ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ท่องคุก : บทวิจารณ์เรื่อง…ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ท่องคุก

ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ท่องคุก

ในโลกแห่งความเป็นจริงเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในวันพรุ่งนี้ชีวิตของเราต้องพบเจอกับเรื่องอะไรบ้าง อาจจะมีเรื่องราวดีๆให้จดจำหรืออาจจะต้องร้องไห้กับเรื่องที่ได้พบเจอ หรือบางทีโชคชะตาอาจจะเล่นตลกให้พบเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน

ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ท่องคุก เป็นผลงานของ ธนัดดา สว่างเดือน นักเขียนหญิงรางวัลชมนาด ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเขียนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตผ่านหนังสือที่มีชื่อว่า ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ข้ามแดน ในหนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด15เรื่องโดยในแต่ละเรื่องจะกล่าวถึงเรือนจำของแต่ละประเทศที่ผู้เขียนได้ลงไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตั้งแต่ก้าวแรกจนก้าวสุดท้าย

สารคดีชีวิตเล่มนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนเรื่องราวความทุกข์ของผู้คนที่ติดอยู่ในเรือนจำเพียงอย่างเดียวแต่ผู้เขียนยังบอกเล่าเรื่องราวความสนุกตื่นเต้นเร้าใจ และเรื่องราวโหดๆอีกมากมายที่ได้พบเจอผ่านเรือนจำทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และบาห์เรน

อักษรแต่ละตัวที่ผู้เขียนถ่ายถอดออกมาอย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาเขียนเคล้าภาษาพูดตามสไตล์ของเธอ ยังช่วยฉายให้เห็นภาพชีวิตของนักโทษหลากหลายคดีที่ต้องผจญอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า ความเหงาไม่เคยหยุดหย่อน (คำนำสำนักพิมพ์ น.6) อย่างที่ได้บอกไว้ในคำนำสำนักพิมพ์ ผู้เขียนได้มีการถ่ายทอดสิ่งที่ได้พบเจออย่างตรงไปตรงมาชี้ให้เห็นถึงความทุกข์และความขมขื่นที่ต้องพบเจอตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป อย่างที่ในเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ว่าแล้วเจ้าหน้าที่ก็สั่งให้ทุกคนถอดเสื้อผ้าออก วันนั้นฉันยังงงๆไม่หาย ก็เลยหันไปดูว่าคนข้างๆ เค้าทำกันยังไงปรากฏว่า เค้าถอดเสื้อชั้นใน และกางเกงในออกจนหมด แล้วก็นุ่งกระโจมอกยืนรอท่าไว้ พอพวกเราพร้อม เจ้าหน้าที่ก็จะเข้ามาตรวจสอบหาสิ่งแปลปลอมอย่างละเอียดทั่วทั้งตัวของพวกเรา กระทั่งให้ขึ้นไปนอนบนขาหยั่ง แล้วล้วงช่องคลอดทุกคนเพื่อดูให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เอาอะไรผิดกฎหมายซุกซ่อนเข้ามาแน่ๆ (บ้านใหญ่ น.49-50) อีกทั้งยังชี้ให้เห็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำทำให้เห็นช่องโหว่ที่พวกนักโทษใช้ลักลอบกระทำความผิด และช่วงเวลาทองของการดูดยาตั้งก็คือช่วงที่ละครหลังข่าวกำลังเล่นอยู่นั่นเอง เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะติด ละครหลังข่าวมาก ช่วงนี้จึงไม่มีใครมาคอยเดินตรวจตราอะไร (ไอ้โก้ น. 86)

มีการเขียนบรรยายถึงสถานที่ในเรือนจำได้อย่างละเอียด ทั่งรูปแบบโครงสร้าง กิจวัตรประจำวัน และจุดเด่นของแต่ละเรือนจำจนข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองได้เดินตามผู้เขียนเข้าไปในที่แห่งนั้นด้วย อย่างฉากหนึ่งที่ผู้เขียนได้เล่าไว้ว่า แล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องไปกินข้าว ซึ่งที่นั่นเค้าจะเรียกกันว่าโรงเลี้ยง พอเข้าไปก็จะมีโต๊ะตั้งเป็นชุดๆต่อๆกันไปเป็นแถวยาวมีอยู่หลายแถว ฉันก็ไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งโต๊ะหนึ่งเราก็จะนั่งกันสิบคน ฝั่งละห้าคน แบบหันหน้าเข้าหากัน ทั้งข้าวและกับข้าวก็จะใส่ถาดหลุม ข้าวมือแรกของฉันวันนั้นในคุกก็คือ ต้มโคล้งปลาแห้ง ที่ไม่มีกลิ่นคาวปลาเลยสักนิดเดียว แต่มีกลิ่นเหม็นเน่าเลยต่างหาก และก็มีหนอนตัวเล็กๆสีขาวลอยฟ่องอยู่ในน้ำแกงเต็มไปหมด ส่วนข้าวก็เป็นข้าวแดงที่มีหนอนปนอยู่ด้วย(บ้านใหญ่ น.55)

ในเนื้อเรื่องบางตอนได้มีการกล่าวถึงเรื่องของศาสนาซึ่งอาจทำให้คนที่เคร่งศาสนา หรือคนที่มีความคิดรุนแรงในเรื่องของศาสนาเกิดความไม่พอใจ อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ว่า ความทุกข์ของคนในคุกมีมากมายหลายแบบ บางคนก็ยอมทิ้งศาสนาที่ เคยปฏิบัติเคารพบูชามาตั้งแต่เกิดหันมายึดถืออึกสิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความทุกข์ที่เป็นอยู่ได้(ไอ้โก้ น.99)

เนื้อหาในบทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นคำหยาบคาย และมีความรุนแรง ทั้งนี้ก็เพื่อคงไว้ซึ่งอรรถรสในการอ่าน อย่างเช่นการสนทนาในบทหนึ่ง ที่พูดว่า ฉันกับเจี๊ยบเลยด่าพวกมันเป็นภาษาไทยกันว่า "พวกมึงนี่สะอาดกันมากเลยนะ" แล้วเจี๊ยบก็ด่าต่อด้วยความแค้นเจ้าหน้าที่พวกนี้ว่า"พวกมึงรู้ไว้เถอะว่า ผัวพวกมึงเคยมานอนกับกูทุกคนเลย" (ตำรวจหรือโจร...ที่บาห์เรน น.200)

อีกหนึ่งความจริงที่ผู้เขียนได้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้รับรู้คือ บางคนเข้าเพราะทำผิดแค่เล็กๆน้อยๆแต่พอเข้ามาอยู่ในคุกแห่งนี้ก็เหมือนกับเค้าได้มาฝึกฝนให้วิชาแกร่งกล้ามากขึ้น เพื่อจะได้ออกไปทำการใหญ่ กว่าเก่า และทักษะก็จะมีมากขึ้น ฉลาดมากขึ้นกับการออกไปทำชั่วอีกครั้ง มันเลยทำให้ฉันไม่แน่ใจว่า คุกแห่งนี้มันเป็นโรงเรียนดัดสันดานหรือโรงเรียนสอนมิจฉาชีพให้เก่งขึ้นกันแน่ (วันแห่งอิสรภาพ น.152) อาจเป็นเพราะสังคมไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ออกมาพิสูจน์ตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะการออกมาทำความดีและแก้ไขปรับปรุงตัวเองมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา เพราะในปัจจุบันตามสื่อต่างๆที่มีข่าวออกมาก็มักจะพบว่าเป็นการกระทำผิดที่เกิดจากการก่อเหตุซ้ำซึ่งตอกย้ำความเป็นจริงที่ผู้เขียนได้บอกเล่าไว้

เพียงคุณเปิดใจที่จะเรียนรู้และรับฟังหนังสือเล่มนี้จะถ่ายทอดความจริงหลายๆอย่างที่ผู้คนภายนอกไม่มีทางได้รับรู้ให้แก่ผู้ที่พร้อมจะรับฟัง อักษรแต่ละตัวที่ผู้เขียนได้บรรจงเขียนลงไปอาจไม่ได้เต็มไปด้วยคำพูดที่สวยหรูเพราะนี่คือเรื่องจริงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างหนัก แต่เธอก็เลือกที่จะสู้และก้าวข้ามผ่านวันคืนที่โหดร้ายเหล่านั้น ทำให้เราได้เห็นว่าในชีวิตของคนแต่คนย่อมพบเจอปัญหาและอุปสรรคที่แตกต่างกันออกไป ในวันนี้คุณอาจคิดว่าสิ่งที่คุณพบเจอและเผชิญอยู่มันหนักอึ้งกินกว่าที่คุณจะรับไหว แต่ถ้าได้อ่านหนังสือเล่นนี้จนจบคุณอาจจะพบว่าปัญหาของคุณอาจจะเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย

ฉันคือเอรี่กับประสบการณ์ท่องคุก เป็นสารคดีชีวิตอีกหนึ่งเล่มที่ควรค่าแก่อ่าน หนังสือเล่มนี้จะพาคุณข้ามกำแพงที่สูงใหญ่เข้าไปทำความรู้จักกับวิถีชีวิตและเรื่องราวของผู้คนภายในเรือนจำ เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบอาจจะทำให้คุณมีสติยั้งคิดกับเรื่องต่างๆมากขึ้น เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งคุณอาจจะได้เข้าไปสัมผัสกับสถานที่แห่งนั้นด้วยตนเองสถานที่ที่ผู้เขียนเรียกว่า “นรกคนเป็น”

 

นิศารัตน์ โสระเนตร์ (วุ้น)

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ