เสือดำ : เสือล้างเสือ (ตอนจบ) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือล้างเสือ (ตอนจบ)

เสือดำ : เสือล้างเสือ    

         เมฆหมอกแห่งความตึงเครียดระหว่างเสือดำกับเสือมเหศวรได้เกิดขึ้นแล้ว มีเสียงลือกันไปทั่วสุพรรณบุรีว่าพยัคฆ์ร้ายทั้งสองจะปะทะกันในวัน ๒ วันนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามต่างภาวนาขอให้ข่าวลือนี้เป็นความจริง เพราะถ้าหากว่าสองเสือเกิดปะทะกันขึ้นก็คงจะสูญเสียรี้พลและอาวุธไปฝ่ายละไม่ใช่น้อย เป็นการตัดกำลังของสองเสือให้ลดน้อยลง

         และตอนสายวันหนึ่ง เสือมเหศวรได้ใช้ให้สมุนสองคนเดินทางมาหาเสือดำที่รังของเขา นำจดหมายยื่นคำขาดมอบให้เสือดำ มีความว่าเพื่อเห็นแก่เสือฝ้าย ขอให้เสือดำกับบริวารจงล่าถอยออกไปจากดินแดนสุพรรณบรีภายใน ๒๔ ชั่วโมงนี้

         เสือดำได้บอกกับคนของเสือมเหศวรว่ากองโจรของเสือดำจะไม่ยอมล่าถอยไปแม้แต่คืบเดียว

         ขุนโจรเรียกประชุมบริวารของเขาที่หน้าค่าย

         “เราอาจจะต้องปะทะกับเสือมเหศวรหรือเสือฝ้ายอย่างดุเดือดก่อนค่ำวันนี้ ถ้าหากเสือมเหศวรจะใช้กำลังขับไล่ข้า มันก็เป็นปัญหาสำคัญยิ่งที่ข้าอาจจะล่าถอยด้วยความซื่อสัตย์กตัญญู สำหรับเสือมเหศวร เขาเคยมีบุญคุณต่อข้า เคยช่วยชีวิตข้าให้รอดพ้นจากความตาย ฉะนั้น หากการปะทะเกิดขึ้น ข้าขอร้องพวกเจ้าทุกคนจงอย่าทำร้ายเสือมเหศวรเป็นอันขาด ข้าเป็นโจร ข้าจะต้องมีศีลมีสัตย์ รู้จักกตัญญูต่อผู้ที่เคยมีบุญคุณต่อข้า อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกน้องของเสือมเหศวรแล้ว ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้าไว้ชีวิตมันเลย”

         ครั้นแล้ว ขุนโจรก็เริ่มวางแผนการณ์ตั้งรับเสือมเหศวรหรือเสือฝ้ายเป็นการด่วน ปืนกลอากาศขนาด ๘ ม.ม. ถูกนำออกมาเพื่อต่อต้านไพร่พลของฝ่ายศัตรูที่จะล่วงล้ำเข้ามา พรรคพวกของเสือดำทุกคนต่างครึกครื้นรื่นเริงไปตามกัน และด้วยกันสร้างที่มั่นรังปืนต่างๆ โดยรอบถ้ำที่พัก

         ๑๖.๐๐ น. เศษ

         ขณะที่เสือดำออกตรวจตราที่มั่นของเขา

         ยามคอยเหตุของเสือดำก็กะหืดกะหอบมารายงานให้ทราบว่าเสือมเหศวรกับบริวารประมาณ ๕๐ คน ได้เดินทางด้วยเท้ามุ่งตรงมายังค่ายนี้แล้ว และแบ่งกำลังออกเป็น ๒ พวก เสือดำปลดสะเต็นออกจากบ่า สั่งสมุนของเขาพร้อมทันที ทุกคนต่างเข้าประจำปืน ซึ่งตั้งยิงอยู่ในที่กำบังอันมิดชิด

         เวลาผ่านพ้นไปอย่างล่าช้า ประมาณ ๑๖.๓๐ น. กองระวังหน้าของเสือมเหศวร ๔ คนก็ล่วงล้ำเข้ามายังบริเวณค่ายเสือดำ ทุกคนมีคาไบน์เป็นอาวุธคู่มือ

 

 

         เสือดำยิ้มให้บริวารของเขาคนหนึ่งและพูดขึ้นเบาๆ

         “ข้าไม่ได้ยิงสะเต็นมาหลายวันแล้ว ระยะแค่นี้เอ็งลองทายซิว่าอ้ายสี่คนนั่นจะเป็นเหยื่อกระสุนปืนข้าหรือไม่?”

         สมุนของเขาหัวเราะเบาๆ

         “ผมว่าอย่างน้อยสองศพครับนาย”

         เสือดำยกสะเต็นขึ้นประทับ เล็งศูนย์หมายไปยังกองระวังหน้าของเสือมเหศวร ครั้นแล้วเสียงสะเต็นก็แผดคำรามขึ้นลั่นป่า สมุนของเสือมเหศวรสองคนต้องกระสุนปืนล้มกลิ้งสิ้นใจตาย อีกสองคนกะโดดเข้าไปในพุ่มไม้อันหนาทึบ ยกคาไบน์ขึ้นประทับยิงโต้ตอบอย่างดุเดือด ทันใดนั้น รังปืนของเสือดำทุกๆ จุดก็ส่งกระสุนปืนออกไป ยังผลให้ฝ่ายศัตรูหยุดยิงทันที

         ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ อีก ๑๐ นาทีต่อมา เสียงไชโยโห่ร้องของฝ่ายมเหศวรก็ดังขึ้น ขุนโจรผู้เป็นแขนขวาของเจ้าพ่อสุพรรณบุรีนำไพร่พลประดาหน้าเข้ามา และเปิดฉากการโจมตีอย่างฉับพลัน เสียงปืนทั้งสองฝ่ายที่ยิงโต้ตอบกันดังสนั่นหวั่นไหว เสือมเหศวรสรวมเสื้อกั๊กลงยันต์สีแดงมองแลเห็นถนัด เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างก้อนหินก้อนหนึ่ง

         มือถือท็อมสันกะชับมั่นประทับยิงปล่อยกระสุนโปรยมาทางพรรคพวกเสือดำราวกับห่าฝน ซึ่งฝ่ายเสือดำก็ยิงต้านทานไว้ไม่ยอมให้ปรปักษ์ล่วงล้ำเข้ามายึดรังของตนได้ ทุกคนยอมสู้ตายตามคำสั่งเสือดำ และทุกคนไม่ได้มุ่งหมายชีวิตเสือมเหศวรเลย

         การที่ฝ่ายเสือดำไม่ได้ยิงเขา ทำให้เสือมเหศวรซึ่งไม่ทราบเหตุผล เข้าใจว่าเขาอยู่ยงคงกะพันยิงไม่ออก หรือมิฉะนั้นฝ่ายเสือดำก็หวั่นเกรงในอำนาจของเขา จึงไม่มีใครกล้ายิงเขา ดังนั้นเสือมเหศวรก็บุกเข้ามา โบกมือเรียกบริวารให้ติดตามมาด้วย

         แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นทางด้านหลังของฝ่ายเสือมเหศวร กำลังรบจำนวนหนึ่งของเสือดำแอบซ่อนอยู่ข้างหนองน้ำมีจำนวน ๑๒ คน ได้เข้าจู่โจมโดยไม่รู้ตัว ทำให้เสือมเหศวรกับบริวารต้องแตกตื่นเสียขวัญ

         กองโจรของมเหศวรอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเข้าตีทางด้านตะวันออกก็ไม่สามารถจะส่งกำลังมาช่วยเหลือได้ เสือดำผลุดลุกขึ้นจากที่กำบัง ตะโกนสั่งบริวารของเขาให้ลงจากเชิงเขาประดาหน้าเข้าลุกไล่พรรคพวกเสือมเหศวรทันที

         ครั้งนี้ฝ่ายโจมตีก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงต้องล่าถอยอย่างไม่เป็นขะบวน สมุนโจรของเสือมเหศวรล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง บางคนก็นอนร้องครวญครางเพราะต้องกระสุนปืนบาดเจ็บสาหัส

         เสือดำต้องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย และท่ามกลางห่ากระสุนปืน แต่เขามียุทธวิธีเหนือกว่าเสือมเหศวรมาก กำลังที่ ๒ ซึ่งเป็นกองหนุนเสือดำเริ่มโจมตีข้าศึกด้านตะวันออก และอีกส่วนหนึ่งเข้าตีโอบปีก ก่อให้พรรคพวกของเสือมเหศวรระส่ำระสาย บ้างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดปราศจากระเบียบวินัย เสือมเหศวรไม่สามารถจะควบคุมบังคับบัญชาได้โดยทั่วถึง จึงตะโกนให้สมุนของเขาทำการสู้รบอย่างอิสสระ

         ในที่สุด พลรบของเสือมเหศวรก็ถูกไพร่พลของเสือดำไล่ยิงกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง แต่อย่างไรก็ตาม มเหศวรเสือร้ายยังเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ และมีจิตต์ใจอันแข็งแกร่ง ไม่หวาดหวั่นต่อความตาย

         เขายืนกำลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ประทับท็อมสันปล่อยกระสุนมายังพรรคพวกของเสือดำ แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง เสือดำกับบริวารร่วมใจอีกคนหนึ่งก็อ้อมเข้ามาทางด้านหลังของเสือมเหศวร

         และด้วยความรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ เสือดำส่งสะเต็นคู่มือให้ลูกน้องของเขา วิ่งเข้ามากระโจนเข้าตระหวัดรัดคอเสือมเหศวรทันที ทอมสันร่วงลงบนพื้นดิน เสือดำเหวี่ยงเสือมเหศวรกะเด็นไปทางหนึ่งกระชากปืนพกจากซองออกมาจ้องเสือมเหศวร

         “เพื่อนรัก อย่าพยายามสู้กันเป็นอันขาด แกเป็นชะเลยของกันแล้ว”

 

 

         สมุนของเสือดำรีบเข้ามายึดท็อมสันของเสือมเหศวรไว้ คราวนี้เสือมเหศวรก็หมดเขี้ยวเล็บ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงเหี้ยมเกรียม แววตาเป็นประกายโรจน์

         “อ้ายดำ มึงยิงกูสิวะ ทีของมึงแล้ว”

         เสือดำหัวเราะ

         “กันฆ่าแกไม่ได้หรอก มเหศวร เพราะกันยังกตัญญูรู้คุณแก อ้ายเพื่อนยาก เท่าที่แกยกกำลังปะทะเช่นนี้ แกมีความประสงค์ที่จะขับไล่กันออกจากสุพรรณบุรีนี้ใช่ไหม?”

         เสือมเหศวรพยักหน้า

         “ถูกแล้ว เมื่อคำขอร้องของกันไม่เป็นผล กันก็จำเป็นต้องใช้กำลังบังคับ”

         เสือดำหัวเราะอีกครั้งหนึ่ง

         “แต่แล้วพวกแกก็ถูกพลรบของกันไล่ยิงแตกพ่ายไปหมด แกคงเห็นแล้วสินะว่ากองโจรของกันมีความเข้มแข็งเพียงไรสำหรับแก ถ้าหากว่าแกเป็นคนอื่นกันก็คงจะยิงแกทิ้งเสียแล้ว ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายใจนักเลง แกคงไม่ปฏิเสธว่าการะปะทะกันครั้งนี้แกเป็นฝ่ายปราชัยกัน”

         “เออ ข้าไม่ปฏิเสธ แกจะจัดการกับข้าอย่างไรก็เอา”

         เสือใบเก็บปืนพกใส่ซองไว้ตามเดิม เดินเข้ามายกมือขวาตบบ่าเสือมเหศวร

         “เพื่อนรัก ขออย่าให้มิตรภาพของเราต้องทำลายลงเลย เอาละ เมื่อเสือฝ้ายไม่ต้องการให้กันอยู่สุพรรณ กันก็จะอพยพบริวารของกันไปอยู่ที่อื่น ถ้าขัดขืนดื้อดึงอยู่ที่นี่ต่อไป แกก็จะถูกใช้ให้ยกกำลังมาเล่นงานกันอีก และบางทีกันอาจจะเสียสัตย์ยิงแกตายโดยไม่เจตนา”

         เสือมเหศวรยิ้มออกมาได้

         “แกจะไปจากสุพรรณ?”

         ขุนโจรพะยักหน้า

         “ไปแน่ ไปเพื่อเห็นแก่แกผู้มีบุญคุณต่อกัน ไม่ใช่ไปเพื่อเห็นแก่เสือฝ้าย ถ้ากันไม่คิดนิดหนึ่งว่าเสือฝ้ายเป็นลูกพี่ของแกแล้ว กันจะบุกเสือฝ้ายในวันนี้แหละ แกรู้สินะว่าบริวารของกันมีความเข้มแข็งในการรบเพียงใด”

         แววตาของมเหศวรคลายความเข้มลงทันที เขายื่นมือให้เสือดำจับและยิ้มออกมาได้

         “กันไม่เข้าใจเลยเสือดำ กันมาขอร้องแกโดยดี แกปฏิเสธ ต้องให้ปะทะกันเสียก่อนแกจึงตกลงไปจากสุพรรณ ไม่น่าจะให้เสียชีวิตและเลือดเนื้อเลย”

         เสือดำยิ้มอย่างผู้มีชัย

         “กันต้องการให้แกรู้ว่าถึงแม้แกจะใช้กำลังบังคับก็ไม่สามารถจะหักกันได้เพื่อนรัก กันขอรับรองด้วยเกียรติยศว่ากันจะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้เลยว่าเสือมเหศวรพ่ายเสือดำจากการรบเย็นวันนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อเกียรติของแกนั่นเอง กลับไปรังของแกเถอะเพื่อน จัดแจงลำเลียงผู้ที่ต้องกระสุนปืนบาดเจ็บเอาไปด้วย และไปบอกกับอาฝ้ายของแกว่าแกขับไล่พวกเราออกไปจากสุพรรณบุรีแล้ว จะไม่มีใครรู้ความจริงในเรื่องนี้เลย” แล้วเขาก็หันมาทางลูกน้องของเขา

 

 

         “อ้ายจวง คืนท็อมสันให้เสือมเหศวร ข้ากับเขาเข้าใจกันดีแล้ว”

         บริวารของเสือดำถือท็อมสันเข้ามาส่งให้เสือมเหศวรตามคำสั่ง มเหศวรรู้สึกพอใจในน้ำใจเสือดำอย่างยิ่ง เขาบีบมือเสือดำแน่น

         “ลาก่อนเพื่อนรัก กันจะไม่ลืมน้ำใจและเจตนาอันดีของเพื่อนที่มีต่อกันเลย แกชะนะกันแล้วเสือดำ ชะนะทั้งกำลังกายและกำลังใจ กันขอให้สัตย์ปฏิญาณว่ากันจะเป็นเพื่อนที่ดีของแกตลอดไป และกันจะไม่คิดร้ายกับแกอีก ขอให้เจ้าป่าและเจ้าเขาเทพยดาอารักษ์เป็นพะยานเถิด”

         ด้วยความละอายใจ มเหศวรผลุนผลันไปจากที่นั้นทันที เสือดำยกมือท้าวสะเอวมองดูเพื่อนเกลอของเขา ใบหน้าของขุนโจรสดชื่น แสดงความชื่นชมยินดีในชัยชะนะอันง่ายดายของพวกเขา ถึงแม้ว่าประชาชนจะลือว่าเขาถูกเสือมเหศวรขับไล่ไปจากสุพรรณ แต่เสือมเหศวรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมทรงทราบความจริงในเรื่องนี้ได้ดี

 

เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

Writer

Ampaporn Borworn