ปลูกปั่น ธุรกิจสุดเฮลท์ตี้ ขายสุขภาพดีส่งถึงที่ทุกเช้า : พลิกวิกฤติสุขภาพเป็นธุรกิจ สร้างกำไรแบบไม่ทำร้ายโลก

ปลูกปั่น ธุรกิจสุดเฮลท์ตี้ ขายสุขภาพดีส่งถึงที่ทุกเช้า

     จากจุดเริ่มต้นที่เกิดจากการทำงานหนักและใช้ร่างกายแบบไม่พักผ่อนทำให้ถูกโรคภัยรุมเร้าเฉียดตาย จนต้องปรับวิถีชีวิตและเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่หมดจนสุขภาพที่ย่ำแย่ค่อยๆ ดีขึ้นและกลับมาแข็งแรงดังเดิม ทำให้ คุณจัง ศิริลักษณ์ มหาจันทนาภรณ์ เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้คนอื่น โดยเริ่มต้นจากการปั่นน้ำผักผลไม้ห้าสีแจกจ่ายคนรอบข้าง ก่อนจะปิ๊งไอเดียต่อยอดเป็นธุรกิจที่ไม่เพียงแค่รักษาสุขภาพอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรักษาโลกไปพร้อมๆ กันด้วย

 

     “จังเป็นนักออกแบบค่ะ ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นคนที่ออกแบบอะไรก็ได้ในโลกนี้ ชอบงานที่ทำมาก มีความสุขมาก ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เป็นนักออกแบบงานมันจะ 24 ชั่วโมงที่ลืมตาอยู่ค่ะ เราต้องคิดงานตลอดเวลา ตอนกลางวันก็ออกไปรีเสิร์ชหาข้อมูล บางทีก็พักผ่อนบ้าง แต่ว่ากลางคืนจะไม่นอน บางทีทำงานถึงตีสามตีสี่ ทำแบบนี้มาเป็นสิบปีค่ะ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งเลย จนร่างกายพัง มีปัญหาสุขภาพ โรคที่เป็นเรียกว่าโรค NCDs คือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นตั้งแต่ผื่นภูมิแพ้ ลมพิษเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันต่ำ และเป็นเนื้องอกรังไข่ มันจะค่อยๆ ไล่สเต็ป แล้วก็มาเป็นกระดูกเสื่อมก่อนอายุ กระดูกข้อสะโพกเสื่อม ก็คือเป็นโรคที่มันไม่หายสักที”

 

ผักผลไม้ช่วยรีบูสต์ร่างกายให้สมดุล

“พอมีปัญหาสุขภาพก็เลยต้องไปหาหมอ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์ทางเลือก ซึ่งแพทย์ทางเลือกคนสุดท้ายที่เราไปหาเขาบอกว่าเราใช้ชีวิตผิด กินอยู่หลับนอนผิดหมดเลย เขาก็แนะนำว่าเราควรจะกินอะไร อยู่ยังไง นอนกี่โมง และสุดท้ายคุณหมอก็ให้เมนูอาหารมา 6 สัปดาห์ เราก็กินตามที่เขาบอก พอกินครบคอร์สเราก็ถามว่าหลังจากนี้เราจะกินอะไร คุณหมอก็พูดคีย์เวิร์ดขึ้นมาคำหนึ่งว่ากินผักผลไม้ห้าสี แค่นี้ค่ะ คือพอกินจบคอร์สของคุณหมอร่างกายเราก็กลับมาอยู่ในสภาพที่สมดุลแล้ว ฉะนั้นก็ต้องรักษาสมดุลด้วยการ maintenance กินผักผลไม้ให้ได้ห้าสี ซึ่งมันต้องกินเกินครึ่งกิโลต่อวัน จะกินให้ได้ครบก็คือต้องปั่น ก็เลยปั่นน้ำผักผลไม้กินเองทุกวันมาตั้งแต่นั้น”

 

 

 

จุดเริ่มต้นของปลูกปั่น

“ช่วงแรกที่ทำน้ำปั่นไม่ได้ตั้งใจจะขายค่ะ เราทำแล้วก็เผื่อแผ่ไปให้เพื่อนๆ ญาติๆ ได้กินด้วย จนเพื่อนที่เขาได้รับน้ำปั่นจากเราทุกวันเขาเกรงใจเลยบอกให้เราทำขายดีกว่า นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นของปลูกปั่น สถานที่ผลิตของเราคือร้านจักรยาน เดิมที่นี่เป็นร้านจักรยานมาก่อน และก็มีโซนคาเฟ่ด้วย พอดีคนเช่าเขาออก เราก็เลยปรับปรุงพื้นที่มาเป็นร้านน้ำผักผลไม้ปั่น แต่ปัญหาคือที่นี่ไม่มีที่จอดรถ ถ้าจะทำต้องเป็นการเอาไปส่งเท่านั้น และของมันทำสดๆ เลยต้องหาคนที่กินประจำ ก็เริ่มจากเพื่อนรอบๆ ตัวเลยค่ะ ตั้งเป้าลูกค้าที่ 30 คน คำนวณแล้วว่าอยู่ได้ เงินลงทุนครั้งแรกคือ 300,000 บาท เครื่องปั่นก็เกือบสามหมื่นแล้ว ตู้เย็นก็ประมาณสามหมื่นกว่าบาท คือจังเป็นพวกเน้นอุปกรณ์ เราคิดว่าเราอยากจะใช้ของที่มันดี มีมาตรฐานสูง เราอยากให้น้ำปั่นเราคุณภาพดี ส่วนวัตถุดิบเราใช้ผักผลไม้ในประเทศเป็นหลัก รับจากเกษตรกรหมุนเวียนทั่วประเทศ เป็นการช่วยเกษตรกรด้วย เกษตรกรที่ส่งของให้เราไปหาทุกคน ไปเจอหน้า ไปคุย ไปบอกว่าเราทำอันนี้อยู่ และคุณกำลังจะส่งให้ใครกิน ไปสื่อสารกับเกษตรกรทุกคน ทุกแปลงที่ส่งเราไปหมดค่ะ”

 

 

รักสุขภาพแล้วต้องรักษ์โลกด้วย

“คนที่จะสั่งน้ำปั่นต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะไม่รู้เลยว่าต้องส่งให้ลูกค้ากี่คน ต้องใช้ผักผลไม้เท่าไหร่ต่อวัน คือเราปิดช่องทางการสูญเสียวัตถุดิบโดยเปล่าประโยชน์ไปเลย เราอยากทำแบบ zero waste คือไม่มีขยะ ไม่ให้เกิดขยะ เลยใช้บรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วสุญญากาศ พอลูกค้ากินหมดแล้วก็ต้องล้างแก้วและฝาส่งคืนเพื่อเปลี่ยนกับแก้วใหม่ที่เราส่งไปให้ตอนเช้าค่ะ ช่วงเปิดร้านแรกๆ จะมีสูตรเดียวสีเดียวค่ะ ตอนนั้นมันเป็นผักผลไม้ สมุนไพรและธัญพืชประมาณ 10 กว่าอย่าง ขายเป็นคอร์ส มี 5 วันกับ 21 วัน พอมีสูตรเดียวลูกค้าเขาก็กินจนเบื่อ เราเลยพัฒนากลายเป็น 5 วัน 5 สี เริ่มมีสูตรแบบกินง่าย กินปานกลาง กินยาก เป็น 3 เลเวล แล้วก็ปัจจุบันยังมีคอมบูชา กิมจิกับกราโนล่าด้วยค่ะ”

 

 

เริ่มดิลิเวอรีด้วยจักรยานเป็นเจ้าแรก

“ตอนแรกเราส่งน้ำปั่นให้ลูกค้าด้วยวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ แต่ว่าราคามันไม่คงที่เลยเปลี่ยนมาเป็นส่งด้วยจักรยาน เพราะเดิมร้านนี้เป็นร้านจักรยานอยู่แล้ว ก็จะมีคนที่มาซ้อมจักรยานเยอะ และจักรยานมันก็เป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ตอนแรกเราตั้งใจจะรับนักปั่นแค่ 3 คน แต่ปรากฏว่ามีคนสมัคร 20 คน ก็เลยต้องรับ 10 คน ปัจจุบันเรามีนักปั่นประมาณ 30 กว่าคน ปั่นส่งทั่วกรุงเทพฯ มีทั้งสุขุมวิท สีลม สาทร รามอินทรา ลาดพร้าว เพชรบุรี พระรามสอง แต่เราจะมีจุดกระจายสินค้าประมาณ 8 ที่ค่ะ”

 

 

จับลูกค้าตรงกลุ่มช่วยเพิ่มยอดขาย

“โปรดักส์ของเรามันเป็นน้ำปั่นที่ไม่ใช่ทุกคนจะกินได้ ฉะนั้นเราต้องหาคนที่เขาหาเราเหมือนกัน เราก็มีวิ่งหาลูกค้าด้วย แค่ไปสะกิดทักทายว่าเธอรู้จักฉันหรือยัง ไปแนะนำตัวว่าเราคือใคร คนเมืองสุขภาพไม่ดีเยอะนะคะ ลูกค้าบางคนดีใจมากที่เจอเรา แบบขอบคุณที่ทำโปรดักส์นี้ ตอนนี้ออเดอร์เราอยู่ที่ 500-600 แก้วต่อวัน รายได้ประมาณเดือนละล้านห้า แต่หักต้นทุนแล้วกำไรมันก็ไม่ได้เยอะหรอกค่ะ มันพออยู่ได้ มีกำไรสะสมนิดหน่อย ตอนแรกคิดจะทำแค่ปีเดียว แต่ก็ติดพันมาเข้าปีที่เก้าแล้ว จุดแข็งคือเราเน้นเรื่องสุขภาพในราคาที่จับต้องได้ สโลแกนของเราคือสุขภาพดีได้ โลกดีด้วย ทำแบบนี้เราโตได้ ยั่งยืนได้ แล้วก็มีเงิน แล้วก็ดูแลโลกได้ด้วยค่ะ”

 

 

แนะ Start up มือใหม่ต้องจริงใจจะอยู่ได้นาน

“ธุรกิจทุกวันนี้ทำง่ายมากเลยเพราะว่ามันมีสื่อให้ประกาศให้รู้จัก สมมุติว่าคุณเป็นช่างแล้วคุณซ่อมดี คุณมีความน่าเชื่อถือ ลูกค้าก็ต้องเลือกคุณ ยิ่งถ้ามีตัวเลือกเยอะๆ เลือกใครล่ะ เขาก็ต้องเลือกจากคนที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะงั้นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจคือความจริงใจ ความน่าเชื่อถือ จังว่าเครดิตเป็นสิ่งที่ทำให้ปลูกปั่นอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ใครที่ไหนจ่ายเงินให้ก่อนแล้วได้ของทีหลังตั้งยี่สิบกว่าวัน เพราะเขาเชื่อเราไงคะ แล้วเขาไม่รู้ด้วยว่าในนั้นมีอะไร กินได้ยังไง แต่เพราะเขาเชื่อเรา คือเรามีความจริงใจค่ะ โปรดักส์ปลูกปั่นจังเทสต์กินเองเป็นปีกว่าจะเริ่มขาย ถ้าลูกค้าไม่พอใจ หรือเราทำอะไรที่เป็นข้อผิดพลาดของเรา รีบเคลมเลย แสดงความจริงใจว่าฉันไม่ได้ต้องการเอาเปรียบเธอ ทำให้ลูกค้ากลายเป็นเพื่อน แล้วเราก็คิดกับลูกค้าว่าเขาเป็นเพื่อนโดยการที่คุณต้องเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนที่น่าเชื่อถือค่ะ”

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก FB: PukPun

 

Writer

Au Thitima

Content Creator ผู้รักในการอ่าน ชอบในการเขียน และคลั่งไคล้สัตว์สี่ขาที่เรียกว่าแมว