ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต
สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา
ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต
เสือดำ เคลื่อนพลออกไปจากเขตต์สุพรรณบุรีแล้ว เสียงโจทย์ขานกันแพร่สพัดไปทั่ว เสือดำพ่ายเสือมเหศวรหลังจากได้ทำการสู้รบกันอย่างดุเดือดประมาณครึ่งชั่วโมง บางคนถึงกับยืนยันว่าเสือดำถูกกระสุนท็อมสันของเสือมเหศวรบาดเจ็บสาหัส จึงสั่งให้บริวารล่าถอยบ่ายโฉมหน้าไปทางจังหวัดอ่างทอง และน่ากลัวว่าจะไปตายกลางทาง
ความจริงเสือดำเท่านั้นที่รู้แก่ใจดีว่าฝีมือของเสือมเหศวรยังเปนรองเขามาก แต่ด้วยความกตัญญูของเขา เสือดำจึงต้องพาบริวารออกจากสุพรรณบุรีตามคำขอร้องของเสือมเหศวร
ไม่มีใครรู้ว่าเสือดำล้างถิ่นเสือไปอยู่ที่ไหน เพราะตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เสือดำไม่ได้เปิดฉากการปล้นสดมภ์ที่ไหนเลย บรรดาประชาชนพลเมืองต่างลงความเห็นว่าเสือมเหศวรเป็นยอดขุนโจรที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บสามารถปะทะกับเสือดำและขับไล่เสือดำออกไปพ้นจากสุพรรณบุรีได้
เสือดำพักไพร่พลอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง แขวงเมืองอ่างทองติดต่อกับเขตต์จังหวัดสุพรรณบุรี เขาส่งบริวารของเขาออกลาดตระเวรและหาซื้อสะเบียงจากพวกชาวบ้าน แล้วสืบข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับเขา
เขาได้รับข่าวที่แสลงหูและแสลงใจไม่เว้นตละวัน ข่าวสำคัญยิ่งที่ได้รับวันนี้ ทำให้ขุนโจรกระทบกระเทือนใจเป็นที่สุด สาวรักของเขาเปลี่ยนใจเป็นอื่นเสียแล้ว
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเสือดำได้ติดพันรักใคร่อยู่กับแม่สาวงามแห่งสุพรรณบุรีคนหนึ่งซึ่งเป็นครูโรงเรียนประชาบาลและเป็นลูกสาวคนเดียวของทิดฟองผู้มีอันจะกินคนหนึ่ง เสือดำมีการเกี่ยวข้องฐานชู้สาวกับเรียมมานานแล้ว เรียมเป็นหญิงสาวในวัย ๒๑ ปี สวยเรียบๆ น่าเอ็นดู เคยได้รับการศึกษาสำเร็จชั้นมัธยมปีที่ ๔ ของโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนี้ และมีอาชีพเป็นครูประชาบาลมา ๒ ปีแล้ว
บริวารของเสือดำคนหนึ่งเป็นผู้รายงานข่าวของคนรักให้ขุนโจรทราบ หลังจากที่เสือดำส่งเขาไปสืบสวนเหตุการณ์ในจังหวัดสุพรรณบุรี
“ทอดฟองได้ตั้งตัวเป็นศัตรูของพี่เสียแล้ว”
สมุนของเขาได้รายงานให้ทราบเช่นนี้
“เวลานี้เสือมเหศวรได้ไปมาหาสู่ทิดฟองเสมอเชียวครับ ญาติห่างๆ ของผมคนหนึ่งเขาเป็นลูกจ้างทำนาของทิดฟองเขาเล่าให้ผมฟังโดยละเอียด ทิดฟองกำลังตื่นเต้นในความใหญ่ยิ่งของเสือมเหศวร แกได้ประณามพี่ดำว่าพี่เป็นเสือที่ถูกเสือมเหศวรลบลายเสียได้ ทั้งเหมืองสุพรรณต่างกำลังเกรงกลัวอิทธิพลของเสือมเหศวร”
เสือดำไม่ได้แสดงกิริรยาโกรธแค้นออกมาเลย
“ข้าอยากรู้ข่าวแม่เรียมของข้ามากกว่าข่าวน้าฟอง”
สมุนโจรรายงานให้เขาทราบว่าขณะนี้เรียมกำลังมีใจสอง มีข่าวว่าจะแต่งงานร่วมหอลงโรงกับเสือมเหศวรในไม่ช้านี้ “ญาติของผมก็ยืนยันว่าแม่เรียมสนิทสนมกับเสือมเหศวรมาก เคยไปเที่ยวที่รังของเสือมเหศวรบ่อยๆ”
เพราะข่าวนี้เอง ทำให้เสือดำสั่งเคลื่อนพลเข้าสู่สุพรรณบุรี อีกให้บริวารกระพือข่าวว่าเสือดำจะเหยียบสุพรรณบุรีให้ราบในคราวนี้ เขากลับมายังรังเก่าของเขาตามเดิม รีบเร่งสร้างรังปืนกลและที่มั่นเตรียมรับมือกับกองปราบพิเศษและพวกโจรทุกคณะที่จะรุกรานเขาเพื่อชิงอำนาจและความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ นอกจากนี้ยังสั่งให้บริวารของเขาทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง เสียงปืนยิงเร็วได้ดังกึกก้องป่ามา ๓-๔ วันแล้ว
เย็นวันนั้นขุนโจรได้เตรียมตัวเดินทางไปบ้านทิดฟอง เพราะต้องการทราบความจริงในเรื่องสาวรักของเขา แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นม้าไป เสือดำได้เรียกประชุมบริวารทั้งหมด
“ข้าจะไปหาน้าฟองในฐานมิตร แต่ว่าถ้าทิดฟองจะต้อนรับข้าอย่างศัตรูหรือเสือมเหศวรจะเล่นงานข้า ข้าก็จะต้องต่อสู้จนนาทีสุดท้ายเพื่อแสดงความเป็นเสือของข้า” เสือดำพูดขึ้นด้วยเสียงกังวาฬ ท่ามกลางสมุนโจรที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องหน้าเขา “พวกเจ้าอย่าลืมว่าข้าจะต้องกลับมารังของเราภายใน ๓ ทุ่มคืนวันนี้ ถ้าหากว่าเกินเวลาที่กล่าวนี้ และข้าไม่กลับมา... ก็ขอให้มึงเข้าใจว่าข้าคงถูกน้าฟองหรือเสือมเหศวรฆ่าตาย และนั่นเปนหน้าที่ของพวกเจ้าที่จะต้องแก้แค้นแทนข้าต่อไป”
เขาเผ่นแผล็วขึ้นหลังม้า ควบขับไปจากรังของเขาอย่างรวดเร็ว สะเต็นคู่มือสะพายแนบอยู่กับบ่าขวา ขุนโจรหันมาโบกมือให้บริวารของเขาและบังคับม้าคู่ยากให้วิ่งไปตามทางเกวียน บ่ายหน้ามุ่งตรงไปยังบ้านทิดฟองบิดาของสาวรัก
ก่อนเวลาเข้าใต้เข้าไฟ
ทิดฟอง ชายชราร่างใหญ่นั่งวางอารมณ์อยู่ที่หน้าระเบียงเรือนโบราณแฝด ๒ หลัง ซึ่งหันหน้าเข้าหากันและมีนอกชานแล่นถึงกัน ที่กลางนอกชานมีเสื่อกะจูดผืนใหญ่ปูอยู่ หญิงสาวเอวบางร่างน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าจัดวางกับข้าวที่เพิ่งยกมาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หล่อนคือเรียม ลูกสาวคนเดียวของทิดฟองนั่นเอง เรียมแม่ยอดชู้คู่ชื่นของเสือดำ แต่บัดนี้เรียมได้ลืมขุนโจรพ่อยอดเสน่หาของหล่อนเสียแล้ว เพราะเรียมกำลังนิยมชมชื่นกับคนรักใหม่ของหล่อน คือเสือมเหศวร เจ้าหนุ่มผู้มีวาจาห้าวหาญ ท่าทางสมกับที่เป็นเสือ มีบุคลิกลักษณะถูกใจเรียมอย่างยิ่ง เรียมได้ให้สมญาเขาว่าผู้พิชิตเสือดำ หลงเชื่อตามข่าวลือและคำบอกเล่าของเสือมเหศวรว่าเสือดำปราชัยเสือมเหศวรจากการณรงค์ในป่าสูง และพาบริวารแตกหนีออกไปจากจังหวัดสุพรรณบุรี
เย็นวันนี้ ทิดฟองได้เชิญเสือมเหศวรและลูกน้องร่วมใจอีก ๒-๓ คน มารับประทานอาหารเย็นกับเขาที่นี่ ซึ่งเรียมได้ทำหน้าที่เป็นแม่ครัวประกอบอาหารด้วยตนเอง
กำลังจัดวางจานอาหาร เรียมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นที่ถนนดินหน้าบ้าน เรียมรีบเงยหน้าขึ้นมองดูทันทีและเข้าใจว่าคงเป็นเสือมเหศวร แต่แล้วลูกสาวของทิดฟองก็สะดุ้งเฮือก ใบหน้าซีดเผือดเมื่อแลเห็นเสือดำบังคับม้าให้หยุดนิ่งข้างต้นทองหลาง และก้าวลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว
“พ่อ” เรียมร้องขึ้นดังๆ ผลุดลุกขึ้นวิ่งเข้ามาหาทิดฟองซึ่งกำลังนั่งนึกถึงความมั่งมีที่เสือมเหศวร เขยในอนาคตจะกอบโกยเอามาให้เขา “พ่อจ๋า เสือดำมาพ่อ”
ทิดฟองใจหายวาบ มองไปทางหน้าเรือน แลเห็นขุนโจรกำลังผูกปลายบังเหียนม้าไว้กับต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่ง
“เร็ว อีเรียม เอ็งหลบเข้าไปในห้องก่อน ข้าจะรับหน้ากับมันเอง”
แม่สาวงามรีบวิ่งเข้าไปในห้อง ทิดฟองผลุดลุกขึ้นเดินผ่านนอกชานตรงมาที่บันได ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ขุนโจรก็เงยหน้าขึ้นมองดูบิดาของสาวรักแล้วเสือดำก็ยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะน้า”
ทิดฟองรับไหว้เขา ปลอบใจตนเองให้เข้มแข็งและกล่าวถามเชิงนักเลง
“เอ็งมาดีหรือมาร้ายวะอ้ายดำ”
ขุนโจรเดินขึ้นมาบนเรือน เผชิญหน้าทิดฟองในระยะใกล้ชิด แต่ใบหน้าของเสือดำไม่มีอะไรที่น่ากลัว เขายิ้มกับทิดฟองอย่างเยือกเย็น
“ถ้าน้าต้อนรับฉันด้วยอัธยาศัยไมตรีจิตต์ ฉันก็มาในฐานหลานชายคนหนึ่ง”
ทิดฟองพยักหน้า
“ถ้ายังงั้นเชิญกินเหล้าและกินข้าวกับข้า ประเดี๋ยวมเหศวรกับพรรคพวกเขาจะมาที่นี่ ข้าเชิญเขามากินเลี้ยง สนุกกันสักวันเถอะวะอ้ายดำ”
เสือดำหัวเราะ มองดูกับข้าวและขวดสุราที่จัดวางอยู่กลางนอกชานบ้าน
“ดีทีเดียวน้าฟอง ฉันกำลังอยากพบมเหศวรอ้ายเพื่อนเกลอของฉันมาก เขากำลังมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าขุนโจอื่นๆ”
ทิดฟองพาเสือดำไปนั่งที่หน้าเรือนของเขา ขุนโจรปลดสะเต็นออกจากบ่า วางไว้ข้างๆ ตัว
“เอ็งไปยังไงมายังไงวะอ้ายดำ บริวารของเอ็งไปไหนหมด ข้าขอแสดงความเสียใจที่เอ็งพ่ายแพ้เสือมเหศวรอย่างยับเยิน”
เสือดำหัวเราะ
“มันเป็นของธรรมดาน้าฟอง การปะทะกันไม่แพ้ก็ต้องชนะ บริวารของฉันแตกกะสานซ่านเซ็นไปหมดแล้วจ้ะน้า แต่ว่าฉันเป็นโจร ฉันก็ต้องเป็นโจรเรื่อยไป”
“ก็แล้วเอ็งกลับเข้ามาสุพรรณทำไม”
ขุนโจรขมวดคิ้วย่น
“สุพรรณเป็นบ้านของฉัน”
“แต่เสือมเหศวรเขาไม่ต้องการให้เอ็งหากินอยู่ในเมืองนี้”
คราวนี้เสือดำเค้นหัวเราะออกมาดังๆ
“ให้พ่ออ้ายมเหศวรก็ห้ามฉันไม่ได้ ฉันจะบอกความจริงให้น้าฟองรู้ เขี้ยวเล็บของฉันยังแข็งแกร่งดีเสมอ ที่ฉันพาบริวารออกไปจากเขตต์สุพรรณบุรีก็เพราะฉันกตัญญูต่อเสือมเหศวรที่เขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันเกรงกลัวอิทธิพลของเขา น้องฟอง เสือน่ะมันต่างก็มีลวดลายด้วยกัน ไม่มีใครกลัวใครหร็อก บัดนี้ฉันยินดีที่จะบอกให้น้าฟองทราบว่ากองโจรของฉันได้กลับเข้ามาสุพรรณบุรีอีกแล้ว เราจะได้เปิดฉากการปล้นต่อไป”
คราวนี้ทิดฟองมีกิริยากระสับกระส่ายเล็กน้อย
“น้าฟอง...” ขุนโจรพูดต่อไป “ช่วยบอกให้แม่เรียมออกมาคุยกับฉันบ้างซี จะหลบหน้าฉันไปทำไมนะ เห็นนั่งจัดของอยู่ที่นอกชานเมื่อสักครู่นี้เอง พอแลเห็นฉันก็ลุกขึ้นวิ่งหนี”
ทิดฟองถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอย่างตัดไมตรี
“ข้าเสียใจที่ข้าไม่อาจจะให้นังเรียมกับเอ็งติดต่อกันได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอ้ายดำ นังเรียมมันจะแต่งงานกับเสือมเหศวรในเร็วๆ นี้แล้ว ถ้านังเรียมออกมาคุยกับเอ็ง มเหศวรมาเห็นเข้า เขาก็จะเกิดการเข้าใจผิดขึ้น”
ขุนโจรมองดูหน้าบิดาสาวรักทันที
“ถ้าชีวิตฉันยังอยู่ ฉันขอบอกว่าเสือมเหศวรกับเรียมจะแต่งงานกันไม่ได้เป็นอันขาด น้าฟองไมน่าจะเหยียบย่ำฉันถึงเพียงนี้ น้าฟองก็เคยเป็นนักเลงเก่ามาแล้ว ลูกผู้ชายน่ะใครล่ะจะยอมให้คนอื่นลูบคม เขารู้กันทั่วสุพรรณว่าฉันกับเรียมรักกันมานานแล้ว กองปราบพิเศษเคยแห่กันมาล้อมบ้านน้าฟองตั้งหลายครั้งเพราะเข้าใจผิดคิดว่าฉันอยู่ที่นี่ น้าฟองเองเคยพออกพอใจฉัน อนุญาตให้ฉันติดต่อกับเรียมอย่างเต็มที่ แล้วทำไมน้าถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เข้าใจว่าฉันเป็นเสือสิ้นลายหรือน้า เอาละ ให้มันรู้ไป ฉันจะคอยฟังกำหนดวันแต่งงานของเสือมเหศวรกับแม่เรียม ฉันจะส่งของขวัญมาให้อย่างงดงามทีเดียว”
“อ๋า อ้ายดำ เอ็งจะมาพูดเป็นเชิงข่มขู่ข้าน่ะ ข้าไม่หวั่นหร็อกว่ะอ้ายดำ เอ็งหมายความว่าเอ็งจะยกพวกเข้าปล้นทำลายพิธีแต่งงานยังงั้นหรือ มาเถอะอ้ายหลานชาย มเหศวรเขาพร้อมที่จะรับมือกับเอ็งเสมอ”
ขุนโจรพยายามระงับโทษะไว้
“น้าฟองท้าฉัน”
“เออ กูท้ามึงละ ขอให้มึงอย่าลอบกัดก็แล้วกัน”
เสือดำคว้าสะเต็นลุกขึ้นอย่างฉับพลัน จ้องปากกระบอกปืนหมายระดับหน้าอกบิดาของสาวรัก
“น้าฟอง”
ชาชราขบกรามแน่น
“มึงจะยิงกูหรืออ้ายดำ เอาซี เมื่อเสืออย่างมึงจะฆ่าคนแก่ที่ไม่มีอาวุธได้ลงคอ ยิงซีอ้ายดำ”
เสือดำฝืนหัวเราะ
“ใครบอกว่าฉันจะยิงน้า ฉันเพียงแต่จะบอกให้น้าฟองเตรียมตัวไว้ที่จะรับมือกับฉัน ถ้าแม่เรียมแต่งงานกับอ้ายมเหศวรวันใด วันนั้นแหละจะเป็นวันชี้โชคชาตาระหว่างฉันกับเสือมเหศวร ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องจบชีวิตกันไปข้างหนึ่ง”
“ดีแล้ว ข้าจะรับทราบไว้ จะได้เตรียมตัวไว้รับมือเอ็ง อ้ายดำเอ๋ย มึงเก่งจริงมึงคงไม่แตกยับหนีออกไปจากสุพรรณหร็อก มเหศวรสิวะมันถึงจะแน่”
เสือดำเดินปราดไปที่ห้องของทิดฟอง ทันใดนั้นทิดฟองก็รีบลุกขึ้น
“อ้ายดำ มึงบุกรุกบ้านกู”
ขุนโจรหันมายิ้มให้ทิดฟอง
“จะเล่นงานฉันด้วยแง่กฎหมายหรือน้า น้าก็รู้ดีแล้วว่าฉันเป็นคนที่อยู่เหนือกฎหมาย จะพูดกับฉันต้องพูดด้วยปืน เดี๋ยวนี้ฉันต้องการเห็นหน้าแม่เรียมของฉันสักนิด และจะขอพูดอะไรกับเขาสัก ๒-๓ คำ น้าไม่ต้องวิตก ทรัพย์สมบัติของน้าและลูกสาวของน้าจะได้ไม่ได้รับอันตรายจากฉันเลย แต่อย่าเล่นสกปรกกับฉันนะน้า ฉันยิงยับไปเลย”
เสือดำเดินเข้าไปในห้องอย่างอาจหาญ ทิดฟองตามเข้ามาด้วย ขุนโจรหยุดชงักข้างประตู จ้องเขม็งมองดูสาวรักของเขาซึ่งยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้างเตียง
“เรียมจ๊ะ ตกใจเอามากเชียวหรือ”
ใบหน้าของเรียมซีดเผือด หล่อนไม่กล้าปริปากพูดอะไรกับเขาเลย เสือดำสะพายสะเต็นไว้บนบ่าขวา ตรงเข้ามาหยุดยืนห่างจากหล่อนเล็กน้อย
“สิ้นรักพี่แล้วหรือเรียม น้าบอกว่าเรียมจะแต่งงานกับเสือมเหศวรในเร็ววันนี้ เป็นความจริงใช่ไหมจ๊ะ”
เรียมพยักหน้าและพูดอ้อมแอ้ม
“จ้ะ ถูกแล้ว”
ความรักระคนแค้นได้บังเกิดขึ้นแก่ขุนโจรอย่างมากมาย เขายืนนิ่งอึ้งไปสักครู่ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงหนักๆ
“พี่ขอแสดงความยินดีด้วย พี่ยินดีหลีกทางให้เรียมนับแต่บัดนี้ แต่ว่าเพื่อความเป็นเสือของพี่ พี่จำเป็นจะต้องมาพบกับเรียมอีกในวันแต่งงานของเรียม ลาก่อนนะจ๊ะเรียม อย่าลืมว่าถึงแม้เรียมจะเปลี่ยนใจเป็นอื่น พี่ก็ยังรักเรียมของพี่เสมอ ขอให้โชคดีจงเป็นของเรียมเถิด”
เขาหมุนตัวกลับเดินออกมาจากห้อง ทันใดนั้นเองเขาก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูผู้มีบุญคุณต่อเขา
เสือมเหศวรเดินนำหน้าพาลูกน้องร่วมใจ ๓ คนขึ้นมาบนเรือนทิดฟอง ทุกคนสะพายปืนยิงเร็วคนละกระบอก กำลังใจของทิดฟองดีขึ้นมากเมื่อแลเห็นลูกเขยในอนาคตของเขา ส่วนเสือมเหศวรยืนตะลึงพรึงเพริด เพราะไม่คาดหมายว่าเขาจะมาพบเสือดำที่นี่ ซึ่งทำให้เขาอดที่จะครั่นคร้ามฝีมือเสือดำไม่ได้