Tim Ferriss เขาเป็นนักเรียนรู้และนักกิจกรรมตัวยง หลงใหลการเดินทางและฝึกวิชาความรู้ใหม่ ๆ ทำให้เขาเป็นผู้มี Content ในใจมากมาย เขสเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกผ่านงานเขียนหนังสือชื่อ The 4-Hour Work Week ที่ถูกปฏิเสธมากกว่า 26 สำนักพิมพ์ และสำนักพิมพ์ที่ 27 คือ Crown Publishing Group ตัดสินใจรับตีพิมพ์และจำหน่ายออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2007 หลังจากนั้นหนังสือ The 4-Hour Work Week ก็ขายไปมากกว่า 1.3 ล้านเล่ม แปลมากกว่า 35 ภาษา และขึ้นชื่อว่าเป็น New York Times Best Seller หลายปีซ้อนติดต่อกัน
Tim ได้ให้คำจำกัดความของ New Rich ว่า เศรษฐีมิติใหม่นั้น ไม่ใช่แต่เพียงมีเงินอย่างเดียวก็ถือว่ารวย แต่ต้องมีเวลามากพอที่จะพาตัวเองไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ฝันเอาไว้ ในอีกความหมายนึงก็คือ นอกจากจะต้องสร้างธุรกิจที่ทำกำไรให้ได้แล้ว คุณจำเป็นต้องเอาตัวเองออกจากระบบได้ด้วย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ในระหว่างที่ตัวคุณไปพักผ่อน ท่องเที่ยว เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ได้เข้าออฟฟิศเลย คุณก็ต้องมั่นใจว่า ธุรกิจของคุณนั้น ก็ยังคงผลิตเงินให้คุณอย่างสม่ำเสมอ
อะไรที่ส่งอิทธิพลต่อความคิดของเขา ลองไปเปิดหนังสือเล่มโปรดที่เขาแนะนำ ถ้าลองอ่านตามอาจทำให้มุมมอง ความคิดของคุณเปลี่ยนไป
Vagabonding (An Uncommon Guide to the Art of Long-Term World Travel) เขียนโดย Rolf Potts
หนังสือที่ให้แนวทางเกี่ยวกับการออกเดินทางไปพบกับโลกกว้าง ซึ่งให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆตั้งแต่การเตรียมตัวเพื่อออกเดินทาง (เรื่องค่าใช้จ่าย ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน การจัดของ) สิ่งที่เราควรจะทำเวลาออกท่องเที่ยว (การดูแลตัวเอง การปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นและเพื่อนนักเดินทาง)
Leaving Microsoft to Change the World (An Entrepreneur’s Odyssey to Educate the World’s Childen)" เขียนโดย John Wood
แปลเป็นไทยในชื่อ ลาไมโครซอฟต์มาช่วยโลก บอกเล่าเรื่องราวการเดินตามความฝันของ จอห์น วู้ด ที่พยายามจะช่วยเหลือเด็ก ๆ ในประเทศโลกที่สามให้รับการศึกษา น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า จอห์น วู้ด จะทำอย่างไรให้ความฝันครั้งนี้เป็นจริง ท้ายที่สุดเขาจะหาหนังสือได้สักกี่เล่ม จะช่วยเหลือได้สักกี่ประเทศ จะมีใครบ้างหรือเปล่าที่มีอุดมการณ์เช่นเดียวกับเขา และแน่นอนจะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นาๆ ไปได้อย่างไร มาอ่านเรื่องราวที่ชวนติดตาม ชวนให้ลุ้นตลอดเวลาว่าเขาจะทำเป้าหมายสำเร็จหรือไม่ ด้วยวิธีการการเขียนและการนำเสนอที่อ่านง่าย นอกจากผู้อ่านจะเพลิดเพลินไปกับการเดินทางครั้งนี้แล้ว คุณยังจะได้รับข้อคิดดีๆ มากมายที่ จอห์น วู้ด นำเสนอผ่านหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าเป็นการให้ การเสียสละ ความหวัง กำลังใจ มิตรภาพ แรงบันดาลใจ
The 22 Immutable Laws of Marketing (Violate Them at Your Own Risk!) เขียนโดย Al Ries and Jack Trout
แปลเป็นไทยในชื่อ 22 กฎเหล็กที่นักการตลาดปฏิเสธไม่ได้ หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนคัมภีร์การสร้างและเปลี่ยนแปลงการรับรู้ (Perception) ของผู้บริโภค และการวางตำแหน่งสินค้า (Positioning) จุดเด่นอยู่ที่อ่านง่ายไม่เหมือนอ่านตำรา แต่เป็นเขียนคล้ายกับคู่มือไอเดียการตลาดเล่มเล็กๆ ที่คั้นเอาแต่หัวกะทิมาใส่ตลอดเล่ม มีตัวอย่างของความสำเร็จของบริษัทต่างๆ ที่ใช้กฎ 22 ข้อให้เป็นความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน
Delivering Happiness: A Path to Profits, Passion, and Purpose เขียนโดย Tony Hsieh
วิธีคิดและแนวทางการทำธุรกิจแบบแหวกแนว ของซีอีโอบริษัทขายรองเท้าที่โด่งดังที่สุดของอเมริกา ที่ใช้สร้างธุรกิจจากศูนย์สู่หมื่นล้านในเวลาไม่ถึง 10 ปี
หนังสือเล่มนี้จะเล่าเรื่องราว ตลอดจนบทเรียนชีวิตและธุรกิจของ โทนี เช ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่การทำธุรกิจเพาะไส้เดือนขายในวัยประถมไปจนถึงการล้มลุกคลุกคลานหลายต่อหลายครั้งที่ Zappos และวิธีที่เขาพลิกฟื้นกิจการจนขึ้นมาผงาดอย่างเช่นปัจจุบัน
บทเรียนเหล่านั้นทำให้เขาค้นพบว่า กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนธุรกิจได้ดีที่สุดคือการปลูกฝัง ความสุขลงในทุกอณูขององค์กร ซึ่งขัดแย้งกับความเชื่อของบริษัทจำนวนมากที่มองว่าความสุขเป็นความสิ้นเปลืองและไร้ประสิทธิภาพ แต่โทนี เช กลับมองว่าปลายทางของความสุขไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นผลกำไรของธุรกิจต่างหาก และผลประกอบการอันน่าทึ่งของ Zappos ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคิดถูก
ทันทีที่อ่านจบ คุณเองก็สามารถนำหลักคิดและวิธีการของเขาไปใช้ สร้างความสุข และ ทำกำไรให้กับธุรกิจและชีวิตของคุณเช่นกัน
Motherless Brooklyn เขียนโดย Jonathan Lethem
เป็นเรื่องราวของนักสืบคนหนึ่งที่เป็นโรคทูเร็ตต์ ที่ต้องมาทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมลึกลับที่มีเหยื่อเป็นผู้ให้คำปรึกษาของเขาเอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในทศวรรษที่ 50 ของนิวยอร์ค อาการทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome) เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีอาการอย่างกล้ามเนื้อกระตุกซ้ำ ๆ กะพริบตาและทำเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัวหรือไม่สามารถควบคุมได้ ส่งเสียงจากในลำคอหรือโพล่งคำหยาบออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
Surely You’re Joking, Mr. Feynman! (Adventures of a Curious Character) เขียนโดย Richard P. Feynman
อัตชีวประวัติของนักฟิสิกส์อัจฉริยะรางวัลโนเบลและบิดาแห่งนาโนเทคโนโลยี
"ริชาร์ด ฟายน์แมน" นักฟิสิกส์อารมณ์ดี สนใจทั้งโลกดนตรีและโลกศิลปะ เขาชื่นชอบในการคิดแก้ปัญหาจากจินตนาการสู่ความเป็นไปได้ ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยโครงการแมนฮัตตันและนักฟิสิกส์รางวัลโนเบล เขายังเป็นผู้ริเริ่มการศึกษาอนุภาคฯพื้นฐานโครงการนาโนเทคโนโลยี และได้รับสมญาว่าเป็นบิดาแห่งนาโนฯ
ในหนังสืออัตชีวประวัติที่น่าสนใจเล่มนี้ นอกจากจะได้เห็นความอัจฉริยะของฟายน์แมนแล้วยังจะประทับใจและอึ้งกับความคิดที่ว่า "ประสบการณ์และการเรียนรู้สำคัญกว่าการท่องจำในหน้ากระดาษ"