ด้วยประสบการณ์ด้านแฟชั่นที่สั่งสมมายาวนานกว่า 15 ปี ผ่านงานออกแบบทั้งกระเป๋าและรองเท้าให้กับแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติมานับไม่ถ้วน ทำให้คุณแหวน-อาบบุญ ปะทะยศ ตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ตั้งแต่เริ่มคิดจะทำว่า วัสดุที่จะเอามาใช้ทำผลิตภัณฑ์ของเธอนั้นจะต้องเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายง่าย และไม่เบียดเบียนสัตว์ ซึ่งจากการศึกษาค้นคว้าอยู่พักใหญ่ในที่สุดเธอก็รวบรวมวัสดุที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้ เมื่อเอามาประกอบกับความสามารถทางด้านการเพ้นท์รูปที่เธอมี จึงแจ้งเกิดขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นสีสันสดใสสไตล์ Resort Wear ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อเดียวกับชื่อของเธอว่า ARBBOON
“แหวนเคยเป็นดีไซเนอร์ทำให้กับแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ ทำมาสิบห้าปีได้ ก็ออกแบบทั้งกระเป๋าและรองเท้าเลยค่ะ ช่วงที่ทำงานให้บริษัทเราก็มีทำตัวอย่างงานของเราเองเก็บไว้เรื่อยๆ อยู่แล้วด้วย ซึ่งมันเยอะมาก แล้ววันหนึ่งเราเอามาโพสต์ลงโซเชียลมันก็เริ่มมีคนมาถาม มีคนเข้ามาสนใจงานของเรา ตอนนั้นเราก็อายุเริ่มเยอะขึ้นแล้วด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันน่าจะถึงเวลามาทำแบรนด์ของตัวเองได้แล้วล่ะ ก็เลยเกิดเป็นแบรนด์ ARBBOON ค่ะ”
ตั้งใจใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อตัดวงจรการทำร้ายสัตว์
“จริงๆ สิบห้าปีที่ทำงานมา แหวนใช้หนังมาแทบทุกประเภทแล้ว หนังวัว หนังแกะ หนังแพะ หนังงู หนังจระเข้ คือใช้มาหมดแล้ว และก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราก็มีส่วนในการฆ่าสัตว์เหมือนกัน คือเราอยู่ในไซเคิลของการที่เราเลือกหนังมาใช้ ก็เลยคิดว่าถ้าเป็นแบรนด์ตัวเองอยากใช้อะไรที่มันไม่ไปทำร้ายสัตว์ หรือใช้ของเหลือทิ้งที่มันไม่มีคุณค่าแล้วแต่เราเอากลับมาสร้างแพทเทิร์นใหม่เพิ่มคุณค่าให้สินค้าตัวเองค่ะ”
ชูโรงด้วยหนังจากใยสับปะรด สวย ย่อยสลายง่าย ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
“แหวนพยายามดูว่าในไทยมีวัสดุอะไรที่พอจะเอามาใช้ได้ แล้วก็ดูวัสดุที่มันอินเทรนด์ในต่างประเทศด้วยเหมือนกัน จนมาได้เป็นหนังที่ทำมาจากเส้นใยสับปะรด คือชอบตรงที่เขาทำออกมาเป็นลายเหมือนหนังเลย แล้วผิวสัมผัสมันคือหนังจริงๆ ซึ่งตรงตามที่แหวนอยากได้ เราอยากให้คนที่เห็นที่สัมผัสมันเข้าใจว่ามันคือหนัง แต่เซอร์ไพรส์ว่าที่จริงแล้วมันไม่ใช่หนัง มันคือใยสับปะรด เราอยากให้มันเป็นแบบนั้น คือพวกนี้มันเป็นเส้นใยธรรมชาติ เวลาไปฝังกลบมันก็จะย่อยสลายเองโดยธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ ไม่มีเอฟเฟกต์อะไรกับธรรมชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีผ้าที่รีไซเคิลมาจากขวดพลาสติก แล้วก็ไมโครไฟเบอร์ที่เป็นหนังสังเคราะห์ด้วยค่ะ”
ลายเพ้นท์คือจุดเด่นเน้นเอกลักษณ์ความเป็น ARBBOON
“แหวนเป็นคนชอบเพ้นท์รูปก็เลยเอาภาพพิมพ์ลายที่ตัวเองเพ้นท์มาใส่ในชิ้นงานเพื่อบ่งบอกว่ามันคือแบรนด์ของเรา และเราก็ชอบใบไม้ ชอบสีสัน ชอบความเป็นทรอปิคอล แพทเทิร์นของเราก็เลยจะมีความล้อไปกับรูปทรงธรรมชาติอย่างใบไม้หรือกลีบดอกไม้ งานทุกชิ้นของเราเป็นแฮนด์เมดนะคะ เรามีช่างมีฝีมือคุณภาพเป็นคนตัดเย็บ ช่างจะประณีตมาก ทุกส่วนต้องใช้ความละเอียดเพราะแพทเทิร์นจะมีรูปทรงโค้งค่อนข้างเยอะ อย่างบางส่วนก็ต้องใช้การทาสี แล้วไม่ได้ทาแค่รอบเดียวนะคะ ทาแล้วรอแห้งๆ ต้องทาสามถึงสี่รอบเพื่อให้ได้สีตามต้องการ งานของแหวนมันจะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะเพราะเราอยากให้ดีไซน์มันมีความพิเศษในแบบ ARBBOON จริงๆ”
ใช้วัสดุทุกชิ้นให้เป็นประโยชน์เพื่อลดขยะ
“เวลาวางแพทเทิร์นแหวนจะดูให้มันเหลือเศษให้น้อยที่สุด เราพยายามจะใช้วัสดุทุกส่วนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้ามันมีเศษที่เหลือเราก็จะมาดูว่ามันสามารถเอามาเป็นส่วนตกแต่งตรงไหนได้บ้าง หรืออาจจะเอามาทำเป็นหางซิปได้ไหม ถ้าสังเกตงานแหวนจะไม่ได้ใช้วัสดุเดียวทั้งหมด เราจะ Mix material เราจะดีไซน์โดยมีวัสดุสองถึงสามอย่างขึ้นไป คือจริงๆ แหวนว่าเราเป็นจุดเล็กๆ ที่อยากจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้มันดีขึ้น ก็เลยพยายามคัดเลือกวัสดุทุกอย่างที่จะเอามาใช้และใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดค่ะ”
หมุดหมายที่ตั้งใจคือให้คนตระหนักรู้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
“ปีนี้แหวนมีแพลนจะทำคอลเลคชั่นนกเงือกค่ะ ทำเป็นกระเป๋า เดี๋ยวเราจะเพ้นท์แล้วก็ทำเป็นชิ้นเอาไปประกอบเป็นกระเป๋า ตอนนี้กำลังเริ่มๆ ดีไซน์ค่ะ อาจจะสร้างมิติให้มันนูนๆ ออกมา เดี๋ยวต้องรอดูตอนเสร็จค่ะ ที่เลือกเป็นนกเงือกเพราะมันเป็นนกที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า ซึ่งตอนนี้นกเงือกมันหายาก มันใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เราเลยคิดทำคอลเลคชั่นนกเงือกเพื่ออยากให้คนตระหนักถึงปัญหาตรงนี้ ตระหนักว่าเมื่อไหร่ที่ไม่มีนกเงือกแปลว่าป่าเราจะไม่เหลือแล้วนะ แล้วเราก็มองว่าในอนาคตอยากจะทำ CSR ด้วยการเอาเงินรายได้ส่วนหนึ่งไปบริจาคให้กับองค์กรเกี่ยวกับอนุรักษ์สัตว์ป่าด้วยค่ะ”
เป้าหมายต่อไปคือสร้างแบรนด์ไทยให้อินเตอร์
“สินค้าเราตอนนี้มีขายในช่องทางออนไลน์ค่ะ แหวนจะลงอัพเดทในไอจี ARBBOON_OFFICIAL ปีที่ผ่านมาเรามีไปพรีเซนต์ตามโรงแรม รีสอร์ต เพื่อจะเอาแบรนด์ของเราเข้าไปวางด้วย ทาร์เก็ตหลักที่วางไว้คือกลุ่มนักท่องเที่ยวค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเป็นงาน Sustainable ต่างชาติจะสนใจมาก ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่กำลังดำเนินการค่ะ และก็อีกอย่างที่คิดเอาไว้คืออยากจะจัดเป็นงานแสดงศิลปะกึ่งแฟชั่น เราจะเอางานเพ้นท์งานศิลปะที่เราทำไปโชว์ แล้วก็จะเอาโปรดักส์ที่เราดีไซน์ไปโชว์ด้วย คิดว่าอันนี้น่าจะเป็นจุด Kick off ที่จะทำให้ตัวแบรนด์ ARBBOON เป็นที่รู้จักมากขึ้นค่ะ เอาจริงๆ สุดท้ายเราอยากเห็นแบรนด์มันไปได้ในระดับ Global และก็อยาก Represent ประเทศไทยด้วยว่ามันมีแบรนด์แบบนี้อยู่ แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นก็น่าจะอีกไกลแหละ แต่เราอยากลองดูค่ะ”
