เสือดำ : เสือดำปะทะกองปราบ (ตอนที่1) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือดำปะทะกองปราบ (ตอนที่1)

ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา 

ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วสุพรรณบุรีอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้ป่า เสือดำเหยียบจมูกเสือมเหศวรยกพวกเข้าปล้นทำลายพิธีแต่งงานและช่วงชิงเอาตัวเจ้าสาวของเสือมเหศวรไปได้ ไพร่พลของขุนโจรทั้งสองได้รบกันอย่างนองเลือด ซึ่งผลปรากฏว่าพรรคพวกของเสือมเหศวรถูกยิงตาย ๙ คน บาดเจ็บสาหัส ๖ คน ในจำนวนนี้มีนายโจรชั้นเสือ ๑ คนที่ไปช่วยงานมงคลสมรสของเสือมเหศวร ส่วนบริวารของเสือดำเสียชีวิตไปเพียง ๒ คนเท่านั้น

          ชื่อเสียงของเสือดำที่ด้อยไปกลับรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีก เหมือนกับกองไฟที่กำลังจะมอดได้รับเชื้อฟืนเพิ่มเติม เสือดำได้ลูบคมเสือมเหศวรและฝากรอยแค้นไว้คือชิงตัวเจ้าสาวไปได้ มิหนำซ้ำยังจับเสือมเหศวรมัดดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงนอน

          บรรดานายโจรทั้งหลายแห่งแขวงเมืองสุพรรณบุรีต่างครั่นคร้ามเสือดำไปตามกัน การที่เขาได้ชัยชะนะอย่างงดงามจากการรณรงค์กับเสือมเหศวรย่อมชี้ให้เห็นโชคชาตาอันรุ่งเรืองในความเป็นโจรของเขา อิทธิพลของเสือดำยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นแล้ว พ่อค้าคหบดีต่างประหวั่นพรั่นใจไปตามกัน

          วงการตำรวจกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเริ่มเพ่งเล็งเสือดำยิ่งกว่าเสืออื่นๆ เพราะการที่เสือดำกล้าลูบคมเสือมเหศวรได้เช่นนั้นย่อมหมายความว่าเสือดำจะต้องเข้มแข็งทั้งกำลังพลและกำลังอาวุธ และแน่นอนละ ขุนโจรผู้นี้ก็คือศัตรูของประชาชนชาวสุพรรณบุรีหมายเลข ๑

          ระหว่างนี้ ตำรวจกองปราบพิเศษในบังคับบัญชาของ พ.ต.ท. ประชา ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วยอาวุธที่ร้ายแรงทันสมัย ยังคงพักอยู่ที่กองตำรวจภูธรในจังหวัดสุพรรณบุรีนี้ เมื่อข่าวความปราชัยของเสือมเหศวรแพร่สะพัดมาถึงท่านผู้บังคับการกองปราบพิเศษ ก็ได้ปรึกษาหารือกับผู้บังคับกองตำรวจภูธรเพื่อวางมือจากการติดตามสังหารเสืออื่นๆ ให้มุ่งมาทางเสือดำแต่คนเดียวก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจไม่อาจจะสืบทราบได้ว่ารังใหญ่ของเสือดำนั้นอยู่ที่ไหน คงทราบอย่างกว้างๆ ว่าเสือดำกับบริวารนั้นอาศัยอยู่ในป่าดงพงไพรซึ่งเต็มไปด้วยความกันดาร มีความกว้างใหญ่ไพศาลเหลือที่ตำรวจจะติดตามค้นหาได้

          ครั้นตอนสายวันพุธนี้เอง ท่านผู้บังคับกองปราบพิเศษได้รับจดหมายจากเสือมเหศวร ๑ ฉบับ ที่เด็กชายรุ่นหนุ่มชาวพื้นเมืองคนหนึ่งเป็นผู้นำจดหมายไปส่งให้ พ.ต.ท. ประชาในร้านเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง มีข้อความปรากฏว่า

          เรียนท่านผู้บังคับกองปราบที่รัก

          เท่าที่ข้าพเจ้าเสียงเชิงนักเลงแก่เสือดำก็เนื่องจากเสือดำมีไพร่พลและอาวุธมากกว่าข้าพเจ้าหลายเท่า ข้าพเจ้ายินดีที่จะบอกให้ท่านทราบว่าบัดนี้เสือดำได้คิดมักใหญ่ใฝ่สูงจะเข้ายึดเมืองสุพรรณบุรีและก่อวินาศกรรมให้แก่ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนในเร็ววันนี้ ข้าพเจ้าเห็นแก่ประชาชนชาวสุพรรณอันเป็นส่วนใหญ่ที่จะต้องรับเคราะห์กรรมจากการกระทำของเสือดำ ข้าพเจ้าจึงรีบจดหมายเรียนมาให้ท่านทราบ อนึ่ง ข้าพเจ้ากับพวกนายโจรทั้งหลายได้ยินเสียงลือกันว่าตำรวจกองปราบพิเศษไม่กล้าปะทะกับเสือดำเพราะทราบว่าเสือดำมีอาวุธทันสมัยดีกว่าตำรวจ ก็อยากจะรู้ข้อเท็จจริงว่าตำรวจกองปราบจะกล้าทลายรังขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้หรือไม่

          พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ข้าพเจ้าได้มอบแผนที่สังเขปแสดงที่ตั้งของค่ายเสือดำมาด้วยแล้ว ข้าพเจ้ากับพวกนายโจรทั้งหลายจะคอยฟังข่าวการปะทะระหว่างกองปราบพิเศษกับกองโจรเสือดำต่อไป

ขอแสดงความนับถือ

เสือมเหศวร

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          พ.ต.ท. ประชายิ้มออกมาได้ เมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้จบลงแล้ว เขาส่งให้ผู้บังคับกองตำรวจภูธรทันที

          “คุณอ่านดูสิครับ นี่คือจดหมายของเสือมเหศวร”

          ชายกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยลืมตาโพลง

          “จดหมายมเหศวร?”

          พ.ต.ท. ประชาจุ๊ปาก

          “เบาหน่อยผู้บังคับกอง อย่าให้ผู้ที่นั่นอยู่ในร้านกาแฟนี้รู้เรื่องเลยครับ”

          พ.ต.ต. ยุทธรีบอ่านดูข้อความในจดหมายฉบับนั้นด้วยความตื่นเต้นสนใจ พออ่านจบก็ส่งคืนให้ผู้บังคับกองปราบพิเศษ

          “ไม่เลวเลย คุณประชา เสือมเหศวรต้องการยืมมือตำรวจให้สังหารเสือดำคู่อริของมัน จดหมายฉบับนี้มีข้อความบางตอนเยาะเย้ยตำรวจ แต่เราก็รู้ดีว่าเสือมเหศวรจนแต้มแล้ว จึงจดหมายบอกตำแหน่งแห่งที่ของเสือดำมาให้เราทราบ”

          “ไปปรึกษากันที่โรงพักเถอะครับ” พ.ต.ท. ประชาพูดยิ้มๆ เรียกเจ๊กลูกจ้างในร้านคนหนึ่งเข้ามาหา จัดการชำระเงินค่ากาแฟและบุหรี่ให้เรียบร้อย

          สองนายตำรวจลุกขึ้นพากันเดินออกไปจากร้านกาแฟ ท่านผู้บังคับกองปราบพิเศษรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้ทราบตำแหน่งแห่งที่ของเสือดำ ซึ่งแผนที่สังเขปของเสือมเหศวรเป็นประโยชน์แก่เขามากทีเดียว สันติบาลแห่งกองปราบพิเศษทุกๆ คนไม่เคยนึกครั่นคร้ามขุนโจรคนหนึ่งคนใดเลย กองปราบพิเศษหน่วยนี้เพิ่งเดินทางมาถึงสุพรรณบุรีได้ ๒ สัปดาห์เท่านั้น แต่ก็สามารถสังหารเสือเสงี่ยม เสือผ่อน และเสือใย ซึ่งแต่ละคนได้ก่อความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนชาวเมืองสุพรรณมาช้านานแล้ว แต่ก็ต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของตำรวจกองปราบพิเศษในบังคับบัญชาของ พ.ต.ท. ประชา นายตำรวจที่มีสมรรถภาพเข้มแข็งคนหนึ่ง

          ทางการตำรวจได้เตรียมการปะทะกับเสือดำเป็นการใหญ่ มีการจัดกำลังถึง ๒ วัน และพยายามปกปิดข่าวนี้เป็นความลับ แต่ข่าวการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของกองปราบพิเศษก็รั่วไหลออกไปจนได้

          บริวารของเสือดำคนหนึ่งซึ่งตั้งถิ่นฐานทำมาหากินอยู่ในจังหวัดมีโอกาสทราบข่าวนี้ก่อนหน้าที่ตำรวจกองปราบพิเศษจะเคลื่อนขบวนเพียง ๒ ชั่วโมงเท่านั้นเอง

          ขุนโจรกำลังยืนมองดูอีเก้งตัวหนึ่งที่หน้าถ้ำพัก ซึ่งลูกน้องของเขาคนหนึ่งเป็นผู้ยิงมาได้ เมื่อได้ยินฝีเท้าม้าก็เงยหน้าขึ้นมองดู แล้วเขาก็จำโชติ บริวารของเขาได้ดี โชติได้รับเงินทุนและการสนับสนุนจากเสือดำ ได้เปิดร้านค้าขายสินค้าเบ็ดเตล็ดขึ้นในเมือง ดังนั้นโชติจึงทำหน้าที่เป็นสายลับของเสือดำเรื่อยมา

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          “เอ๊ะ นั่นโชตินี่หว่า ท่าทางคงจะมีข่าวร้ายสำหรับเรา” ขุนโจรพูดเปรยๆ

          โชติควบม้าตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บังคับม้าให้หยุดนิ่งห่างจากเสือดำเพียงเล็กน้อย เผ่นแผล็วลงจากหลังม้า ยกมือไหว้เสือดำแสดงความเคารพ

          “สวัสดีอ้ายน้องชาย ข่าวดีหรือข่าวร้ายวะ?”

          “ข่าวร้ายครับพี่ดำ” เขาพูดอย่างร้อนรน “ผมรีบเดินทางมาโดยไม่มีหยุดพักเลย ม้าของผมมันก็ทนชะมัด”

          พวกบริวารของเสือดำต่างเข้ามาห้อมล้อมโชติ ขุนโจรไม่ได้มีท่าตื่นเต้นสนใจอะไร

          “มเหศวรจะบุกข้างอีกยังงั้นหรือ?”

          “เปล่าครับ ไม่ใช่เสือมเหศวร แต่ตำรวจกองปราบประมาณห้าสิบคนกำลังเดินทางมาเล่นงานพวกเราแล้ว ผมมานี่ขณะที่ตำรวจกำลังเข้าแถวอยู่หน้าโรงพัก”

          เสียงจ้อกแจ้กจอแจเกิดขึ้นทันที ขุนโจรกวาดตามองดูบริวารของเขา ใบหน้าของเสือดำยังคงยิ้มละมัย

          “เราไม่ได้ฟาดกับตำรวจมาเกือบสี่เดือนแล้ว วันนี้คงได้รับมือกันเต็มที่” แล้วเขาก็ยกมือขวาตบบ่าโชติ สายลับของเขา “ขอบใจมากอ้ายน้องชายที่เป็นห่วงข้าและรีบย้ำข่าวมาบอก แต่ว่าข้ายังสงสัยอยู่ ตำรวจเขารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราตั้งรังอยู่ที่นี่?”

          “ผมกำลังจะบอกพี่ดำเดี๋ยวนี้แหละครับ อ้ายมเหศวรมันเลวชาติที่สุด มันแก้เผ็ดพี่ดำด้วยการส่งจดหมายไปถึงตำรวจ บอกตำแหน่งแห่งที่ของพี่ให้ตำรวจรู้ ตำรวจคนหนึ่งเขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังครับ”

          คราวนี้ขุนโจรขมวดคิ้วย่น มีใบหน้าบึ้งตึงทันที

          “อ้ายมเหศวรทำอย่างนี้เชียวหรือนี่? มันช่างไม่คิดถึงความเป็นโจรด้วยกันเลย หมดความเป็นลูกผู้ชายคราวนี้เอง ฮ่ะ-ฮ่ะ ดีแล้ว มเหศวรคิดล้างข้าด้วยมือตำรวจกองปราบ เอาละ ข้าจะต่อสู้กับกองปราบจนนาทีสุดท้าย จะยึดรังนี้เป็นที่มั่นจนกว่าจะหมดความสามารถที่จะรักษาไว้ได้ แต่ว่าถ้าชีวิตของข้ายังอยู่ ข้าจะติดตามสังหารมเหศวรให้ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมเป็นทิพย์พยานแก่ข้าดี ข้าซื่อสัตย์กตัญญูต่อมเหศวร นึกถึงบุญคุณของเขา ข้าควรจะฆ่าเขาได้ข้าก็ไม่ทำ แต่คราวนี้ความกตัญญูของข้าจะไม่เหลืออยู่อีกแล้ว มเหศวรต้องการให้กองปราบสังหารข้า ข้าจะต้องทดแทนการกระทำของเสือมเหศวรให้สาสมทีเดียว” ครั้นแล้วขุนโจรก็หันหน้ามาทางบริวารของเขา

          “เตรียมพร้อมโว้ยพวกเรา เราคงจะได้ปะทะกับตำรวจกองปราบก่อนค่ำวันนี้ และขอให้พวกเราสังวรณ์ไว้ว่ามันอาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดของพวกเรา โชติ - ไปคุยกับข้าในถ้ำเถอะ เอ็งเหน็ดเหนื่อยมา ข้าจะจัดหาข้าวปลาให้เอ็งกิน แล้วก็เอ็งจะอยู่ช่วยข้าปะทะกับตำรวจหรือจะเลี่ยงกลับก่อนก็ตามใจ”

          โชติพูดกับขุนโจรทันที

          “ผมตั้งใจมาร่วมกับพี่ดำครับ เพราะมันเป็นโอกาสที่ผมจะได้ตอบแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงของพี่ที่มีต่อผม”

          ขุนโจรยกมือตบบ่าสายลับของเขาแล้วหัวเราะ พาตัวเดินเข้าไปในถ้ำที่พัก ในเวลาเดียวกันนี้เอง บรรดาสมุนโจรของเสือดำก็เริ่มเตรียมตัวต่อสู้กับตำรวจ อาวุธปืนยิงเร็วชนิดต่างๆ ลูกระเบิดมือและปืนกลอากาศถูกลำเลียงออกมาจากถ้ำเข้าประจำตามที่มั่นโดยรอบที่พัก

          มันเป็นเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. เศษ อากาศกำลังร้อนอบอ้าว ไพร่พลของเสือดำต่างประจำรังปืนพร้อมสรรพ หน่วยลาดตระเวน ๑ หมวดถูกส่งออกไปทำการลาดตระเวนเพื่อแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวของตำรวจให้รู้ตัวก่อนที่กองปราบพิเศษจะมาถึง

          เสือดำปรากฏตัวอยู่ในห้องคุมขังแม่สาวงาม เจ้าสาวของเสือมเหศวร ซึ่งเขาช่วงชิงเอาตัวมากักขังไว้ที่นี่เป็นเวลา ๕ วันแล้ว แต่ด้วยศีลธรรมและมนุษยธรรมของเขา ขุนโจรหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ข่มเหงรังแกเรียมเลย เขาจัดที่พักให้หล่อนอยู่อย่างสุขสบาย มีอาหารการกินอย่างดีที่สุด

          เสือดำหยุดยืนหน้าประตูห้องที่กักขังแม่งามผู้ที่เคยเป็นยอดดวงใจของเขา เขาแลเห็นหล่อนนั่งหงอยเหงาอยู่ตามลำพัง

          “เรียมจ๊ะ”

          เรียมหันควับมาทางขุนโจรทันที หล่อนยิ้มให้เขาอย่างเศร้าๆ ตลอดเวลาที่หล่อนถูกกักขังอยู่นี้ เรียมได้นึกบูชาน้ำใจอันดีงามของเขาซึ่งไม่ได้ลวนลามข่มเหงน้ำใจหล่อน

          “พี่ดำ มีอะไรเกิดขึ้นหรือจ๊ะ? เรียมเห็นบริวารของพี่วิ่งพล่านไปหมด”

          เสือดำยิ้มเล็กน้อย ตรงเข้ามานั่งบนแคร่ข้างหล่อน วางมือขวางลงบนบ่าสาวงาม เขาไม่ได้อาฆาตพยาบาทหล่อนเลย การที่เรียมทรยศต่อเขา เสือดำได้อภัยให้หล่อนแล้ว เขายังคงรัก หล่อนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่เพียงตัดพ้อต่อว่าเรียม

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          “ภัยมาถึงเราแล้วแหละ เรียม เสือมเหศวรคนดีของเรียมเขาจดหมายไปถึงตำรวจ แจ้งตำบลที่อยู่ของพี่ให้ตำรวจทราบ บัดนี้กองปราบพิเศษกำลังเดินทางมุ่งตรงมานี่ พี่จึงสั่งให้บริวารของพี่ทุกคนเตรียมพร้อมเพื่อปะทะกับตำรวจในชั่วโมงนี้”

          เรียมเงยหน้าจ้องมองดูเขา

          “พี่มเหศวรเขาทำอย่างนี้เชียวหรือจ๊ะนี่ เขาเองก็เป็นนายโจรคนหนึ่ง ไม่น่าจะหักหาญพี่ดำด้วยวิธีนี้เลย”

          เสือดำเค้นหัวเราะ

          “ก็เพราะเขาไม่มีทางใดที่จะเอาชะนะพี่ได้ เรียมจ๊ะ พี่จะปล่อยเรียมให้เป็นอิสสระนับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป พี่อนุญาตให้เรียมกลับบ้านได้ และจะให้ม้าเรียมขี่ไปหนึ่งตัว ถ้าหากเรียมขืนอยู่ในค่ายของพี่ พี่กับตำรวจเกิดปะทะกันขึ้น เรียมก็อาจจะอันตรายจากกระสุนปืนฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ เรียมจะกลับไปบ้านตามลำพังได้ไหมล่ะ?”

          แววตาของหญิงสาวแจ่มใสขึ้นทันที

          “พี่-พี่ดำ” หล่อนร้องขึ้นดังๆ “พี่จะปล่อยเรียม?”

          ขุนโจรพยักหน้า

          “จ้ะ รีบเตรียมตัวกลับบ้านเถอะ เท่าที่พี่เอาตัวเรียมมากักขังไว้ห้าวันก็เพราะต้องการลูบคมเสือมเหศวรเล่นเท่านั้น มิใช่ว่าพี่เจตนาอาฆาตพยาบาทเรียม เรียมคงจะเข้าใจพี่ดีแล้ว?”

          หญิงสาวกะพุ่มมือไหว้เขา

          “พี่จ๋า น้ำใจของพี่น่าบูชายิ่งนัก พี่ได้เอาความดีของพี่ตอบแทนความชั่วของเรียม พี่ดีอะไรอย่างนี้”

          ขุนโจรสะท้อนถอนใจ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพูดว่า

          “เรียมจะต้องไปจากค่ายของพี่โดยเร็วที่สุด พี่จะออกไปดูแนวต้านทานของพี่ และจะเตรียมหาม้าไว้ให้เรียมขี่กลับบ้าน”

          “จ้ะพี่ เรียมจะเตรียมตัวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ และเรียมจะวิงวอนพระเป็นเจ้าขอให้คุ้มครองพี่และบริวารของพี่ให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง”

          เสือดำลอบชำเลืองมองดูหน้าหล่อน แล้วพาตัวเดินออกไปจากห้องที่กักขังเรียม

          ขุนโจรออกมายืนเด่นอยู่หน้าถ้ำ สั่งให้บริวารของเขาคนหนึ่งจัดม้า เอาม้าที่เชื่องๆ มาให้เรียม ๑ ตัว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณถ้ำที่พัก บรรดาสมุนโจรของเขาได้เข้าประจำปืนเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่ากองปราบพิเศษเคลื่อนเข้ามาประชิด มันก็หมายถึงการต่อสู้ที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อด้วยกัน ซึ่งไม่ผิดอะไรกับสาดน้ำรดกัน

          เรียมเดินเมียงมองออกมาจากถ้ำ ตรงเข้ามาหาเสือดำ หยุดยืนข้างๆ เขา กะพุ่มมือกราบลงบนบ่าของขุนโจรผู้มีน้ำใจอันดีงาม

          “พี่ดำ เรียมลาก่อนนะพี่นะ เรียมจะไม่ลืมความเมตตากรุณาของพี่เลย ถ้าหากว่าพี่เป็นคนอื่น เรียมก็คงจะต้องตกเป็นเมียของพี่แล้ว”

          เสือดำยกมือลูบเรือนผมหล่อน

          “พี่ไม่เคยข่มเหงน้ำใจใคร ผู้หญิงทุกคนต้องรักความบริสุทธิ์ของตนเท่าเทียมกับชีวิต โจรอย่างพี่ไม่ได้ขาดมนุษยธรรมและศีลธรรม พี่ไม่เคยฉุดคร่าลูกเขาเมียใคร ไปเถอะเรียม ขี่ม้าตัวนี้รีบกลับไป และบอกให้พ่อของเรียมทราบด้วยว่าเท่าที่พี่ล่วงเกินมาแล้วก็เพราะเจ็บใจเสือมเหศวร ขอให้อภัยให้พี่เถอะ พี่จะไม่ไปรังควานหรืออาละวาดพี่อของเรียมอีกเลย แต่เสือมเหศวรเจ้าบ่าวของเรียม ถ้าหากว่าเรียมพบเขาก็จงบอกให้เขารู้ตัวว่าเขากับพี่จะต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไปจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกันไป”

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          เรียมก้มหน้าดูพื้น

          “แต่ว่าเรียมไม่ต้องการคบค้าสมาคมกับพี่มเหศวรอีกแล้ว เพราะเรียมได้เห็นน้ำใจอันดีงามของพี่และได้เห็นความไม่ดีของเขา”

          ขุนโจรหัวเราะเสียงปร่าชอบกล

          “นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตต์ใจของเรียม ไปเถอะจ้ะ อย่าชักช้าอยู่เลย ขอให้เรียมกลับไปถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ และวันหนึ่งข้างหน้าพี่กับเรียมคงมีโอกาสที่จะได้พบกันอีก”

          หล่อนกะพุ่มมือไหว้เขาอีกครั้งหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างมองดูกัน แล้วขุนโจรก็เบือนหน้าไปทางอื่น เรียมเดินตรงไปที่ม้าสีดำ ซึ่งบริวารของเสือดำยืนจับสายบังเหียนอยู่ หล่อนรับสายบังเหียนมาถือไว้ ยกเท้าขวาเหยียบโกลนก้าวขึ้นนั่งบนหลังของมัน หันมามองดูขุนโจรอีกครั้งหนึ่ง

          “พี่ดำ เรียมลาพี่ก่อน”

          เสือดำหันมามองดูหล่อนด้วยท่าทางเศร้าๆ ฝืนยิ้มให้และยกมือขวาขึ้นโบก

          “สวัสดีจ้ะเรียม”

          แม่สาวงามบังคับม้าวิ่งสะบัดย่างไปจากที่นั้น ขุนโจรยืนมองดูจนกระทั่งหล่อนลับสายตาไป เขายืนนิ่งเฉยอยู่สักครู่ หวนนึกถึงความรักความหวานชื่นเมื่อครั้งที่เรียมยังรักอยู่กับเขา แต่แล้วขุนโจรก็ถอนหายใจหนักๆ

          “ผู้หญิงคือศัตรูของชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง “สิ้นชาติวาสนากันที ถ้าเราขืนติดต่อรักใคร่กับเรียมอีก มันก็จะเกิดเรื่องยุ่งยากไม่มีวันสิ้นสุด”

          ครั้นแล้วกิริยาที่เงื่องหงอยของเสือดำก็เปลี่ยนเป็นคึกคักเข้มแข็ง เขาปลดสะเต็นออกจากบ่า ตรวจดูแม็กกาซีนแล้วเดินขึ้นไปบนเขาเพื่อตรวจแนวที่มั่นต่างๆ ที่ได้จัดวางไว้อย่างมั่นคงแข็งแรง

Writer

Ampaporn Borworn