ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต
สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา
ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต
ตะวันตกทุ่งแล้ว ความมืดขมุกขมัวได้เข้ามาแทนที่ บนบ้านของทิดฟองเพิ่งเข้าสู่ความสงบ แต่แขกที่เชิญมาในงานได้ค่อยๆ ลากลับเกือบหมดสิ้น คงเหลือแต่พวกนายโจรจากถิ่นต่างๆ ซึ่งทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือเสือมเหศวรปะทะกับเสือดำ
การรับประทานอาหารค่ำได้เป็นไปอย่างครึกครื้น เสือมเหศวรและทุกๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าเสือดำพาพรรคพวกล่าถอยไปแล้ว เสือมเหศวรกับทิดฟองพยายามปลุกปลอบใจเพื่อนนายโจรทั้งหลายให้กินเหล้าและอาหารกันตามสบาย โดยไม่ต้องหวั่นเกรงภัยซึ่งจะเกิดขึ้นจากน้ำมือเสือดำ
และตลอดเวลานี้ ไพร่พลของเสือมเหศวรยังคงตั้งมั่นประจำปืนเตรียมพร้อมอยู่ในที่มั่นต่างๆ โดยรอบบริเวณบ้านของทิดฟอง ซึ่งถ้าหากว่าเสือดำจะพาพรรคพวกบุกเข้าทางด้านไหน ก็จะต้องเกิดการปะทะกันอย่างนองเลือด
เสียงสรวลเสเฮฮาที่เรือนของทิดฟองได้เป็นไปอย่างครึกครื้น เมื่อเหล้าเข้าปาก บรรดานายโจรทั้งหลายก็มึนเมา พูดคุยประณามเสือดำโผงผางเพราะคะนองปาก
เสือมเหศวรนั่งหน้าชื่นอยู่ข้างเจ้าสาวของเขา ทั้ง ๒ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ มเหศวรสรวมกางเกมปาล์มบีชสีเทา เสื้อเชิ้ตแพรสีโศกอ่อน ส่วนเรียมอยู่ในชุดสีฟ้า บรรดานายโจรต่างพากันชมเชยเจ้าสาวของเสือมเหศวร ซึ่งทำให้การกินเลี้ยงได้เป็นไปในฐานญาติสนิท
เสียงนาฬิกาในห้องของทิดฟองดังกังวาฬขึ้น ๘ ครั้ง เป็นเวลา ๒๐.๐๐ น. ตรง อันเป็นเวลาฤกษ์ที่จะส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องตามพิธี ทิดฟองได้ร้องบอกให้พวกแขกได้ทราบว่าถึงเวลาส่งตัวแล้ว คราวนี้มีการดื่มอวยพรกันหลายครั้ง เสียงไชโยโห่ร้องดังไปไกล
ทิดฟองมีท่าทางเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาลืมเหตุการณ์อันดุเดือดเมื่อก่อนค่ำเสียแล้ว ถึงแม้ว่าเรือนหอซึ่งลงทุนปลูกสร้างด้วยจำนวนเงินเกือบหมื่นบาทต้องพังพินาศด้วยลูกระเบิดมืออันเกิดจากการกระทำของเสือดำ ทิดฟองก็รีบจัดการแก้ไขดัดแปลงห้องๆ หนึ่งบนเรือนของเขาให้เป็นห้องนอนของคู่บ่าวสาว จัดหาเครื่องใช้ไม้สอยให้ครบครัน
ครั้นแล้วบิดาของเจ้าสาวก็นำตัวคู่สมรสเดินผ่านนอกชานตรงไปยังห้องที่จัดไว้ พวกนายโจรต่างตะโกนให้ศีลให้พรเซ็งแซ่ เต็มไปด้วยความครึกครื้นสนุกสนาน เจ้าสาวมีกิริยาสะเทิ้นอาย ไม่ใคร่จะกล้ามองดูหน้าใคร แต่เจ้าบ่าวยิ้มแป้น ลูกน้องของเสือมเหศวรหลายคนรีบวิ่งไปกั้นประตู เสือมเหศวรต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูสมมุติให้ตามธรรมเนียม
ทิดฟองนำตัวคู่บ่าวสาวเข้ามาในห้อง เสือมเหศวรกับเรียมทรุดตัวนั่งพับเพียบหมอบกราบแสดงความเคารพ ทิดฟองนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองดูลูกเขยและลูกสาวอย่างชื่นชม
“ลูกรักของพ่อ พ่อขออวยพรให้เจ้าทั้ง ๒ จงปกป้องครองกันด้วยความผาสุก อยู่ร่วมทุกข์สุขกันไปจนวันตาย”
ต่างคนต่างก้มลงกราบรับคำพร ทิดฟองยกมือตบศีร์ษะเสือมเหศวร
“ถึงแม้ว่าอ้ายดำมันจะก่อกวนความไม่สงบให้เรา พิธีแต่งงานของเจ้าเรียมก็ผ่านมาได้อย่างเรียบร้อย และบัดนี้ก็สิ้นพิธีแล้ว เป็นอันว่าเรียมได้เป็นเมียของเจ้าโดยถูกต้องตามประเพณี เจ้า ๒ คนนั่งอยู่ในห้องสักครู่แล้วค่อยออกไปสนทนากับแขกเขา พ่อปลื้มใจมากมเหศวร ขอให้เจ้าทั้ง ๒ อยู่เย็นเป็นสุขเถิด และอย่าลืมคำมั่นสัญญาที่เจ้าให้ไว้กับพ่อว่าถ้าเจ้าแต่งงานกับเรียมแล้วเจ้าจะเลิกเป็นโจรกลับเนื้อกลับตัวเป็นพลเมืองดี”
“จ้ะพ่อ ฉันตั้งใจไว้แล้ว ชีวิตของฉันไม่เคยสร้างความดีเลย ฉันจะเริ่มชีวิตใหม่ ฉันจะพักอยู่กับพ่อสัก ๑ เดือน และจะพาเมียของฉันไปตั้งถิ่นฐานทำมาหากินอยู่ในป่าเพื่อให้ไกลหูไกลตาตำรวจ”
ทิดฟองลุกขึ้นยืนไม่พูดอะไรอีก พาตัวเดินออกไปจากห้อง เสือมเหศวรรีบปิดประตูใส่กลอนทันที ความละอายบังเกิดขึ้นแก่เรียมเป็นล้นพ้น ขุนโจรเอื้อมมือดึงร่างของเรียมเข้ามากอด
“เรียมจ๋า ไม่ต้องอายพี่หรอกเรียม เราได้แต่งงานกันแล้ว ถึงอย่างไรเรียมก็ต้องเป็นของพี่” แล้วเขาก็ก้มลงจูบแผ่วเบา “เรียมจ๊ะ เปลี่ยนเสื้อเสียเถอะ พี่อยากให้เรียมสรวมเสื้อแพรสีเหลืองตัวนั้น มันสวยกว่าตัวนี้มาก เปลี่ยนเสียสิจ๊ะ จะได้ออกไปคุยกับเพื่อนๆ ของพี่ ทุกคนเขาชมกันทั้งนั้นว่าเมียของพี่สวยราวกับหยาดฟ้ามาดิน”
เรียมยิ้มอย่างเอียงอาย
“ไม่ต้องเปลี่ยนไม่ได้หรือจ๊ะ ง่า - พี่อยู่อย่างนี้ เรียมจะเปลี่ยนได้อย่างไร”
เสือมเหศวรหัวเราะด้วยความสุข
“พี่จะนั่งหันหลังให้” แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ หันหลังให้หล่อน
เรียมเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า เปิดตู้ออก ในตู้มีเสื้อแพรงามๆ อยู่หลายตัวซึ่งซักรีดไว้เรียบร้อยแล้ว หล่อนจัดแจงถอดเสื้อสีฟ้าออก ในเวลาเดียวกันนี้เอง มเหศวรก็ค่อยๆ หันมามองดูหล่อน เรียมของเขาคงสรวมเสื้อชั้นในแพรบางๆ สีนวลแนบเนื้อ แลเห็นหลังขาวผ่อง และเมื่อหล่อนขยับตัวหันข้างให้เขา มเหศวรก็ตะลึงลานในความอวบอัดของทรวงอก
มเหศวรผลุดลุกขึ้นทันที ปราดเข้ามาหา ยกมือทั้งสองโอบเบื้องหลังหล่อน วางมือแนบไว้กับหน้าอกของเรียม เจ้าสาวของเขาดิ้นรนเล็กน้อย
“ปล่อยเรียมก่อน ให้เรียมสรวมเสื้อชั้นนอกเสียก่อน อะไรก็ไม่รู้...”
เสือมเหศวรพาหล่อนมานั่งบนเตียงนอน ตวัดเรียมไว้ในวงแขน ก้มลงจูบริมฝีปากและพวงแก้มตลอดจนทรวงอกของเรียมซึ่งยั่วยวนเขาให้ดื่มด่ำในรสเสน่หา
เจ้าสาวโอนอ่อนผ่อนตามเขา ทั้ง ๒ เป็นสุขใจเหลือที่จะกล่าว บทบาทรักของเสือมเหศวรไม่ได้ดุเดือด แต่นุ่มนวลละมุนละไม ทำให้เรียมเคลิบเคลิ้ม และบางทีก็วาบหวิวคล้ายกับว่าหัวใจของหล่อนจะหยุดทำงาน
“เรียมจ๋า” เขาพูดยิ้มๆ “ในที่สุดพี่ก็ได้แต่งงานกับเรียมสมความปรารถนา เราจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนวันตายนะจ๊ะเรียม”
“จ้ะพี่ ร่างกายและชีวิตของเรียมได้สละให้พี่แล้ว พี่อย่าเบื่อและอย่าทิ้งขว้างเรียมนะพี่นะ”
เขาหัวเราะเป็นสุขใจ
“ความตายเท่านั้นที่จะทำให้พี่คลายรักจากเรียมได้” แล้วเขาก็ยกมือลูบหลังหล่อนเบาๆ “เรียมของพี่สวยและน่ารักอะไรอย่างนี้”
คู่บ่าวสาวกำลังเพลิดเพลินในบทรัก ที่หน้าต่างด้านหลังห้อง ร่างของชายฉกรรจ์คนหนึ่งได้ปีนขึ้นมาบนขอบหน้าต่างอย่างแคล่วคล่องว่องไว เสือดำผู้พิชิตนั่นเอง มันเป็นความสามารถอาจหาญของขุนโจรผู้นี้ที่เล็ดรอดแนวต้านทานของเสือมเหศวรเข้ามาตามลำพัง จนกระทั่งถึงเรือนหลังนี้ และใช้บันไดใต้ถุนเรือนพาดหน้าต่างปีนขึ้นมา
สะเต็นคู่มือของเสือดำสะพายแนบอยู่กับบ่า แต่ปืนพก ๙ ม.ม. ถือกระชับมั่นอยู่ในมือข้างขวา เสือมเหศวรสะดุ้งสุดตัวเมื่อแลเห็นเสือดำคู่อริ เจ้าสาวร้องอุทานออกมาคำหนึ่งด้วยความตกใจ แต่พวกแขกกำลังสรวลเสเฮฮากันจึงไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของเรียม
ปากกระบอกรีวอลเวอร์ถูกจ้องมาที่หนุ่มสาวซึ่งนั่งตะลึงเคียงกันอยู่บนเตียง เสือดำยิ้มเล็กน้อย ท่าทีของเขาสง่าผ่าเผยยิ่งนัก เขาเดินเข้ามาหยุดยืนห่างจากเตียงนอนเพียงเล็กน้อย
“มเหศวร” เสือดำพูดยิ้มๆ “กันเสียใจมากที่กันจำเป็นต้องขัดขวางความสุขของแกเพื่อป้องกันเกียรติยศของกัน ลูกน้องของแกมันไม่ได้ความสักคนเดียว ล้อมบ้านอยู่อย่างหนาแน่นยังปล่อยให้กันเล็ดรอดเข้ามาได้ ประเดี๋ยวเถอะคงจะถูกพวกกันบดขยี้หมด แกคงยังไม่อยากตายไม่ใช่หรือมเหศวร ถ้ารักที่จะมีชีวิตต่อไป อย่าต่อสู้หรือส่งเสียงเอะอะเป็นอันขาด ชีวิตของแกอยู่ในกำมือของกันแล้ว”
เสือมเหศวรค่อยๆ ลุกขึ้น ใบหน้าซีดเผือด แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ
“เสือดำ แกไม่น่าจะรุกรานกันเลย”
“ถูกละ ถ้าหากว่าเจ้าสาวของแกเป็นคนอื่น กันก็คงจะมาช่วยงานของแกอย่างเต็มที่ แต่นี่เจ้าสาวของแกเคยเป็นยอดชีวิตของกัน หล่อนเปลี่ยนใจไปรักแกก็เพราะเชื่อมั่นว่าแกมีฝีมือเหนือกัน และแรงยุของอ้ายฟอง แกคิดดูเถิดมเหศวร ถ้าการแต่งงานของแกผ่านไปโดยเรียบร้อย พวกโจรและชาวสุพรรณบุรีเขาจะเหยียดหยามดูหมิ่นกันสักเพียงไร เพราะใครๆ เขาก็รู้ว่ากันรักใคร่กับแม่เรียมมาก่อน”
เสือมเหศวรเม้มปากแน่น แต่ไม่อาจจะทำอะไรเสือดำได้
“อย่างไรก็ตาม...” ขุนโจรพูดเสียงหนักๆ “แต่กันจำเป็นจะต้องป้องกันเกียรติยศและความเป็นเสือของกัน”
คราวนี้เสือมเหศวรขบกรามแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์
“แล้วแกจะเอายังไงว่ามาซิ ชีวิตของกันหรือชีวิตของเรียม”
ขุนโจรหัวเราะและสั่นศีร์ษะ
“เปล่า มเหศวร กันเคยบอกแกแล้วว่ากันจะไม่ทำร้ายแกเป็นอันขาด เว้นแต่ว่าแกต่อสู้กันก่อน ก็จำเป็นที่กันจะต้องป้องกันตัว สำหรับเรียมก็เช่นเดียวกัน แกก็เป็นโจรขนาดเสือร้าย การฆ่าผู้หญิงจะได้เกียรติอะไร แต่กันต้องการตัวแม่เรียมเท่านั้น ขอให้กันพาเรียมไปชื่นใจเสียก่อนสัก ๒-๓ วัน แล้วกันจะส่งตัวมาให้แก ขอรับรองด้วยเกียรติยศว่ากันจะไม่ทำให้เรียมของแกชอกช้ำจนเกินไป”
เสือมเหศวรสะอึกเข้ามา แต่เสือดำจี้ปากกระบอกปืนแนบหน้าท้องทันที
“อย่าเพื่อน ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกที่แกจะต่อสู้กัน กันเพียงแต่กระดิกนิ้วนิดเดียว ชีวิตของแกก็จะต้องสิ้นสุดลงอย่างไม่มีปัญหา”
แล้วเขาก็หันมาทางเรียมซึ่งนั่งอกสั่นขวัญแขวนแสดงความหวาดกลัวเหลือที่จะกล่าว “น้องสาว พี่บอกแล้วว่าพี่ยังรักและต้องการเรียมเสมอ อ้ายดำมันเสี่ยงชีวิตบุกบั่นเข้ามาก็เพราะรัก หวังที่จะพาเรียมไปชื่นใจให้สมกับรัก ถ้าเรียมไม่อยากตายก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งพี่เดี๋ยวนี้” พูดจบ ขุนโจรก็ปลอดเชือกที่คล้องกับด้ามปืนพกข้างซ้ายออกมาโยนให้หล่อน “จัดแจงมัดมือและเท้ามเหศวรด้วยเชือกเส้นนี้ ไม่ต้องตกใจ พี่ต้องมัดเขาก็เพื่อไม่ให้เขาติดตามพี่ เร็ว - อย่าร่ำไร คนที่ขัดขืนคำสั่งของเสือดำไม่มีใครรอดชีวิตไปได้เลย”
เรียมนั่งนิ่งเฉย แต่พอสบตากับเสือดำ หล่อนก็ต้องจัดการตามคำสั่งของเขา ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และมีเสียงทิดฟองร้องเรียก
“มเหศวร เพื่อเจ้าบางคนเขาจะลากลับ พาเมียของเจ้าออกมาพบเขาหน่อยสิ”
ปากกระบอกปืนรีวอลเวอร์ของเสือดำจี้สะเอวเสือมเหศวรทันที แล้วเสือดำก็กระซิบพูด
“มเหศวร บอกทิดฟองว่ากำลังเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว พูดซี ถ้าแกไม่พูดกันยิงแกแน่ๆ”
เป็นครั้งแรกที่เสือมเหศวรต้องยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข
“เดี๋ยวก่อนพ่อ ฉันกำลังเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว”
เสือดำยิ้มในชัยชนะของเขา
“แกทำตัวว่าง่ายอย่างนี้ รู้สึกว่าน่ารักมาก”
มเหศวรโดนทั้งเยาะทั้งเย้ยเช่นนี้ก็ขบกรามกรอด
“เออ วันนี้เป็นวันของแก ข้าก็ต้องยอมทุกอย่าง แต่ถ้าชีวิตของข้ายังอยู่ วันหนึ่งข้างคงจะได้พบกับแกอีก”
เสือดำหัวเราะ
“พบกับกันไม่ยากเลย รังของกันแกก็ทราบดีแล้ว ไปหากันเมื่อไรได้ทุกเมื่อ ถ้าแกไปดี กันจะจัดหาสุราและอาหารไวรับรองแก แต่ถ้าแกไปร้าย กันก็มีกระสุนปืนมากมายพอที่จะรับรองเพื่อน” แล้วเขาก็หันมาทางเจ้าสาวของเสือมเหศวร “เข้าใจคำสั่งขอพี่ไหม พี่บอกให้มัดมือและเท้ามเหศวร”
เขาคุกคามบังคับหล่อน เรียมต้องทำตามคำสั่งเขา เพียงครู่เดียวเสือมเหศวรก็ถูกมัดกลิ้งอยู่บนเตียงนอน เสือดำใช้ผ้าเช็ดหน้าแพรผืนใหญ่ผืนหนึ่งผูกปากเสือมเหศวรไว้ด้วย
ขณะนั้นถึงเวลาที่ไพร่พลของเสือดำเปิดฉากการโจมตีดังที่ได้นัดหมายกันไว้แล้ว เสียงปืนยิงเร็วดังขึ้น ๑ ชุด และแล้วก็ดังสนั่นหวั่นไหวทั้ง ๔ ด้านของบ้านทิดฟอง
บริวารของเสือดำซึ่งแบ่งแยกกำลังกันเป็น ๔ ด้าน ได้เข้าโจมตีพร้อมๆ กัน พรรคพวกของเสือมเหศวรระส่ำระสายเสียขวัญ ถูกกระสุนปืนล้มตายเกลื่อนกลาด ที่มั่นหลายแห่งถูกทำลาย ไม่มีกองโจรของใครที่จะเข้มแข็งยิ่งไปกว่าพลรบของเสือดำ ต่างพากันบุกทะลวงเข้ามาและบีบบังคับให้พรรคพวกของเสือมเหศวรต้องล่าถอยย้ายที่มั่นใหม่ บางคนวิ่งหนีเอาตัวรอด เสียงปืนทั้ง ๒ ฝ่ายยิงโต้ตอบกันดังอยู่ตลอดเวลา
ประตูห้องนอนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกทุบและเขย่าเต็มแรง
“มเหศวร เร็ว - ออกมาเถอะลูก พรรคพวกของเจ้าเขาลงไปตั้งรับพวกอ้ายดำอยู่ข้างล่างกันหมดแล้ว”
เสือดำหัวเราะลั่น หันปากกระบอกปืนพกมาทางเรียม
“ไป - เรียม ปีนหน้าต่างหนีไปกับพี่ หรือมิฉะนั้นก็ตายเสียที่นี่ เลือกเอาทางหนึ่ง อย่าชักช้า”
เสียงไชโยโห่ร้องดังลั่น ไพร่พลของเสือดำบุกเข้ามาเกือบถึงเรือนของทิดฟองแล้ว บรรดานายโจรหลายคนที่มาในงานได้ตั้งมั่นอยู่หน้าคอกควาย รวมกำลังกันต่อสู้พรรคพวกเสือดำซึ่งบุกทะลวงเข้ามาอย่างดุเดือด
เรียมค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ายกมือไหว้ขุนโจร
“พี่จ๋า พี่อย่าเอาตัวฉันไปเลย นึกว่าเวทนาเรียมเถอะพี่”
เสือดำยิ้มแค่นๆ
“พี่ไม่ฆ่าเรียมก็ดีแล้ว เรียมเอ๋ย เรียมคือนางพิมคนที่ ๒ ของสุพรรณบุรี เร็ว - ปีหน้าต่างลงไปตามบันไดที่พาดไว้” แล้วเขาก็พูดอย่างดุเดือด “อีหญิงใจสอง ลงไปเดี๋ยวนี้”
เรียมตัวสั่นงันงก ไม่อาจจะขัดขืนได้ หล่อนเดินมาที่หน้าต่าง เสียงทิดฟองตะโกนเรียกและพยายามพังประตูเข้ามา เรียมปีนหน้าต่างลงไปจากเรือน และเสือดำได้ติดตามลงมาในระยะกระชั้นชิด
การปะทะกันทางด้านหลังบ้านสิ้นสุดลงแล้ว บริวารของเสือมเหศวรแตกพ่ายมาออกกันอยู่ทางหน้าบ้าน และบัดนี้ไพร่พลของเสือดำบุกเข้ามาได้ทุกด้าน เขากับบริวารของเขากลุ่มหนึ่งเกือบจะยิงกันเองด้วยความเข้าใจผิด เคราะห์ที่เสือดำให้เสียงเสียก่อน เขามอบตัวเรียมให้กับบริวารของเขาควบคุมไว้ แล้วปลดสะเต็นออกจากบ่าร้องตะโกนขึ้นดังๆ
“อ้ายเสือบุก ไชโย”
เสียงไชโยดังลั่นโดยรอบบ้าน ขุนโจรวิ่งนำหน้าพาบริวารอ้อมมาทางหน้าเรือน พรรคพวกของเสือมเหศวรไม่สามารถจะต้านทานได้ ที่มั่นแนวสุดท้ายก็แตกยับ บรรดานายโจรต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ทิดฟองวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปทางหนึ่ง
ชัยชนะอันเด็ดขาดเป็นของเสือดำแล้ว กองโจรของเสือดำไม่ได้ปล้นทรัพย์สมบัติอะไรเลย ต้องการแต่ตัวเจ้าสาวของเสือมเหศวรเท่านั้นเอง