"งานศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ทางเลือกใหม่เพื่อรักษ์โลกในวาระสุดท้าย
การจัดงานศพแบบรักษ์โลกกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจในยุคที่ผู้คนตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกช่วงของชีวิต แม้กระทั่งในวาระสุดท้าย แนวคิดนี้มุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการไว้อาลัยและการดูแลโลก
“ฉันไม่อยากอยูแค่ในโลงศพเมื่อฉันตาย – ฉันอยากได้งานศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
เมื่อผู้คนเริ่มตระหนักถึง Carbon Footprint มากขึ้น คาร์บอนฟุตพรินต์ เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะเป็นตัวชี้วัดผลกระทบของกิจกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน Carbon Footprint คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการกำจัดซากผลิตภัณฑ์หลังหมดอายุการใช้งาน โดยจะถูกคำนวณออกมาในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e)
เรียกได้ว่า Carbon Footprint เป็นหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่จะประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยจากกิจกรรมต่าง ๆ ว่ามีออกมาเท่าไร ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีตัวช่วยในการแจ้งข้อมูลสำคัญ เช่น ฉลาก Carbon Footprint ที่ติดไว้บนตัวผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น คนที่พยายามดำเนินชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเริ่มหันมาสนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเสียชีวิต
“ฉันไม่อยากให้การกระทำครั้งสุดท้ายของฉันบนโลกนี้เป็นการกระทำที่ก่อมลพิษ ถ้าฉันสามารถหลีกเลี่ยงได้” เรเชล ฮอว์ธอร์น กล่าว
เธอกำลังเตรียมทำผ้าห่อศพของตัวเอง เพราะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการฝังศพและการเผาศพแบบดั้งเดิม
“ฉันพยายามอย่างมากในชีวิตที่จะรีไซเคิล ใช้น้อยลง และใช้ชีวิตในวิถีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นฉันต้องการให้ความตายของฉันเป็นแบบนั้นด้วย” เธอเสริม
การเผาศพด้วยก๊าซธรรมชาติปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการบินไปกลับระหว่างลอนดอนและปารีส โดยในแต่ละปี ผู้เสียชีวิตในสหราชอาณาจักรราว 80% เลือกการเผาศพ ตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านคาร์บอน Planet Mark แต่การฝังศพแบบดั้งเดิมก็สามารถก่อมลพิษได้เช่นกัน โลงศพที่ไม่ย่อยสลายมักทำจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และร่างกายถูกดองด้วยฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถซึมเข้าสู่ดินได้
ผ้าห่อศพซึ่งใช้แทนโลงศพได้นั้นทำจากขนแกะและต้นหลิวที่หาได้ในท้องถิ่น
ในการสำรวจล่าสุดของ Co-op Funeralcare ที่จัดทำโดย YouGov พบว่าหนึ่งในสิบของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการงานศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เรเชล จากเมืองเฮบเดนบริดจ์ในเวสต์ยอร์กเชียร์ ได้ทำผ้าห่อศพให้เพื่อนจากขนสัตว์ ต้นหลิว หนามแบล็กเบอร์รี และไอวี่ ที่หาได้ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะของเธอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอสำรวจหัวข้อเกี่ยวกับความตาย การสูญเสีย ความเศร้าโศก และธรรมชาติ ผ่านงานฝีมือและวัตถุที่ใช้งานได้จริง แต่สำหรับเธอในวัย 50 ปี ผ้าห่อศพนี้ไม่ใช่แค่งานศิลปะ และเธอได้ตัดสินใจทำผ้าห่อศพของตัวเอง
“ปฏิกิริยาทั่วไปจากคนที่เห็นผลงานนี้คือถามว่าพวกเขาสามารถสัมผัสมันได้หรือไม่ เพื่อรับรู้ถึงความนุ่มของมัน”
สำหรับเรเชล นี่เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการช่วยให้ผู้คนเผชิญหน้ากับหัวข้อที่มักหลีกเลี่ยงอย่างความตาย เธอยังทำงานเป็น "ดูลาแห่งความตาย" (Death Doula) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผู้ที่กำลังจะเสียชีวิต รวมถึงคนที่พวกเขารัก เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการงานศพได้อย่างมีข้อมูล
“ฉันพบว่าเมื่อเราพูดถึงความตาย ทุกคนที่ฉันได้พูดคุยด้วยมองว่ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ และยังช่วยเสริมสร้างคุณค่าให้กับชีวิต” เธอกล่าว
“เมื่อมีคนเสียชีวิต มันมักเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก และคนส่วนใหญ่จะทำตามกระบวนการที่สังคมกำหนดโดยไม่ได้ตั้งคำถาม ฉันต้องการเปิดโอกาสให้เกิดบทสนทนาเหล่านี้”
“ฉันอยากให้ผู้คนรู้ว่ามีทางเลือก และเราไม่จำเป็นต้องจบชีวิตในกล่อง”
การขุดหลุมฝังศพลึก 6 ฟุต (1.82 เมตร) เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเชื่อว่าเป็นมาตรการป้องกันโรคระบาด เมื่อถึงเวลาของเรเชล เธอต้องการการฝังศพแบบธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงการใช้โลงศพหรือผ้าห่อที่ย่อยสลายได้ในหลุมตื้น โดยชั้นดินด้านบนมีจุลินทรีย์ที่กระตือรือร้นมากกว่า ทำให้ร่างกายย่อยสลายภายใน 20-30 ปี แทนที่จะใช้เวลาถึง 100 ปีเหมือนหลุมศพแบบดั้งเดิม
สุสานธรรมชาติ ในสหราชอาณาจักรมีลักษณะเหมือนพื้นที่ธรรมชาติมากกว่าสุสานทั่วไป ต้นไม้และดอกไม้ป่าแทนที่ป้ายหลุมศพที่มนุษย์สร้างขึ้น และไม่ใช้สารกำจัดศัตรูพืช การดองศพ หินป้ายหลุม เครื่องประดับ และดอกไม้พลาสติกไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้
ลูอิส แมคมานัส กล่าวว่าแม่ของเธอถูกฝังเมื่อปีที่แล้วที่ Tarn Moor Memorial Woodland พื้นที่ธรรมชาติใกล้เมืองสกิปตัน งานศพนั้นใช้รถศพไฟฟ้า โลงศพขนสัตว์ที่ผลิตในท้องถิ่น และดอกไม้จากสวนของเธอ
“เธอรักธรรมชาติและการอยู่กลางแจ้ง เธอกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และขอให้งานศพของเธอยั่งยืนมากที่สุด” ลูอิสกล่าว
ซาราห์ โจนส์ ผู้จัดการงานศพในลีดส์ที่จัดพิธีนี้ กล่าวว่า ความต้องการงานศพที่ยั่งยืนกำลังเพิ่มขึ้น ธุรกิจของเธอขยายตัวถึงสี่แห่งตั้งแต่เปิดดำเนินการในปี 2016 โดยความนิยมของงานศพที่ยั่งยืนช่วยผลักดันการเติบโต
Sarah Jones
“จากงานศพเชิงอนุรักษ์เพียงไม่กี่งาน ตอนนี้คำขอประเภทนี้คิดเป็นประมาณ 20% ของธุรกิจของฉัน” เธอกล่าว
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลายแห่ง การฝังศพแบบธรรมชาติมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า หลายแห่ง เช่น Tarn Moor มีราคาพิเศษสำหรับคนในพื้นที่ สุสานธรรมชาติแห่งหนึ่งใน Speeton, North Yorkshire ดำเนินการโดยชุมชน และนำผลกำไรกลับไปสู่การพัฒนาหมู่บ้าน ที่ Tarn Moor พื้นที่ฝังศพและค่าดูแลสำหรับชาว Skipton อยู่ที่ 1,177 ปอนด์ สำหรับคนที่ไม่ได้อาศัยในพื้นที่คิดราคา 1,818 ปอนด์ ขณะที่สุสานของเทศบาลใกล้เคียงคิดค่าฝังศพ 1,200 ปอนด์ และค่าบริการเผาศพเริ่มต้นที่ 896 ปอนด์
รายงานของ Planet Mark ชี้ให้เห็นว่าการเดินทางไปยังสุสานธรรมชาติ ซึ่งมักอยู่ห่างไกลจากเมือง อาจก่อให้เกิดรอยเท้าคาร์บอนสูงกว่าการเดินทางไปสุสานแบบดั้งเดิม
เรเชลยอมรับถึงความท้าทายเหล่านี้ แต่หวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เธอต้องการเห็นพื้นที่ฝังศพธรรมชาติที่มากขึ้นในท้องถิ่น และทำให้การดูแลการตายอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องปกติ ในขณะเดียวกันก็เคารพทางเลือกของผู้อื่น
“ในอดีต ผู้หญิงจะนำผ้าห่อศพไปยังบ้านสามีในฐานะส่วนหนึ่งของสินสอด และเก็บไว้จนกว่าจะถึงเวลาใช้งาน” เธอกล่าว
“ฉันไม่เห็นว่าทำไมคนจะไม่มีผ้าห่อศพเตรียมไว้พร้อมสำหรับตัวเอง”
“ฉันคิดว่ามันสามารถเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกคนก็ต้องมีทางเลือกของตัวเองในเรื่องนี้ มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่งเสมอไป”
ในปัจจุบัน แนวคิดการจัดงานศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ "งานศพสีเขียว" กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย การจัดงานศพแบบนี้มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อธรรมชาติ โดยใช้วิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมคือการฝังศพในสุสานธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ร่างกายย่อยสลายตามธรรมชาติ โดยไม่ใช้สารเคมีหรือวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย ในประเทศไทย แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่มีความพยายามในการนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากร
การจัดงานศพแบบรักษ์โลกไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งแวดล้อมและสืบสานวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้วิธีการที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกและส่งต่อคุณค่าที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง