เสือดำ : เสือล้างเสือ(ตอนที่1) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือล้างเสือ(ตอนที่1)

ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา 

ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต

 

 

          ท่ามกลางแสงดาวกราดฟ้า ผืนนาอันเวิ้งว้างเงียบสงัดและเยือกเย็นด้วยน้ำค้างตอนหัวค่ำ ม้าตัวหนึ่งวิ่งโขยกมาจากชายป่าเบื้องหน้าโน้น และลัดตัดตรงมายังหมู่ต้นตาล 3 ต้นที่แลเห็นตะคุ่มๆ มาแต่ไกล อันเป็นจุดหมายปลายทางของเจ้าหนุ่มฉกรรจ์ที่นั่งอยู่บนหลังม้า

          ดำกลับมาเยี่ยมบ้านของเขา เพื่อนำเงินมาให้พ่อใช้ แต่ที่เขาต้องลอบมาบ้านในเวลาวิกาลเช่นนี้ ก็เพราะเจ้าหนุ่มฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นี้เป็นขุนโจรที่มีนามกระเดื่องไปทั่วสุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, ตลอดนครปฐม ตำรวจกองปราบพิเศษกำลังติดตามทำลายล้างอยู่ทุกวันคืน แต่เสือดำกับบริวารก็คลาดแคล้วอันตรายมาได้

          รังใหญ่หรือสำนักของเขาอยู่ที่เขาเล็กๆ ลูกหนึ่งท่ามกลางดงลึกของสุพรรณบุรี แต่ขุนโจรผู้นี้มีอาณาเขตต์การปล้นหลายจังหวัด ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล้นแต่ในจังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น ชื่อเสียงของเสือดำเป็นที่ครั่นคร้ามแกบรรดาพ่อค้าคหบดีทั้งหลายซึ่งอยู่จังหวัดใกล้เคียงกับสุพรรณบุรี

          ด้วยความกตัญญูกตเวทีของเขา เสือดำจะต้องมาเยี่ยมพ่อซึ่งชราแล้วเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๒ ครั้ง เพื่อไต่ถามทุกข์สุขทางบ้านและมอบเงินไว้ให้ใช้ดังที่เขาได้ปฏิบัติมาช้านาน ขณะที่ม้าแสนรู้ของเขาย่างเข้าเขตต์บ้าน เสือดำก็นึกรำพึงว่าพ่อคงจะตื่นเต้นยินดีที่ได้เห็นหน้าเขา เพราะเมื่อตอนเย็นวันพุธที่แล้วมา กองโจรของเสือดำได้ปะทะกับกองปราบพิเศษข้างหนองน้ำแห่งหนึ่งในป่าทิศตะวันตก และสู้รบกันอย่างทรหด เขาต้องเสียบริวารไปถึง ๕ คน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเสือดำชำนาญภูมิประเทศมากกว่าตำรวจ เขาก็พาบริวารบุกป่าฝ่าดงหลบหนีไปได้อีกตามเคยข่าวลือแพร่ไปทั่วสุพรรณบุรีว่าเสือดำถูกกองปราบพิเศษยิงตายแล้ว ความจริงตำรวจไม่รู้จักตัวจริงของเขา จึงเข้าใจผิดคิดว่าเสือยอดลูกผูน้องของเขาที่ถูกกระสุนปืนตายในที่รบเป็นตัวของเขาเอง เพราการแต่งกายของเสือยอดผิดแผกกว่าบริวารโจร

          ขุนโจรชักม้าผ่านสวนผลไม้ของพ่อ และตรงมายังเรือนฝากะดานชั้นเดียว ซึ่งเป็นเรือน ๒ หลัง หันหน้าเข้าหากัน มีนอกชานแล่นถึงกัน เป็นเรือนเก่าแก่ที่มีอายุหลายสิบปีแล้ว มันคือบ้านเกิดของเสือดำนั่นเอง บิดาของเขาชื่อนายดวง เคยเป็นอดีตกำนันที่นี่ ใครๆ เรียกแกว่าลุงดวง มีน้ำใจโอบอ้อมอารีที่สุด และมีฐานะดี เนื่องจากลูกชายซึ่งเป็นนายโจรขึ้นชื่อคอยส่งเสียเงินทองให้ลุงดวงเสมอมา

          “พ่อ-พ่อจ๋า” เสือดำตะโกนเรียกพ่อบังเกิดเกล้าของเขา เพื่อบอกให้รู้ตัวว่าเขามาแล้ว

          แต่เงียบกริบ ไม่มีเสียงขานรับและบนเรือนก็มืดมิดปราศจากแสงไฟ พ่อไม่เคยนอนหัวค่ำเช่นนี้ น้องสาวของเขา พี่สาวกับพี่เขยและลูกจ้างทำนาของพ่ออีก ๒-๓ คน ก็ไม่ปรากฏ เสือดำรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขาดึงม้าให้หยุด ก้าวลงจากหลังม้า ผูกบังเหียนไว้กับกิ่งมะม่วง ขยับสะเต็นคู่มือให้แนบกับบ่าแล้วเดินขึ้นบันไดมาบนเรือน

          “พ่อ... ดวน... เอ๊ะ... พ่อ...”

          มันไม่ผิดอะไรกับสุสาน ได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไรทางท้ายสวนแว่วมาตามลม เมื่อขุนโจรก้าวขึ้นมาบนนอกชาน เขาก็ยืนตะลึง แสงดาวถึงแม้จะเพียงสลัวๆ ก็พอจะมองเห็นภาพที่ทำให้เสือดำต้องขบกรามแน่น แววตาแข็งกร้าว

          ร่างของผู้ชาย ๓ คน นอนอยู่บนนอกชานในท่าต่างๆ กัน มีดาบตกอยู่ข้างๆ ตัว และบนยกพื้นหน้าห้อง มีผู้หญิงนอนอยู่คนหนึ่ง เข้าของกลาดเกลื่อนไปหมด เขาได้กลิ่นคาวเลือด แน่ละ พ่อต้องถูกปล้นอย่างทารุณ ผลสะท้อนแห่งเวรกรรมของเขาทำให้พ่อต้องถูกปล้นดังที่เขาเคยปล้นคนอื่นมาแล้ว แต่ว่าอ้ายเสือหรือโจรคณะไหนเล่าที่มันบังอาจปล้นพ่อเสือดำ

          “พ่อ” เสือดำตะโกนสุดเสียง

          ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางอยู่ข้างตุ่มน้ำริมนอกชาน ขุนโจรวิ่งเข้าไปหาชายชราซึ่งถูกตีและฟันยับเยินนอนจมกองเลือดอยู่ ทรุดตัวลงนั่งประคองช้อศีร์ษะพ่อขึ้น เลือดตามตัวของพ่อเปรอะเปื้อนกางเกงและร่างของเขา

          “อ้ายดำ...”

          “จ้ะ ฉันเองพ่อ” เสือดำพูดเสียงเครือ “พ่อจ๋า พ่อบอกฉันซิ อ้ายสัตว์นรกคนไหนที่มันบังอาจปล้นพ่อ?”

          ชายชราขมวดคิ้วนิ่วหน้า เพราะความเจ็บปวดจากพิษบาดแผล แกบีบแขนลูกชายของแกแน่น พูดออกมาด้วยคำประโยคสุดท้าย

          “อ้ายมิ่งปล้นพ่อ...”

           ครั้นแล้วลุงดวงก็สะดุ้งเฮือกสิ้นใจตายในวงแขนของลูกชาย

          น้ำตาของเสือร้ายไหลคลอหน่วย แสดงความรักและอาลัยพ่อบังเกิดเกล้า ใบหน้าของเสือดำบึ้งตึง เขาค่อยๆ วางศีร์ษะพ่อลงบนพื้นนอกชานแล้วเค้นหัวเราะออกมาเบาๆ

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

 

          “อ้ายมิ่ง อ้ายเพื่อนน้ำมิตรคิดทรยศ มันคงนึกว่ากูตาย ถึงหาญมาปล้นพ่อกู อ้ายมิ่งเอ๋ย กูรักใคร่นับถือฝีมือมึงมาก มึงเป็นเสือมาก่อนกู กูยอมเรียกมึงว่าพี่ รักมึงซึ่อสัตย์ต่อมึง เคยช่วยมึงให้รอดจากตำรวจ บัดนี้มึงปล้นและฆ่าพ่อกูเสียแล้ว กูต้องติดตามสังหารมึงให้จงได้ เพื่อแก้แค้นแทนพ่อของกู พ่อจ๋า ลูกจะฆ่ามันตลอดบริวารของมันที่ปล้นบ้านเรา”

          กิริยาที่เชื่องช้าได้เปลี่ยนเป็นคล่องแคล่วว่องไว เสือดำผลุดลุกขึ้นล้วงกะเป๋ากางเกงออกหยิบไม้ขีดไฟออกมา ก้าวขึ้นบนยกพื้นหน้าห้อง จุดไม้ขีดขึ้นมองหาตะเกียง

          แล้วขุนโจรก็จุดตะเกียงกะป๋องขึ้น ถือตะเกียงเดินเข้าไปในห้อง แลเห็นตู้ของพ่อถูกฟันด้วยดาบหรือขวาน ประตูททั้งสองบานหลุด กะจกแตก เสื้อผ้าเข้าของเครื่องใช้เกลื่อนห้อง หีบเหล็กบรรจุสิ่งของอันมีค่าอันตรธานไปแล้ว ปืนลูกซองที่อยู่ข้างเตียงก็หายไป เสือดำถือตะเกียงเดินกลับออกม ความเคียดแค้นทวีขึ้นเมื่อและเห็นลำดวนพี่สาวร่วมสายโลหิตของเขานอนตายอยู่อย่างอนาถ ดาบเล่มหนึ่งเสียบอยู่กับหน้าอกของลำดวน

          บนนอกชาน นายเคลิ้มพี่เขยของเขานอนเหยียดยาว ที่หน้าอกมีรอยกระสุนปืน ๒ แห่ง ลูกจ้างทำนาของนายดวง ๓ คน นอนตายอยู่ในท่าต่างๆ กัน

          พ่อคงจะสู้จนวินาทีสุดท้าย พ่อเคยเป็นเสือเก่าและเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บเมื่อครั้งกะโน้น

          เขาร้องตะโกนเรียกเดือนน้องสาวของเขา ซึ่งเสือดำเข้าใจว่าบางทีคงจะหลบหนีไปแอบซ่อนตัวตามสวนหรือยุ้งข้าว เรียกอยู่หลายคำก็ไม่มีเสียงขานรับ ตรวจหาอย่างถี่ถ้วนทั้งสองเรือนก็ไม่พบ เสือดำรู้ดีว่าเสือมิ่งกับบริวารคงจะฉุดคร่าห์เอาตัวน้องสาวของเขาไปแล้ว และนั่นย่อมหมายความว่าเดือนจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเครื่องบำเรอความหื่นกระหายของเสือมิ่งและพรรคพวกของมัน

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป ได้ในคอลัมน์นิยายข้ามทศวรรษ

 

 

Writer

Ampaporn Borworn