ทราบว่าท่านเป็นคนที่สนใจด้านการศึกษาและหนังสือไม่น้อยกว่าด้านกีฬา ดนตรี เศรษฐกิจ ฯลฯ อยากให้เล่าภูมิหลังถึงการรักการอ่านของท่านด้วยครับ
"เมื่อสมัยเป็นเด็กๆ พ่อ และแม่ของผม สอนให้รู้จักประหยัด และไม่สนับสนุนให้ใช้เวลาไปในการเที่ยวเตร่ หรือดูมหรสพประเภทภาพยนตร์ ยกเว้นจะเป็นเรื่องที่ท่านคัดสรรมาแล้วว่าเป็นประโยชน์ เช่นภาพยนตร์ต่างประเทศ เรื่อง The Sound of Music หรือ The Great Waltz ซึ่งผมก็พร้อมที่จะเชื่อฟัง และใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือทั้งที่เป็นนวนิยาย ด้านวิชาการ และสารคดีด้านต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นเรื่องราวต่างๆ รอบโลก ผมอ่านนวนิยายแนวชีวิต ของทมยันตี ของกฤษณา อโศกสิน ฯลฯ หรือนวนิยาย หัสบันเทิง พล นิกร กิมหงวน ของ ป.อินทรปาลิต รวมทั้งอ่านตำราด้านความคิดทางรัฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์มหภาคตั้งแต่ยังอยู่ชั้นมัธยม รวมทั้งชอบอ่านข้อเขียนของคุณพิชัย วาสนาส่ง ในเรื่องราวอันหลากหลาย ซึ่งความชอบในการอ่านของผม ก็ดำเนินควบคู่ไปกับการเล่นกีฬาเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะฟุตบอล กับเทเบิลเทนนิส จะจริงจังมากเป็นพิเศษ ในขณะที่ชอบดนตรีในฐานะผู้ฟัง แต่กว่าจะได้มีโอกาสหัดเล่นดนตรีก็เมื่ออายุมากเกือบ 50 ปี แล้ว ซึ่งก็บอกกับตัวเองว่าน่าจะหัดเล่นดนตรีมาเสียตั้งนานแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เชื่อว่าถ้าได้หัดเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ จะรักการอ่านน้อยลงแต่อย่างใด
สำหรับด้านการอ่านนั้น ผมเป็นเด็กในยุคที่สื่อด้านต่างๆ ยังไม่พัฒนามากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มวิดีทัศน์ จึงทำให้การอ่านหนังสือที่จัดพิมพ์ลงในกระดาษ เป็นโอกาสในการสร้างความบันเทิง ซึ่งทำให้ได้ใช้ความคิดในการสร้างจินตนาการ และเกิดเป็นความบันเทิงให้กับตัวเองได้อย่างวิเศษ ผมพบว่าเรื่องราวและนวนิยายหลายเรื่องที่เมื่อนำมาถูกจัดทำเป็นภาพยนตร์หรือวีดิทัศน์ สนุกน้อยกว่าการอ่าน นอกจากนั้นการอ่านเปิดโอกาสให้ผมซึ่งเป็นผู้อ่านสามารถควบคุมความเร็ว ความช้า และการอ่านซ้ำเพื่อการทำความเข้าใจ หรือการสร้างความละเอียดลึกซึ้งได้ดีได้ดีกว่าการเสพสื่อชนิดอื่นๆ
จึงทำให้ผมเป็นคนชอบอ่านอย่างจริงจัง ผมชอบเก็บสะสมหนังสือ ด้วยหวังว่าจะได้มีโอกาสชวนคนที่รักมาอ่านเรื่องนั้นๆ และหวังว่าจะมีโอกาสได้มาอ่านซ้ำ หรือค้นคว้าทบทวน ท้ำให้ผมมีหนังสือมาก เรียกว่ามีห้องสมุดส่วนตัวขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว"