ถือเป็นนักอ่านหนังสือตัวยงคนหนึ่งทีเดียวสำหรับสาวหมวยหน้าใส ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล เธอเล่าว่าจุดเริ่มต้นการอ่านหนังสือของเธอมาจากสมัยเด็กๆ ที่ตัวเองมักจะชอบอ่านหนังสือพิมพ์ตามคนในครอบครัว เลยกลายเป็นซึมซับนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่ตอนนั้น ทุกวันนี้เห็นหนังสือน่าอ่านที่ไหนเป็นต้องซื้อเก็บไว้จนมีหนังสือสะสมเกินหลักร้อยเล่มไปแล้ว เป็นบุ๊คส์เลิฟเวอร์ขนาดนี้ทีมงานคุยนอกรอบเลยต้องขอนัดแนะสาวฝนมาสนทนาประสาคนรักหนังสือกันสักหน่อย เพราะทราบมาว่านอกจากเธอจะหลงใหลเรื่องราวที่ได้อ่านในหนังสือแต่ละเล่มแล้ว เธอยังเคยหลงรักบรรยากาศที่ตัวละครหลักในหนังสือเล่มหนึ่งบรรยายไว้จนถึงขั้นซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปตามรอยสถานที่นั้นถึงต่างประเทศมาแล้วด้วย
จำหนังสือเล่มแรกที่อ่านได้ไหม
“ถ้าแบบเด็กๆ เลยที่เพิ่งเริ่มอ่านหนังสือก็จะเป็นพวกหนังสือการ์ตูน แต่ถ้าได้อ่านหนังสือที่รู้สึกว่านี่คือการอ่านฝนคิดว่าฝนอ่านหนังสือพิมพ์เยอะสุด คือที่บ้านเป็นบ้านคนจีนค่ะ ในหมู่บ้านเดียวกันอยู่กันหลายหลัง แล้วทุกเย็นจะต้องไปบ้านอาม่า ซึ่งที่บ้านเนี่ยจะรับหนังสือพิมพ์สองหัว แล้วญาติๆ ทุกคนจะต้องอ่านหนังสือพิมพ์ คือทุกคนจะเวียนกันอ่านก่อนกินข้าวเย็น เราเห็นเราก็ทำบ้าง จำได้ว่าฝนอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันตั้งแต่ประถม เราชอบอ่าน รู้สึกว่าหนังสือเหมือนเป็นเพื่อน เพราะฝนเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆ สิ่งที่ชอบไม่ใช่การซื้อของเล่น แต่คือซื้อหนังสือมาอ่าน เรารู้สึกมีหนังสือเป็นเพื่อน มีหนังสือเป็นของเล่น เราชอบอ่านหนังสือ แล้วเราก็ไม่เคยเหงาเลยเพราะเรามีหนังสือ ฝนมีหนังสือทุกประเภทเพราะว่าอ่านหนังสือหลากหลายมากค่ะ”
หนังสือแนวไหนที่ชอบอ่านเป็นพิเศษ
“ฝนรู้สึกว่าฝนชอบอ่านหนังสือที่ผู้ใหญ่มากๆ เขียน แบบนักเขียนรุ่นเก่าๆ หน่อย อย่างตอนที่เริ่มอ่านหนังสือหลากหลายมากขึ้นก็จะมีอ่านของคุณวินทร์ เลียววาริณ เรื่องประชาธิปไตยบนเส้นขนาน แล้วก็พามาถึงเล่มอื่นๆ ของเขาอย่างสมุดปกดำกับใบไม้สีแดง เรื่องสั้นหักมุมอะไรอย่างนี้ค่ะ ฝนชอบคำศัพท์ที่เขาใช้ ชอบประสบการณ์ที่เขาเขียนลงในหนังสือ เพราะหลายๆ เรื่องเราไม่เคยได้เจอกับตัวเอง หนังสือก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้ซึมซับ ได้รู้ หรือว่าได้เห็นอีกมุมหนึ่ง ฝนรู้สึกว่าเวลาอ่านหนังสือมันเหมือนได้คุยกับเจ้าของหนังสือ เพราะเขาจะแชร์มุมมองหรือเรื่องเล่าในสไตล์ของเขา ทำให้เห็นความแตกต่างของความเป็นมนุษย์มากขึ้นค่ะ”
เห็นว่าเคยอ่านหนังสือแล้วอินมากถึงขั้นไปเที่ยวตามรอยสถานที่ในหนังสือด้วย
“ฝนอ่านเรื่อง The Museum of Innocence ค่ะ ซึ่งเซ็ตติ้งทั้งหมดอยู่ในตุรกี ฝนก็เลยไปเที่ยวตุรกีเพื่อไปตามรอย (หัวเราะ) ตัวละครหลักในเรื่องเขาเล่าถึงช่องแคบบอสฟอรัส มันคือช่องแคบที่ฝั่งขวาเป็นเอเชีย ฝั่งซ้ายเป็นยุโรป เราก็เลยซื้อทัวร์ไปตุรกี แล้วก็ไปเที่ยวช่องแคบบอสฟอรัส คือเราได้อ่านคำบรรยายแล้วทำให้เราอยากเห็นของจริง อยากไปดูบรรยากาศที่ตัวละครเขาบรรยายความรู้สึกเอาไว้ค่ะ แล้วเล่มนี้เขาพูดถึงเรื่องชนชั้นด้วย คือเขารักคนคนหนึ่งแต่ว่าแต่งงานกับคนนี้ไม่ได้ ต้องไปแต่งกับอีกคนหนึ่ง แต่ก็ยังโหยหาพูดถึงความผูกพัน ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเราค่อนข้างเห็นภาพ และก็เห็นอินเนอร์ตัวละครที่มันค่อนข้างมีความขัดแย้งในตัวเอง เรารู้สึกว่ามันเล่าดีปและมันก็ดีเทลมากๆ อย่างที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเล่า ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงเราก็อินกับมัน”
ประโยคในหนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วประทับใจมากๆ บ้าง
“ถ้าเป็นเรื่องความรักเลยฝนจะชอบเรื่องนกก้อนหินของคุณบินหลา เป็นวลีเด็ดที่เขาเขียนไว้ที่ปกหลังเลยค่ะ เขาเขียนว่า ‘คนดีของฉัน คำสัญญาไม่ใช่พันธนาการ เธอต้องเชื่อว่าตัวเธอเป็นอิสระ ปลดปล่อยตัวเองจากคำสัญญาที่เคยให้แก่กัน ในวันหน้าถ้าเธอจะกลับมาหาฉันก็เพราะอยากจะกลับมา ไม่ใช่เพราะคำสัญญา’ ฝนชอบสำนวนภาษาค่ะ และก็คิดว่ามันอาจจะตรงกับความรู้สึกเราด้วย ฝนรู้สึกว่าคำสัญญามันไม่ควรเป็นข้อผูกมัด คือแค่อยากจะรักษาสัญญามันไม่ได้มีความหมายอะไร มันควรเป็นความรู้สึกและความต้องการมากกว่าแค่ไม่อยากผิดคำพูดค่ะ”
หนังสือเล่มล่าสุดที่อ่านคือเล่มไหน พอจะรีวิวให้เราฟังได้ไหม
“ถ้าที่อ่านจบเลยก็จะมีเรื่องวิชาใจเบา เป็นหนังสือแปล เขาจะพูดประมาณว่า เวลาเราใช้ชีวิต เราแบกปัญหาความทุกข์ทุกอย่างเดินทางมากับเราตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้ก็จะบอกแนวคิดประมาณว่าเราต้องรู้จักปล่อยวางนะ พูดง่ายๆ คือวางสิ่งที่มันผ่านมาเพื่อเดินไปข้างหน้าให้มันเบาขึ้น ตามชื่อหนังสือวิชาใจเบาเลยค่ะ ซึ่งอ่านแล้วก็รู้สึกว่าเราในช่วงวัยนี้ก็ผ่านเรื่องสุข เรื่องทุกข์หรือภาระต่างๆ มา บางทีเราก็เผลอแบกมันไว้กับตัวตลอดเวลาเหมือนกัน อ่านเล่มนี้มันก็เหมือนสอนให้คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสเรื่องนั้น คือเรื่องนั้นมันก็ยังอยู่กับเราแหละ แต่แค่เราไม่เอาใจไปวางไว้ตรงนั้น ให้ไปโฟกัสไปทำอย่างอื่น เราก็จะมีความสุขในช่วงเวลานั้นได้ ไม่ต้องแบกโลกไว้ตลอดเวลาอะไรอย่างนี้ค่ะ”
หนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันส่งผลกับการใช้ชีวิตหรือเปลี่ยนความคิดเราไปเลยบ้าง
“เรื่อง Tuesdays with Morrie ของ Mitch Albom ค่ะ ในเล่มเล่าถึงลูกศิษย์กับอาจารย์ที่มาคุยกัน แล้วอาจารย์เขาอยู่ในช่วงไม่สบาย เหมือนอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้วอย่างนี้ค่ะ ซึ่งเขาก็จะบรรยายว่าอาจารย์คนนี้เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยังร่าเริงสดใส ยังใช้ชีวิตแบบมีสีสันอยู่ ซึ่งตอนที่อ่านฝนเรียนอยู่ประมาณปีหนึ่ง แล้วเรารู้สึกว่าในช่วงวัยเท่านี้เราต้องทำสิ่งนี้ หรืออายุเท่านี้เราไม่ควรทำตัวแบบนี้แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้มันทำให้เห็นว่ามันก็มีคนที่เขาแค่จะใช้ชีวิตในรูปแบบของเขา มันไม่ต้องเหมือนใคร มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของสังคมที่บอกว่าต้องทำสิ่งนี้ในเวลาเท่านี้ของชีวิตค่ะ
อย่างตอนนี้ฝนสามสิบแล้ว เพื่อนๆ แต่งงานมีลูกไปหมดแล้ว แต่ฝนยังใช้ชีวิตอิสระ มีความฝันอยากเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก อยากอ่านหนังสือ อยากไปนั่งดูวิววาดรูป คือความฝันเราไม่เหมือนคนอื่น แล้วบางทีมันก็ทำให้เราไม่มั่นใจ แต่พอหลายๆ ครั้งได้อ่านหนังสือเล่มนี้มันเหมือนได้เตือนตัวเองว่า ไม่เป็นไร นี่คือทางที่ฉันเลือก นี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ แล้วมันก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ทำ มันมีคนอีกมากมายที่เป็นเหมือนเราเหมือนกัน ฝนรู้สึกว่าอ่านหนังสือแล้วได้เห็นความคิดที่มันหลากหลายขึ้น แม้เขาจะเป็นแค่ตัวละคร แต่มันก็ช่วยทำให้เราได้เห็นตัวเองในมุมที่เราไม่คิดว่าจะได้เห็นค่ะ”
นอกจากหนังสือทั้งหมดที่พูดมา ทราบมาว่าช่วงนี้ฝนอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายด้วย
“ฝนกำลังเรียนปริญญาตรีใบที่สองค่ะ เรียนกฎหมาย ช่วงนี้ก็หัวแตกเพราะว่าอ่านหนังสือ (หัวเราะ) คือก่อนหน้านี้ฝนมีคดีความต้องฟ้องร้องค่ะ แล้วเราต้องคุยกับทนาย เรารู้สึกว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้เราไม่เข้าใจเลย เราไม่มีความรู้ตรงนั้น พอเราลองอ่านข้อกฎหมายก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องของเราแท้ๆ กฎหมายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะรู้ แต่เรากลับไม่รู้เลย แล้วเราจะดูแลตัวเองได้เหรอ ซึ่งเราคิดว่าถ้ามาเปิดอ่านเองมันก็ได้รู้แค่ที่เราอ่าน ก็เลยตัดสินใจมาเรียนเลย คือฝนรู้สึกว่าพอเรามีปัญหา ขนาดเรามีทุนทรัพย์ มีความพร้อม มีคนช่วย เรายังรู้สึกว่าเราปกป้องตัวเองไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เรามีอาวุธในมือมากกว่าคนอื่น ก็เลยคิดว่าถ้าเราเรียนจบมีความรู้ อย่างน้อยที่สุดก็ได้เอาความรู้พื้นฐานตรงนี้ไปบอกต่อคนอื่น เขาจะได้เก็บอาวุธไว้ดูแลตัวเอง ไม่เสียรู้คนอื่นก็ยังดี”
ฝากทิ้งท้ายถึงคนที่ติตตามผลงานฝนหน่อย
“ตอนนี้ฝนมาทางโซเชียลมีเดียค่อนข้างเยอะค่ะ มีช่อง Youtube Tiktok Instagram Facebook จะมาทำคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น ส่วนละครเนี่ยกำลังจะเปิดกล้องแต่ว่ายังไม่ได้แถลงข่าว กลางๆ ปีจะเริ่มเปิดกล้อง ซึ่งผลงานที่เห็นตอนนี้ก็คือมาเริ่มทำคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น เป็นไลฟ์สไตล์ อย่างหลังๆ ฝนตีกอล์ฟเยอะ แล้วฝนก็เรียนกฎหมายด้วย ก็อาจจะมาแชร์คอนเทนต์ว่าเทคนิคการเรียนทำยังไงบ้างค่ะ”