น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีแล้วในเว็บบล็อกยอดฮิตสุดแนวอย่าง Exteen.com สำหรับนักเขียนการ์ตูนลายเส้นกวนๆ นาม ART JEENO
เพราะการ์ตูนของเขาแต่ละเรื่องล้วนขึ้นแท่น Hot Post แทบทั้งสิ้น
ART JEENO หรือ อาร์ต ปิยพัชร์ จีโน หนุ่มเชียงใหม่หน้าละอ่อน ผู้หลงใหลมนต์เสน่ห์ของเส้นสายงานศิลป์มาตั้งแต่เยาว์วัย จนกระทั่งเลือกเส้นทางการศึกษาตามที่ตนชื่นชอบ คือ เขาสอบเข้าเรียนคณะวิจิตรศิลป์ สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่เล็กเขาขีดๆ เขียนๆ เสมอมา สิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุดหนีไม่พ้นวาดการ์ตูน แต่ด้วยเส้นทางสายการ์ตูนดูจะคับแคบเป็นคอขวดไปสักหน่อย เมื่อจำเป็นต้องเลือกเรียน จึงระหกระเหินไปทางสาย Realistic แทน แต่ถึงอย่างไรก็คือศิลปะเหมือนกัน
-1-
ตั้งแต่ช่วงมัธยมปลาย เขาวางมือจากการวาดการ์ตูนไปฝึกฝนวาดงาน Realistic เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาและการ์ตูนค่อยๆ ห่างกันไปทุกที...ทุกที... สี่ปีผ่านไปในรั้วมหาวิทยาลัย และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย ดั่งคู่รักที่แยกทางกันไปด้วยความจำยอม เขาและการ์ตูนกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปและไฉไลกว่าเดิม คือ ฝีมือการวาด สัดส่วนต่างๆ ซึ่งได้รับมาโดยตรงจากงาน Realistic ทำให้การ์ตูนของ ART JEENOสมบูรณ์มากขึ้น
"ผมได้เทคนิค ได้ความเหมือนจริง ได้ฟิกเกอร์ ได้โครงสร้างคน ได้มาเยอะเลย สีที่ใช้ การใช้สีน้ำ พวกนี้จะได้เยอะ" เขาเปิดเผย ยิ่งเขียน ยิ่งสนุก ยิ่งเขียน ยิ่งรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่รัก การ์ตูนที่เขารังสรรค์ขึ้นมามีมากขึ้น แต่ไม่เคยเผยแพร่ไปสู่สายตาคนอื่นเลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ นำผลงานไปเสนอแก่สำนักพิมพ์ หวังว่าจะมีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่มเหมือนกับนักเขียนการ์ตูนรุ่นพี่หลายคน แต่ไม่ว่าจะกี่สำนักพิมพ์ก็โบกมือปฏิเสธเขาทั้งนั้น เขากลับมานั่งพิจารณางานของตัวเอง...ทำไมไม่มีใครรับพิจารณาเลย
การ์ตูนที่เขาเขียนเป็นเรื่องแต่ง คล้ายการ์ตูนทั่วไป ที่ใครๆ ก็ทำกัน ความสุขเริ่มหดหาย กลายสภาพเป็นความเครียด เขาหาทางระบายความเครียดที่คั่งค้างให้หมดสิ้น ด้วยการเขียนการ์ตูนเล่าเรื่องเบาสมอง ที่มาจากประสบการณ์ตรง ไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดซับซ้อนนัก ลงในบล็อก Exteen.com "ช่วงที่เขียนการ์ตูนใหม่ๆ ก็พยายามเสนอสำนักพิมพ์ต่างๆ แล้วไม่ได้ แต่ก็เขียนบล็อกไปด้วย มันเป็นเรื่องของตัวเอง ก็พยายามหาเรื่องที่ไม่ต้องคิดมาก เป็นเรื่องตัวเอง แค่เล่าเรื่อง ไม่ต้องคิด เขียนๆ ไปเลย แป๊บเดียวเสร็จ"
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากการ์ตูนที่วาดๆ ไปเพื่อคลายเครียด เริ่มได้รับความนิยมจากชาวบล็อก ในที่สุดการ์ตูนของเขาก็โด่งดังในสังคมไซเบอร์จนได้ "กระแสตอบรับค่อยๆ มานะครับ ตอนแรกยังไม่มีใครรู้จัก เขียนไปเรื่อยๆ ก็มีคนคอมเมนท์มากขึ้นเรื่อยๆ จนประมาณตอนที่หกตอนที่เจ็ด มันไปโผล่ใน Hot Post โผล่ในหน้าแรก คนก็เลยรู้จักผม หลังจากนั้นก็ติด Hot Post ตลอด"
เมื่อเรื่องส่วนตัวกลายเป็นของดีที่ส่วนรวมชื่นชอบ เขาก็ปล่อยผลงานแบบเดียวกันนี้ลงบล็อกเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเตะตา ณัฐชนน มหาอิทธิดล บรรณาธิการสำนักพิมพ์แซลมอน จึงมอบหมายให้ ทีปกร วุฒิพิทยามงคล เว็บมาสเตอร์แห่ง Exteen.com เทียบเชิญ ART JEENO ให้ลองส่งผลงานมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ ภายใต้แนวคิด 'ย้อนวัย' "พี่แชมป์ เว็บมาสเตอร์ Exteen.com เขาติดต่อมาว่า ชอบการ์ตูนมาก มีบก.คนหนึ่งอยากคุยด้วย ผมก็รอสามเดือน หายไปเลยสามเดือน ผมก็รอ มาหรือเปล่า ผมก็เขียนต่อไปจนเขาติดต่อมาให้เขียนการ์ตูนแก็ก ผมก็เขียน เขาเห็นผมเขียนเป็นเรื่องสั้นได้แล้วก็อยากให้มาทำงาน ก็โทรเรียกผมมากรุงเทพฯ ก็คุยกัน ก็กลับไปปั่นเล่มแรกนี้มา"
-2-
ART JEENO วัยเด็ก คือเด็กเรียบร้อยคนหนึ่ง ชีวิตไม่หวือหวาหรือแปลกแยกจากคนอื่น ดังนั้น เมื่อย้อนวัยกลับไปแล้ว อาจไม่มีสิ่งใดที่น่าเล่าหรือพูดถึง ทว่าในความเรียบง่ายของทุกชีวิตมักจะมีแง่มุมเล็กๆ น้อยๆ ที่บางคนมองข้ามไป แต่เมื่อกลับไปสะกิดจุดเล็กๆ นั้นอีกครั้ง ก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ เพราะทุกชีวิตล้วนมีเรื่องตลกโปกฮา ซึ่งแสนจะใกล้ตัว
"จริงๆ ผมเรียบร้อยนะครับ (หัวเราะ) ผมเพิ่งมาเป็นตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีการรับน้อง เรียนศิลปะมันมีการให้ค้นหาตัวเอง บ้าๆ บอๆ ก็เลยได้มุมมองจากตรงนี้กลับไปเขียนในอดีต เราก็เลยเลือกได้ว่าตรงไหนที่มันตลก แต่ทั่วไปผมไม่ตลกหรอก เฉยๆ ธรรมดา นี่เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่มีอะไรให้จดจำ
ตอนแรกก็พยายามหาอะไรตลกๆ ไว้ก่อน สิ่งที่คิดได้ก็คือเรื่องตัวเองเมื่อก่อนเคยทำอะไรไว้ที่มันตลกๆ อย่างเรื่อง การแก้แค้น (กลับหลังหัน หน้า 68-75) พอดีมดกัดก็เขียนคืนนั้นเลย หลังจากนั้นก็เขียนประมาณนี้ บก.เขามาเห็นก็กลายเป็นคอนเซปต์ 'กลับหลังหัน' ทั้งสองเล่ม ทีแรกไม่ใช่อดีตก็เป็นเรื่องตัวเองเฉยๆ" ปัจจุบัน ART JEENO อยู่ในวัยเบญจเพสแล้ว หากย้อนไปแค่ช่วงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอาจไม่ยากนัก ทว่า เขาต้องย้อนวัยไปถึงตอนประถม มัธยม ซึ่งแน่นอนว่ากาลเวลาย่อมกัดกินความทรงจำบางส่วนไป
"ผมจำได้เฉพาะตอนที่ตลกๆ ตอนแรกจำไม่ได้ จำได้แค่สองเรื่อง มีเรื่องที่อยากเขียนแค่สองเรื่อง คือ เรื่อง เรอ (กลับหลังหัน หน้า 34-47) กับเรื่อง ฉี่ (กลับหลังหัน หน้า 108-121) แต่พอเราจะเขียนเรื่องที่สองก็มีเรื่องใหม่โผล่มาเต็มเลยในระหว่างนั้น คือมันมีการคิดแล้วไงครับ ตอนแรกเราไม่ได้คิดมาก่อน พอคิดว่าจะเขียนอะไรมันก็จะมากัน ทยอยระลึกชาติได้ (หัวเราะ) พอคิดได้ก็จดเก็บไว้ ตอนนี้ก็เยอะมาก"
นอกจากเขาจะทยอยระลึกอดีตได้แล้ว ตัวละครมากมายในเรื่องยังเป็นผู้ช่วยสะกิดต่อมความทรงจำให้ทำงานมากขึ้นด้วย อาทิ ปฏัก (หนึ่งในตัวละครที่มีจริง) "ถ้าตัวละครมีชื่อคือมีจริง อย่างปฏักนี่มีจริง ทีมมีจริง ส่วนเล่มสองจะมีเยอะ บางทีตัวประกอบก็เป็นนักเขียนขายหัวเราะ ขายไอศกรีมบ้าง เช่นพี่เอ๊าะ พี่ดั๊มพ์ อย่างหน้าคำนำมีทุกคนเลยครับ
ส่วนมากที่มาเขียนเพราะยังเจอกันอยู่ อย่างปฏักนี่ผมสนิทมากตอนประถม ช่วงมัธยมก็ไม่ได้เรียนด้วยกัน พอกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย เขาเรียนคณะเดียวกับผม แล้วก็มาเล่าเรื่องให้ผมฟัง ผมก็เลยได้ไอเดียมาเขียน อย่างเรื่อง เรอ เขาเป็นคนเล่า ผมจำไม่ได้แล้วแต่เขาเล่าก็เลยระลึกได้" รับโจทย์ย้อนอดีตเช่นนี้ เขาและพวกพ้องต้องขุดเรื่องเก่าเก็บออกมาปัดฝุ่นใหม่ แม้จะต้องใช้สมองมากเพื่อดึงความทรงจำกลับคืน แต่ART JEENO ก็บอกว่า อดีตมีอะไรน่ากล่าวถึงมากมาย ยิ่งเป็นอดีตของตัวเองยิ่งดี
"ผมว่าอดีตมีอะไรให้เขียนถึงเยอะมาก ผมคิดว่าประสบการณ์ตรงมันดีที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรเข้าใจได้ดีกว่าเรื่องตัวเองแล้ว ตั้งแต่เรียนศิลปะแล้วครับ ผมพยายามทำเรื่องอื่น เรื่องนู้นเรื่องนี้ สุดท้ายก็ทำเรื่องของตัวเอง" หากได้อ่านกลับหลังหันทั้ง สองเล่ม มั่นใจได้ว่านอกจากผู้อ่านทั่วไปจะรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่อง และขำขันไปกับมุกตลกแล้ว ต้องมีผู้อ่านจำนวนมากที่ตบเข่าฉาด พร้อมอุทานว่า "เฮ้ย ! ตรงมาก" เพราะเรื่องราวในวัยเรียนที่ถูกถ่ายทอดมา ล้วนเป็นประสบการณ์ตรงซึ่งใครๆ ก็เคยประสบกับตัวเอง พอถูกสะกิดนิดหน่อยก็จำได้กันหมด
"ผมคิดแค่ให้ตัวเองสนุกไว้ก่อน บางทียังคิดอยู่เลยว่า สิ่งที่ผมเขียนเอาสนุกไว้ก่อน ไม่รู้เลยว่าคนอ่านเขาคิดอย่างไร ไม่ได้สนใจ เอาตัวเองไว้ก่อน แต่บังเอิญมันตรงกับคนอ่าน มันคงเป็นความบังเอิญครับ" ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ วันนี้ กลับหลังหัน และกลับหลังหัน 2 เข้าไปอยู่ในใจนักอ่านการ์ตูนชาวไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากตีค่าความนิยมชมชอบเป็นระดับความสำเร็จ น่าจะสรุปได้ว่า ART JEENO เป็นนักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จแล้ว อย่างน้อยก็ระดับหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธอะไรนอกจากน้อมรับด้วยรอยยิ้ม
"รู้สึกดีมาก มีคนอยากอ่านงานเรา ชอบงานเรามากขนาดนี้"
-3-
ด้วยค่าที่กลับหลังหันเป็น การ์ตูนที่นำความทรงจำมาเป็นวัตถุดิบหลักแล้วบวกมุกตลกเข้าไป ความทรงจำวัยเด็กอาจมีจำกัด เมื่อไม่ใช่เรื่องแต่งอาจมีวันใดก็ได้ที่หมดไป นั่นก็เท่ากับว่า กลับหลังหันอาจถึงกัลปาวสาน "ผมว่าความทรงจำวัยเด็กไม่มีหมด มันเยอะมาก ถึงมันจะหมด แต่ต่อไปก็คิดขึ้นมาได้ใหม่อยู่ดี" ART JEENO ยืนยัน
"กลับหลังหันยัง มีเรื่อยๆ ครับ คิดว่าคงไม่จบ อยู่ที่ว่าอยากเขียนเมื่อไร อย่างตอนนี้ก็พักไปก่อนเพราะรู้สึกว่าเล่มสองนี่จะซ้ำๆ กันแล้ว การเล่าเรื่องจะคล้ายๆ กันแล้ว มันต้องใช้เวลาสร้างแต่ละตอน พอดีเล่มนี้ทำทีเดียวหมดเลย" อย่างบอกไปแล้วว่าเล่มแรกมีเนื้อหาจากบล็อกส่วนหนึ่ง เขาเพียงสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ในส่วนที่เหลือเท่านั้น ทว่าในเล่มสอง อาจคล้ายกับคนทำงานหลายคน (ไม่ทั้งหมด) ที่ลงมือทำงานจริงๆ จังๆ ก็เมื่อไฟลนก้นแล้ว
"เล่มแรกผมมีของในบล็อกตุนอยู่บ้าง แต่เล่มสอง ผมทำทีเดียวสามเดือนคิดพร้อมกันหมดเลย เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องมันจะไม่ค่อยมีความหลากหลาย" ถึงกระนั้นในเล่มสองที่เจ้าตัวบอกว่าทำแบบเร่งรัดก็ยังนำเสนอได้ดี และชวนให้อ่านได้รวดเดียวจบภายในเวลาไม่นาน มิหนำซ้ำยังอิ่มใจเสียด้วย แสดงว่าเขาต้องมีกลวิธีนำเสนอที่ดีพอจะดึงคนอ่านให้จดจ่อกับหน้ากระดาษได้ หากสังเกตดีๆ แล้ว การเล่าเรื่องของเขาทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนได้ดูหนังสั้นๆ หลายๆ เรื่อง แต่มีกรอบใหญ่อยู่หนึ่งกรอบคอยคุมโทนไว้
"ผมพยายามมองเป็นหนัง พยายามดูหนังเยอะๆ แล้วดูว่าการดำเนินเรื่องเป็นอย่างไร มุมมองเป็นอย่างไร การเว้นจังหวะเป็นอย่างไร" เจ้าตัวย้ำ แม้เนื้อเรื่องและลายเส้นกวนๆ ของเขาพาผู้อ่านหวนรำลึกถึงความหลังครั้งเกรียนได้อย่างแนบเนียน ทว่า 'ปัจจุบัน' ก็ยังสำคัญสำหรับเขามาก เขาจะกลับหลังหันไปมองอดีตก็ต่อเมื่อต้องการรับรู้อะไรบางอย่างจากมันเท่านั้น
"ผมว่าอยู่กับปัจจุบันดีกว่านะครับ กลับหลังหันแค่ เหมือนไปรู้สึกดีกับเรื่องเก่าๆ ถึงแม้ตอนนั้นเราจะร้องไห้หรือเจ็บ ตอนนี้เราก็ตลกไปกับมัน เหมือนตอนนั้นดราม่ามาก ตอนนี้ไปดูแล้ว โห เราทำไปได้ไงวะ มันก็รู้สึกดีครับ ผมว่าอยู่กับปัจจุบันดีกว่า แต่สำหรับคนอ่านอาจจะคิดถึงเรื่องของตัวเองเมื่อก่อน ผมเชื่อว่าการได้กลับไปทบทวนเรื่องเก่าๆ จะทำให้ปัจจุบันอารมณ์เปลี่ยนไปนิดหนึ่ง ตอนนี้ผมกับพ่อผมก็อยู่เฉยๆ แต่บังเอิญไปเจอรูป รูปหนึ่งกอดคอกับพ่อ ประมาณ ม.5, ม.6 ซึ่งปัจจุบันผมไม่เคยทำเลย และผมก็จำไม่ได้ว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนด้วย ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ที่ทำให้ปัจจุบันเปลี่ยนไปถ้าเผื่อเราทบทวน หรือตามหาเรื่องเก่า"
ลองย้อนวัยไปดูตัวตนในอดีต เพื่อหาเหตุของผลในวันนี้สักครั้ง ลองสังเกตเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยตกค้างในประสบการณ์มาเป็นความสุขในวันนี้ อดีตอาจไม่เป็นแค่พื้นฐานของปัจจุบัน แต่อาจเปลี่ยนแปลงปัจจุบันให้ดีขึ้นอีกครั้งได้...'กลับหลังหัน' วันละนิดจิตแจ่มใส
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com (http://bit.ly/MrEOec)