กร ศิริวัฒโณ นักเขียนหนุ่มกลุ่มนาคร ที่มีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง เจน สงสมพันธุ์, กนกพงศ์ สงสมพันธุ์, ไพฑูรย์ ธัญญา, วินัย สุกใส และประมวล มณีโรจน์ ฯลฯ เขาเพิ่งมีหนังสือรวมเรื่องสั้น แม่น้ำสองสี ออกมาได้ไม่นาน และกำลังจะมีเล่มต่อไปตามออกมาติด ๆ ชื่อ วันหนึ่งในฤดูฝน ในความรับรู้ของผู้อ่าน เขาคือนักเขียนเรื่องสั้นฝีมือดี แต่ที่โรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ของไทย เขาคือครูที่มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ นับร้อยชีวิต กร ศิริวัฒโณ กล่าวถึงสองบทบาทในชีวิตไว้อย่างน่าฟังว่า "ข้าพเจ้าภูมิใจในความเป็นครู และมีความสุขใจยิ่งเมื่อได้นั่งลงเขียนหนังสือ" การคุยแบบนอกรอบกับครูและนักเขียนหนุ่มผู้นี้จะน่าฟังขนาดไหน ไปติดตามกันเลย
อาชีพหลักคือครู แล้วใช้เวลาช่วงไหนสร้างสรรค์งานเขียนคะ
ส่วนใหญ่ผมจะทำงานวรรณกรรมในช่วงกลางคืนและในวันหยุด ผมจะไม่ใช้เวลาราชการทำงานเขียนครับ ว่าไปแล้วขณะนี้อาชีพหลักของผมคือครู ฉะนั้นผมจะทุ่มเทเวลาให้กับเด็กอย่างเต็มที่ เพราะเด็กคือชีวิตของผมและอนาคตของประเทศชาติ ส่วนงานวรรณกรรมคือความรักและความสุข มันเป็นจิตวิญญาณอีกด้านหนึ่งของผม ถ้าจะถามว่าอย่างไหนมาก่อน ผมตอบได้เลยว่างานในหน้าที่ครูมาก่อน ตราบใดที่ผมยังเป็นครูเด็กย่อมเป็นบุคคลสำคัญของผมเสมอ หากเมื่อใดผมอ่อนล้าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามผมจะลาออกทันที ไม่อยากเบียดเบียนประเทศชาติหรอก ไม่อยากได้ยินลูกศิษย์ลูกหาหรือชาวบ้านว่าผมเป็นครูไม่ได้เรื่อง !
ข้อมูลที่นำมาเขียนได้มาจากโรงเรียนหรือเด็กนักเรียนบ้างไหมคะ
อันนี้นักเรียนก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ผมนำมาเขียน ถ้าใครติดตามอ่านงานของผมมาตลอดจะเห็นว่าผมให้ความสำคัญกับบทบาทของเด็ก ๆ ค่อนข้างมาก ผมคิดว่าโดยบทบาทของตัวละครแล้วไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ย่อมมีความสำคัญพอกัน เพราะต่างก็ผูกโยงกับพวงปัญหาด้วยกัน ถ้ามองกันลึก ๆ บทบาทของเด็ก ๆ ล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้น เพียงแต่คุณจะมองเห็นหรือเปล่าเท่านั้น มีนักเขียนหลายท่านที่เป็นครู หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีครูหลายท่านที่เขียนหนังสือ อาทิ คุณไพบูลย์ พันธุ์เมือง คุณเทศ จินนะ รวมทั้งคุณกรเองด้วย คิดว่าเพราะอะไรคะ
การที่ครูมาเป็นนักเขียนผมว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะนักเขียนมาจากหลายอาชีพอยู่แล้ว เพียงแต่ในประเทศนี้มีคนที่เป็นนักเขียนอาชีพมีน้อยเท่านั้น จริง ๆ แล้วความเป็นนักเขียนน่าจะมาจากความอยากที่จะเขียนมากกว่า เป็นอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงให้มีต่อมจินตนาการอันชุ่มฉ่ำอยู่เสมอใครก็ย่อมเป็นนักเขียนได้ทั้งนั้นถ้ารักที่จะอ่านและเขียน
นักเรียนในชั้นเคยอ่านงานเขียนของครูเขาบ้างไหม แล้วพวกเขามีความเห็นอย่างไรบ้างคะ
เวลาหนังสือผมออกมาผมจะนำไปบริจาคให้ห้องสมุดโรงเรียนทุกครั้ง แน่นอนว่าเด็ก ๆ เขาจะสนใจยืมผลงานของคุณครูไปอ่านกัน แล้วก็ชื่นชมว่าครูเขียนหนังสือเก่งเขียนหนังสือดีตามประสาคนรักกัน ส่วนจะเก่งจริงหรือเปล่านั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากเด็ก ๆ มากคือผมได้รับความรักความศรัทธาจากเด็ก ๆ เขาจะเชื่อฟังครูและยินดีปฏิบัติตามคำสอนของครูโดยไม่อึดอัด ทำให้ผมสอนง่ายขึ้น และค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่ามีเด็กบางคนอยากเป็นนักเขียนเหมือนครูของเขา อันนี้น่ากลัว กลัวว่าเขาจะไส้แห้งเหมือนครูไง !
มองแวดวงวรรณกรรมบ้านเราอย่างไรบ้างคะ
จริง ๆ แล้วผมไม่ได้คลุกคลีกับวงวรรณกรรมบ้านเรามากนัก เพียงแต่มองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ผมชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ถ้าจะให้แสดงความคิดเห็นผมว่าถ้าจะนับเอาข้อเขียนทุกอย่างที่ใครก็ตามเขียนขึ้นเป็นวรรณกรรม ก็นับว่าวงวรรณกรรมบ้านเราก็คึกคักและได้รับความสนใจจากคนอ่านมากพอสมควร แต่ถ้าจะมองกันในแง่ของการประเมินค่ารวมอยู่ด้วย ผมเห็นว่าวงวรรณกรรมบ้านเรากำลังมีปัญหาที่ยากจะเข้าใจและแก้ไขได้โดยง่าย เพราะเดี๋ยวนี้การตลาดเข้ามากำหนดอนาคตของวรรณกรรมมากเกินไป บีบบังคับให้คนอ่านมีทางเลือกน้อยลงโดยใช้สื่อนำให้คนเลือกอ่านไปตามกระแส กรณีแบบนี้ถ้ามองในแง่การตลาดมันไม่ได้ผิดตรงไหนหรอก แต่ผมคิดว่ามันน่าจะมีทางเลือกได้มากกว่านี้ ส่วนจะทำอย่างไรนั้นผมโง่เต็มทีครับ
มีนักเขียนท่านใดหรือหนังสือเล่มไหนที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบ้างไหมคะ
ถ้าจะถามว่ามีนักเขียนคนใดบ้างที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้สามารถตอบได้ดังนี้ครับ นักเขียนที่เบิกทางวรรณกรรมให้ผมเป็นคนแรกคือ คุณรูญ ระโนด ครับ เขาเป็นกัลยาณมิตรทางวรรณกรรมของผมมาแต่ต้น ทำให้ผมได้รู้ว่าจะส่งเรื่องที่เขียนขึ้นไปที่ใคร เขาทำให้ผมรู้จักบทบาทของบรรณาธิการเป็นครั้งแรก และที่ลืมพูดถึงไม่ได้คือเพื่อนวรรณกรรมกลุ่มนาครทุกคนที่ช่วยเพาะบ่มให้ผมได้เติบโตขึ้นตามวิถีที่เป็นอยู่
ส่วนนักเขียนที่ผมประทับใจนั้นมีหลายคน เช่น ลาว คำหอม สุชาติ สวัสดิ์ศรี อังคาร กัลยาณพงศ์ เสนีย์ เสาวพงศ์ ชาติ กอบจิตติ อาจินต์ ปัญจพรรค์ มนัส จรรยงค์ อุชเชนี คาลิล ยิบราน ดอสโตเยฟสกี้ เป็นต้น นักเขียนเหล่านี้ผมชื่นชอบผลงานของเขาทั้งนั้น พวกเขาทำให้ผมตกทะเลน้ำหมึกอย่างเต็มใจ คุณกรจะมีผลงานเล่มใหม่ออกมาในเร็ว ๆ นี้ ชื่อ "วันหนึ่งในฤดูฝน" พูดถึงหนังสือเล่มนี้หน่อยค่ะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แล้วได้แรงบันดาลใจมาจากไหนคะ
สำหรับวันหนึ่งในฤดูฝน เป็นรวมเรื่องสั้นเกี่ยวกับเด็ก ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกับสังคมและชีวิตพื้นฐานในแง่มุมต่าง ๆ เศร้าบ้าง ซึ้งบ้าง ทุกข์บ้าง สุขบ้าง อ้างว้างบ้าง แล้วแต่มุมมองของช่วงเวลา เป็นเรื่องที่ผมถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน อ่านง่าย และเชื่อว่าไม่ว่างเปล่า เป็นงานที่ผมชอบและอยากมีมานานแล้ว ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นมากที่ให้โอกาสกับตัวละครเด็ก ๆ ของผมอย่างอบอุ่น ผมเชื่อว่าด้วยความซื่อใสจะทำให้ผู้อ่านเอ็นดูพวกเขาทุกคน สำหรับแรงบันดาลใจนั้นก็มาจากความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ คือรัก โลภ โกรธ หลง อันเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งมวลของมนุษยชาตินั่นแหละครับ รู้สึกอย่างไรกับการเป็นนักเขียนคะ รู้สึกเท่นิดหน่อย ครับ