เสือดำ : เสือล้างเสือ(ตอนที่2) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือล้างเสือ(ตอนที่2)

ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา

ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

เสือดำเผาบ้านของตนเอง

         แสงเพลิงสว่างจับท้องฟ้า ขุนโจรชักม้าสะบัดย่างออกนอกทุ่ง ศพของลุงดวงนอนคว่ำหน้าอยู่กับอาน เสือดำกำลังเดินทางไปยังถิ่นสำนักของเสือมิ่งเพื่อนำศพพ่อไปให้เสือมิ่งดู และแล้วเขาก็จะสังหารศัตรูสำคัญของเขาต่อหน้าศพของพ่อ เพื่อให้วิญญาณของพ่อได้เห็นความกตัญญูกตเวทีของเขา

          เสือร้ายแห่งสุพรรณบุรีหันมาดูแสงเพลิงซึ่งเกิดจากน้ำมืดของเขา “ลาแล้วบ้านที่เคยอยู่ ขอให้วิญญาณของพี่ดวงพี่เคลิ้ม เจ้าอ่องเจ้าปลื้มและเจ้าไวจงอภัยให้ข้าเถิด ที่ข้าต้องใช้วิธีเผาศพแบบนี้ เพราะข้าไม่มีโอกาสที่จะจัดทำศพตามประเพณี”

         เขายกมือตบคอเจ้าสีหมอกของเขา แล้วพูดขึ้นคล้ายกับว่าเจ้าสีหมอกมันเป็นคนที่ฟังรู้เรื่อง “สีหมอกเอ๋ย เหนื่อยหน่อยนะอ้ายเพื่อนกู ช่วยพากูและศพพ่อไปให้ถึงรังอ้ายมิ่งเถิด กูจะเหยียบบ้านบางกะเจาให้มันราบเพราะมือกูในคืนนี้ กูก็ขึ้นชื่อว่าชายชาติเสือคนหนึ่ง กูคนเดียวนี่แหละวะจะลบลายอ้ายเสือมิ่ง มันจะได้ลือกันทั่วสุพรรณว่าอ้ายมิ่งตายเพราะมือกู”

         สีหมอกเร่งฝีเท้าของมันให้เร็วขึ้นอีก วิ่งไปตามผืนนาอันเวิ้งว้างตัดตรงไปยังหมู่บ้านบางกะเจาซึ่งมองแลเห็นลิบๆ จากเดือนแรม ๔ ค่ำที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า ใกล้เข้าไป และใกล้เข้าไป เจ้าสีหมอกเหงื่อชุ่มโชก มันอาจจะแข็งแกร่งเหมือนสีหมอกของขุนแผน แต่ระยะทางที่มันวิ่งมา ๘ กิโลเมตร มันก็ต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นธรรมดาอยู่เอง

         ในที่สุดก็เข้าเขตต์หมู่บ้านบางกะเจา แลเห็นแสงไฟตะเกียงปรากฏอยู่หลายแห่ง มันเป็นเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. สีหมอกนำนายของมันและศพของลุงดวงผ่านลำปะโดง และป่าละเมาะตรงไปยังหมู่บ้าน

         เมื่อม้าผ่านศาลาร้างหลังหนึ่ง เสือดำก็แว่วเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือ

 

 

         “ช่วยฉันด้วย โอย.. ช่วยฉัน...”

         ขุนโจรอยากจะเข้าใจว่าเป็นเสียงน้องสาวของเขา รีบบังคับให้สีหมอกหยุดชะงักทันที เผ่นแผล็วลงจากหลังอ้ายเพื่อนยาก วิ่งเหยาะๆ ตรงมายังศาลาร้าง

         “ช่วยด้วย” เสียงครวญครางดังขึ้นได้ยินถนัด

         เสือดำลืมตาโพลง

         “เดือน” เขาร้องออกมาดังๆ ก้าวขึ้นศาลาปราดเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องสาวของเขา

         ความแค้นสุดแสนสาหัสได้บังเกิดขึ้น เมื่อได้แลเห็นสภาพของน้องสาวร่วมสายโลหิตที่ต้องป่นปี้ยับเยินเพราะมืดอ้ายเสือมิ่งกับพรรคพวกของมัน ร่างของหญิงสาวในวัยไม่เกิน ๑๙ ปี อวบอัดนอนเหยียดยาวอยู่ตรงศาลานี้ ท่อนบนเปล่าเปลือย ท่อนล่างมีผ้าถุงเก่าๆ ปกคลุม เสื้อที่สรวมถูกฉีกกระชากขาดวิ่น และมีดชายธงเล่มหนึ่งปักอยู่บนอกของหญิงสาวผู้นี้

         เสือดำประคองช้อนศีร์ษะน้องสาวของตนขึ้น

         “เดือน พี่มาตามเอ็ง”

         “โอ๊ย... พี่จ๋า อ้ายเสือมิ่งมันปล้น... มันฆ่าพ่อเราและพวกเราตายหมด” คนเจ็บพูดเสียงแผ่วเบาเมื่อใกล้จะสิ้นใจตาย “พี่จ๋า มันฉุดฉันมาและผลัดกันข่มเหงฉันแล้ว มันก็ฆ่าฉัน พี่ดำดึงมีด... โอ๊ย...”

         ขุนโจรมองดูมีดซึ่งฝังแน่นอยู่กับอกน้องสาว เอื้อมมือกำด้ามมีดไว้ ตัดสินใจเหนี่ยวกระชากออกมาเต็มเหนี่ยว ทันใดนั้นเดือนก็สะดุ้งเฮีอกสุดตัว ยกมือทั้งสองไขว่คว้าอากาศ ศีร์ษะตก คอพับสิ้นใจตายอยู่ในวงแขนของเสือดำ

         “อ้ายมิ่ง!” ขุนโจรตะโกนสุดเสียง “มึงฆ่าพ่อกูอย่างเหี้ยมโหด แล้วมึงยังทารุณกรรมต่อน้องสาวของกูอีกด้วย ชีวิตของมึงยังไม่พอ กูจะฆ่าทั้งโคตร์”

         เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส เสือดำปล่อยมือที่กอดศพน้องสาวออก ผลุดลุกขึ้นกระโจนจากศาลา วิ่งตรงมายังม้าของเขา กระโจนขึ้นหลังเจ้าสีหมอก ใช้ส้นรองเท้ากะทุ้งเตือนบังคับให้มันวิ่งฝ่าละเมาะตรงเข้าไปยังหมู่บ้านบางกะเจา อันเป็นถิ่นของเสือมิ่งและบริวารของมัน

         ท่ามกลางแสงตะเกียงเจ้าพายุซึ่งจุดสว่างไสว บรรดาชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่า ๒๐ คน กำลังนั่งดื่มสุราและอาหารกันอย่างสนุกสนานภายในร้านจำหน่ายอาหารของทิดทอง น้องเขยของเสือมิ่ง ขุนโจรผู้ฉกาจฉกรรจ์อีกคนหนึ่งแห่งแคว้นสุพรรณบุรี

         บางกะเจาเป็นตำบลน้อยๆ ที่ห่างไกลจากการคมนาคม ที่นี่ไม่มีกฎหมาย ทุกคนอยู่ในอำนาจของเสือมิ่ง และแทบทุกครัวเรือนล้วนแต่เป็นบริวารของเสือมิ่งทั้งนั้น สถานที่หย่อนใจมีอยู่แห่งเดียวคือร้านจำหน่ายสุราและอาหารของทิดทอง ซึ่งตั้งอยู่ได้ด้วยอิทธิพลของเสือมิ่ง

         ร่างอันสูงใหญ่ของชายกลางคนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทางขวามือตามลำพังคือเสือมิ่งแห่งสุพรรณบุรีนั่นเอง ส่วนบริวารของเขาคงครื้นเครงกันอยู่ตามโต๊ะต่างๆ เขากับพรรคพวกซึ่งกลับมาจากเดิมบางเมื่อสักครู่นี้ หลังจากทำการปล้นลุงดวงได้สำเร็จ และได้รับความชุ่มชื่นจากแม่สาวบริสุทธิ์ ผู้เป็นน้องของเสือดำ บรรดาทรัพย์สินที่ปล้นมาได้ เสือมิ่งได้จัดการแบ่งสันปันส่วนบริวารให้เป็นที่เรียบร้อย แล้วพวกโจรคณะนี้ก็มีความสุขสำราญกันที่ร้านทอดทองตามอัธยาศัย บ้างก็จับกลุ่มเล่นการพะนันกัน โบปั่นหรือไพ่ป๊อก เสือมิ่งมีนโยบายเฉลียวฉลาดมาก ร้านจำหน่ายสุราและอาหารนี้ ทิดทองเป็นเจ้าของแต่ชื่อ ส่วนเจ้าขออันแท้จริงคือเสือมิ่ง

         เจ้าหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเปะปะถือขวดเหล้าตรงเข้ามาหาเสือมิ่งผู้เป็นประมุขของมัน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง รินเหล้าใส่แก้วยกมือไหว้ส่งให้ขุนโจร

         “เพื่อฉัน พิ่มิ่งดื่มสักนิดเถอะ”

         เสือมิ่งหัวเราะเสียงกังวาน

         “พวกมึงจะมอมเหล้ากูหรือยังไงวะ” เขาพูดสัพยอก

         “คนละแก้วสองแก้วหลายแล้วนี่ นี่ดีว่ากูคอเหล็ก ม่ายก็คงฟุบอยู่กับโต๊ะไปแล้ว” พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม วางแก้วลงแล้วยิ้มให้ลูกสมุน

         “ส่วนแบ่งที่เอ็งได้รับการปล้นในคราวนี้ไม่เลวนะโว้ยอ้ายแก้ว สร้อยคอนหึ่งสายกับเงินห้าร้อยบาท เสื้อผ้าอีกหลายชิ้น”

         “เจ้าแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

         “ตาดวงแกไม่น่าจะมีเงินมากมายอย่างนี้เลยพี่มิ่ง”

         “อ๋อ ก็อ้ายดำมันแอบส่งเงินไปให้แกเสมอ มึงมันไม่รู้อะไร เออนี่ อ้ายน้องชาย ติ๋งต่างว่าอ้ายดำมันยังมีชีวิตอยู่และรู้ว่ากูปล้นพ่อมัน จะทำยังไงดีวะ?”

         เจ้าแก้วโบกมือพลางหัวเราะ

         “เป็นไปไม่ได้พี่มิ่ง ใครๆ ก็รู้ว่าอ้ายดำถูกคุณยิ่งยิงคว่ำไปแล้ว กรมการเขาไปชัณสูตรพลิกศพเขาก็ยืนยัน”

         เสือมิ่งผิวปากหวือ

         “ถ้าเผื่อศพมันขึ้นอืดทึ่ง เจ้าหน้าที่จะรู้ได้อย่างไรวะว่าเป็นศพอ้ายดำเพื่อนกู กูน่ะไม่กลัวมันหรอก แต่กูนึกละอายใจที่มันเป็นเพื่อนร่วมสาบาลของกู ถ้าหากว่ามันยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่มันต่อว่ากูเท่านั้น กูจะต้องอายมันไปจนวันตาย”

         “กินเหล้าดีกว่าพี่มิ่ง อย่าไปพูดถึงมันเลยน่า มันตายห่าไปนานแล้ว และไหนๆ เราก็ปล้นพ่อมันแล้ว”

         “เออจริงของมึง เสืออย่างกูเมื่อได้ทำอะไรลงไปก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงผลเสียจากการกระทำที่ได้ทำไปแล้ว ถ้าอ้ายดำมันยังไม่ตายและติดตามมาที่นี่ก็ยิงมันทิ้งเสียอีกคนหนึ่ง สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ถ้ำของเราแท้ๆ ให้มันมาลูบคมได้ก็ผิดไปละวะ”

         ทันใดนั้นเอง เสียงใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้นดังๆ

         “พี่ดำ”

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

 

         สายตาทั้งหมดจ้องมองไปที่ประตูหน้าร้าน ทุกคนใจหายวาบและลืมตาโพลง ใบหน้าซีดเผือดไปตามกัน เสือมิ่งตกตะลึงพรึงเพริด ปล่อยแก้วเหล้าในมือหลุดลงบนพื้นกระดานแตกกระจาย

         เสือดำปรากฏตัวขึ้นแล้ว ใบหน้าของขุนโจรเคร่งขรึม นัยน์ตาวาวโรจน์ เขาแบกศพของพ่อไว้บนบ่าขวาพาเดินเข้ามาอย่างอาจหาญ และวางศพของลุงดวงลงบนโต๊ะกลางห้อง หยุดยืนผะเชิญหน้ากับเสือมิ่ง

         “พี่มิ่ง ดูซิว่านี่ศพพ่อข้าใช่ไหม?”

         เสือดำกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

         “ดำ แกหรือนี่ น้าเป็นอะไรไป?”

         เสือมิ่งพูดเสียงสั่น

         ขุนโจรฝืนหัวเราะ

         “ถูกแล้ว ข้ายังไม่ตายง่ายๆ หรอกพี่มิ่ง แล้วก็พ่อของข้า พี่มิ่งรู้ดีแล้วไม่น่าจะถามอะไรเลย”

         พูดจบเสือดำก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งตรงข้ามกับเสือมิ่ง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของพวกสมุนโจร นิ่งอึ้งกันไปสักครู่ เสือดำก็กล่าวขึ้น “ข้าไม่นึกไม่ฝันเลยพี่มิ่งว่าแกจะฆ่าพ่อข้าและทำกับน้องสาวของข้าอย่างทารุณ อย่าปฏิเสธข้าเลยพี่มิ่ง ก่อนที่พ่อจะสิ้นใจตาย ได้บอกข้าว่าแกเป็นคนปล้น เสียแรงที่ข้ารักและนับถือแก เคยให้สัตย์สาบาลกันไว้ เฉือนเลือดที่แขนผะสมเหล้าดื่มสาบาลกันต่อหน้าพระ ในที่สุดพี่มิ่งก็ทำลายคำมั่นสัญญาเพราะเข้าใจว่าข้าถูกตำรวจยิงตายแล้ว พี่มิ่ง ข้าได้สาบาลกับศพของพ่อข้าว่าข้าจะต้องแก้แค้นในการกระทำของพี่มิ่ง ขึ้นจึงมานะกัดฟันนำศพพ่อมาที่นี่เพื่อให้วิญญาณของพ่อได้เห็นว่าข้าเป็นลูกกตัญญูรู้คุณและได้สังหารพี่มิ่งต่อหน้าศพพ่อ”

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

 

         “อ้ายดำ!” มิ่งตวาด “มึงอย่าลืมว่าที่นี่เป็นถิ่นของกู”

         แทนที่จะตกใจ ขุนโจรกลับยิ้มให้เสือมิ่ง ศัตรูของเขา

         “ข้าไม่เห็นแปลกอะไรเลยพี่มิ่ง แกจะอยู่ที่ไหนข้าก็จะต้องติดตามไปจนกว่าจะพบ พี่มิ่ง ข้าต้องการชีวิตของแก”

         ต่างฝ่ายต่างจ้องมองดูหน้ากัน ครั้นแล้วเสือมิ่งก็ใช้ความว่องไวกระชากปืนพกในซองออกมาเพื่อจะสังหารชีวิตเสือดำ แต่ความว่องไวของเสือดำรวดเร็วกว่าเล็กน้อย ฉะนั้น ก่อนที่เสือมิ่งจะกะดิกนิ้วเหนี่ยวไกปืน กระสุน ๙ ม.ม. ของเสือดำก็คำรามขึ้น ก่อนเสียงดังลั่น

         เสือมิ่งสะดุ้งเฮือก กระสุนปืนของเสือดำทะลุหน้าอกซ้ายของเขา เสือมิ่งสิ้นใจด้วยกระสุนนัดนี้และล้มลงจากเก้าอี้ ทันใดนั้นเอง ก่อนที่พรรคพวกของเสือมิ่งจะกลุ้มรุมเล่นงานเขา ปืนพกในมือเสือดำก็ยกขึ้นเล็งยิงตะเกียงเจ้าพายุ

         เสียงระเบิดของกระสุนปืนดังขึ้นอีกนัดหนึ่ง ตะเกียงเจ้าพายุแตกกระจายและดับวูบ ขุนโจรรีบโผตัวลงจากเก้าอี้ ทุกคนหลบเข้าหาที่กำบัง ประกายไฟจากปากกระบอกปืนพกวูบวาบพร้อมกับเสียงระเบิดของกระสุนปืนจากพวกเสือมิ่ง

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

 

         เสือดำวิ่งก้มตัวไปข้างหน้าต่าง อาศัยความมืดกระโจนข้ามหน้าต่างหลบหนีไปได้ เขาได้แก้แค้นแทนบิดาบังเกิดเกล้าและพี่น้องของเขาแล้ว เสือดำหยุดยืนข้างหลังร้านเหล้า ซึ่งในร้านยังคงยิงกันด้วยความเข้าใจผิด เขาล้วงกะเป๋าหยิบไม้ขีดไฟออกมาจุดขึ้นแหย่เปลวไฟลงกับชายคาด้านหลัง ซึ่งมุงด้วยแฝกแห้งๆ ทำให้เกิดเพลิงลุกลามขึ้นทันที

         บ้านบางกะเจาเกิดการโกลาหลขึ้นแล้ว เสียงกู่ตะโกนบอกกันว่าเสือดำมาอาละวาดดังเซ็งแซร่ไปหมด ร้านขายสุราและอาหารกำลังตกเป็นเหยื่อพระเพลิงและลุกลามไปยังบ้านใกล้เรือนเคียง

         บรรดาสมุนโจรพรรคพวกเสือมิ่งต่างแยกย้ายกันค้นหาเสือดำ แต่ความมืดช่วยให้ขุนโจรพาตัววนเวียนอยู่ในหมู่บ้านนี้โดยไม่มีใครเห็นเขา เพลิงไหม้ขึ้นอีกหลายแห่ง เกิดขึ้นจากน้ำมือของเสือดำผู้หวังจะล้างบางกะเจาให้เหลือแต่ทรากเป็นเถ้าถ่าน

         ร่างอันดำตะคุ่มของขุนโจรวิ่งปราดไปยังม้าสีหมอก เขาแก้บังเหียนออกเหยียบโกลนก้าวขึ้นไปนั่งบนหลังมัน ปลดสะเต็นออกมาจากบ่า ยกขึ้นเล็งศูนย์หมายไปยังพรรคพวกของเสือมิ่งที่กำลังช่วยกันดับไฟ แล้วสะเต็นของขุนโจรก็คำรามขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว ถูกบริวารของเสือมิ่งล้มตายเกลื่อนกราด บ้างก็ทิ้งถังน้ำวิ่งหนีเอาตัวรอด

         ท้องฟ้าแดงฉานด้วยแสงเพลิง บางกะเจาถูกล้างราบด้วยน้ำมือของเสือดำ เขาควบขับสีหมอกลัดออกนอกทุ่ง มุ่งตรงไปทางทิศตะวันตก เพื่อกลับคืนถิ่นพำนักของเขา

 

เสือดำ : เสือล้างเสือ

Writer

Ampaporn Borworn