเจนจนรู้สึกเหมือนเราเคยเจอคนแบบนี้จริง ๆ ครัวในเรื่องจึงไม่ใช่แค่ฉาก แต่เป็นที่ที่ตัวละครต้องเผชิญกับอดีต เผยความจริง และค่อย ๆ เยียวยาตัวเองไปทีละนิด เรื่องนี้พูดถึงหลายอย่างที่ใกล้ตัวมาก การสูญเสียที่ยังหลอกหลอน การเติบโตที่ไม่มีคู่มือ ความเหงาที่ไม่รู้จะวางตรงไหน และความอุ่นที่เกิดขึ้นจากอะไรเล็ก ๆ อย่างกลิ่นอาหารในครัว พออ่านจบความรู้สึกที่เหลือไม่ใช่ความน่ากลัว แต่เป็นความเข้าใจมนุษย์ เข้าใจว่าบางแผลไม่ได้หายไปเพราะเราเงียบใส่มัน และบางครั้ง สิ่งที่เยียวยาเรามากที่สุด อาจเป็นเพียงเสียงน้ำมันเดือดเบา ๆ ในกระทะ หรือกลิ่นขิงซอยที่ลอยขึ้นมาตามลมเท่านั้น
“คุณยายอยู่ในครัว” คือเรื่องที่ทั้งอุ่นและเจ็บในเวลาเดียวกัน อ่านแล้วเหมือนได้นั่งในครัวเงียบ ๆ ข้างตัวละคร มองเห็นทั้งรอยแตกและแสงเล็ก ๆ ที่ลอดเข้ามา เป็นนิยายที่วางลงแล้ว…ยังได้กลิ่นอาหารของบ้านหลังนี้ลอยติดอยู่ในใจอยู่ดี