เหมืองชีวิต : การอดทนและต่อสู้เพื่อจุดหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต
การขุดเหมืองเพื่อหาแร่เป็นอาชีพหนึ่งที่เมื่อนึกแล้วเรารู้สึกว่าไกลตัวและไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวัน เราคงมีความรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้ว่า ก็เป็นอาชีพหาเพชรหาพลอยเพื่อนำไปขาย ซึ่งเพชรพลอยเป็นของมีค่าสูง ยากเกินที่จะเอื้อมและได้มาครอบครอง ในบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าของเหล่านี้ห่างไกลจากตัวเรา แล้วคนที่ขุดแร่ได้คือใคร เขาร่ำรวยสุขสบายหรือไม่ มีใครตายจากการขุดเหมืองที่ใหญ่และลึกขนาดนั้นไหม และหากการขุดเหมืองเสี่ยงต่อการพลาดและเสียชีวิตเขาจะทำไปเพื่ออะไร แต่หากได้อ่าน "เหมืองชีวิต" ของ จินตนา ปิ่นเฉลี่ยว คงจะทำให้เรามองเห็นภาพการทำเหมืองที่ที่รู้สึกว่าอยู่ไกลตัวไปพร้อม ๆ กับภาพความจริงในชีวิตมนุษย์ที่อยู่ใกล้ตัว
• การพยายามจนสุดกำลังเป็นเครื่องหมายของคนมีฝัน
ในเหมืองชีวิต เราเห็นภาพความอดทน ความสู้ชีวิต และการยอมเสียงกับอุปสรรค อันตรายต่าง ๆระหว่างทาง เพื่อให้เราได้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตัวเราวาดไว้ ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับการขุดเหมืองแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะขุดเหมืองแล้วได้แร่ เพชร พลอย ตามที่เราหวังไว้ เพราะต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ และความผิดหวัง ถ้าหากในวันนั้นการขุดเหมืองของเราไม่ได้อะไรเลย แต่คงไม่มีอะไรจะน่า "เวทนา" ไปกว่า การที่นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วมิหนำซ้ำต้องระวังชีวิตว่าจะอยู่ต่อไปเพื่อกลับมาขุดเหมืองได้อีกหรือไม่
"กว่าจะกรองแร่ได้ดังใจจินต์
อันตรายหลายอย่างล้วนขวางกั้น
ความกดดัน, อุโมงค์ล่ม, จมใต้หิน,
ไม่มีอากาศผ่านผลาญชีวิน
บางคนสิ้นชีวิตเพราะพลั้งไป"
ตรงนี้เน้นย้ำว่า คนเราบางคนต้องผ่านการพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้ในสิ่งที่ฝันมา แร่คือเป้าหมายในชีวิตเปรียบได้กับ ความสุข ความหวัง และความรัก ดังนั้นกว่าเราจะมีความสุข ความสมหวัง และความรัก เราล้วนต่างต้องผ่านอุปสรรคที่ไม่อาจหลีกหนีได้ และคนที่พยายามอดทน ดิ้นรน ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาคือคนที่จะประสบความสำเร็จ ไม่มีเครื่องยืนยันใด ๆ ว่า สิ่งที่เราทำไปจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและแน่นอน แต่เป็นเครื่องแสดงถึงคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชีวิต และการลงมือทำ ยอมเสี่ยง เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ตัวเรารู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่นิ่งเราไม่ได้รออย่างเปล่าประโยชน์ และการลงมือทำนั้นมีค่าทางความรู้สึกมากกว่า เพราะอย่างน้อยการพยายามมันทำให้คนเรามีความหวังในสิ่งที่ได้ทำลงไป แม้ไม่อาจทราบได้ว่าจะสมหวังดังใจหมายหรือไม่
• ความหวังเป็นดวงไฟในความมืด
ในการดำเนินชีวิตคนเรามีความหวังเป็นแสงนำทาง โดยเฉพาะชีวิตที่รอวันได้ไปยืนอยู่ตรงจุดที่ตัวเองวาดฝันไว้ ชีวิตที่รอวันสมบูรณ์แบบ ชีวิตที่รอวันได้ออกจากความชมชื่น ชีวิตที่รอวันได้สมหวังในเรื่องต่าง ๆ ถ้าหากไม่มีหวังแล้วคงไม่มีชีวิต แต่หากมีชีวิตคงว่างเปล่าและไร้แสงนำทาง
"บางคนสิ้นชีวังเพราะพลั้งไป
นี่คือภัยจากเหมืองมีเรื่องบ่อย
คนยังคอยขุดแร่แน่ไฉน
วางความหวังว่าจะชนะภัย
เพื่อจะได้แร่บ้างเป็นรางวัล "
คนเราจึงมีความหวังเป็นเหมือนแรงในการต่อสู้แต่ละวัน ความหวังคือพลังงานที่ไม่มีวันหมดและจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากจิตใจเราพร้อมสู้ และอยู่ต่อเพื่อทำสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ให้สำเร็จ ต่อให้เรามีอุปสรรคมาขว้างกัน ต้องเสี่ยงกับการล้มเหลวในชีวิต แต่เราก็จะลงมือทำต่อเพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เราจะได้มานั้นมันคุ้มค่าแค่ไหน ความหวังไม่ได้ชนะภัย แต่ความหวังทำให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับภัย กล้าต่อสู้เพื่อให้เราได้ความสำเร็จในชีวิตมาครองคำว่ารางวัลจึงเป็นสิ่งที่คนโหยหาและบทกวีนิพนธ์ เหมืองชีวิต ทำให้รู้สึกว่า คำ คำว่ารางวัลในที่นี้ยิ่งใหญ่และมีพลัง เพราะคือ "รางวัลแห่งชีวิต" เป็นสิ่งเดียวที่ผู้สมเกียรติเท่านั้นจะได้รับมัน ต้องควรค่าที่จะครอบครอง ไม่มีสิ่งใดตัดสิน ไม่มีสิ่งใดคัดค้าน แต่เพราะประจักษ์จึงจะได้รับมา คนที่มีหวังเท่านั้นที่จะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะความหวังทำให้คนต่อสู้และไม่ยอมแพ้ รางวัลจึงตกเป็นของเขาผู้นั้นอย่างแท้จริง
• เหมืองชนม์ต้องสอนด้วยตนเอง
การขุดเหมืองแร่กับการขุดเหมืองสมมุติ "เหมืองชนม์" ผู้เขียนสามารถเปรียบเทียบได้เห็นภาพและทำให้ผู้อ่านรู้สึกลึกลงไปหยั่งใจ ว่าการต่อสู้เพื่อจุดหมายนั้นต้องผ่านหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งยากเย็นและเสี่ยงอันตราย แต่บทกวีนิพนธ์เหมืองชีวิต ได้ทิ้งท้าย "ความจริงของชีวิต" ที่ไม่อาจเปรียบเทียบให้เหมือนกับสิ่งอื่นได้ คือการเรียนรู้ในชีวิตจริงคนเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครจะสามารถมาสอนหรือทำแทนกันได้ เพราะการตามหาความสุข ความสมหวัง ความรัก ไม่ได้มีหลักสูตรวิธีการ ที่เป็นแบบแผน แต่คือการใช้ใจและเชาว์ปัญญาของตัวเราเองในการหาวิธีการไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น
“มีวิชาเหมืองแร่สอนแก่ผู้-
หวังต่อสู้ขุดหินดินทั้งหลาย
แต่เหมืองชีพนี้ไร้ใครบรรยาย
ทุกคนคล้ายอาจารย์สอนมานตน”
ทำให้เห็นว่าวิชาความรู้ต่าง ๆ เราสามารถสอนกันได้นำวิธีการมาปฏิบัติตามกันเพื่อไปสู่ความสำเร็จได้ แต่ “วิชาชีวิต” เราต้องเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง เราคือผู้วางแผนและลงมือขุดเหมืองชีวิตนี้เราจึงต่างเป็นครูของ ตัวเอง และทุกการค้นพบแร่ (ความสุข ความสมหวัง ความรัก) ก็ล้วนมาจากตัวเราเองทั้งสิ้น ดังนั้นทุกชีวิตมี เส้นทางและรายละเอียดที่ต่างกัน เราจะสามารถค้นพบสิ่งมีค่าเหล่านี้ได้ก็ด้วยปัญญาของเรา ปัญญาในที่นี้คือ ความคิดและการมีมุมมองต่อ ความสุข ความรัก และความสมหวัง บางคนทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อหวังที่จะมี ความสุขในชีวิต แต่ยิ่งทำกลับยิ่งเหนื่อย แล้วความสุขก็ห่างไกลตัวเขาไปเรื่อย ๆ แต่หากเราอยู่กับปัญญาตนและ มองให้เห็นความเป็นจริง ความสุขคืออะไร เราอาจทราบได้ในเวลาต่อมาว่าความสุขคือสิ่งที่เรามักมองข้ามไป เช่น การหยุดพักเพื่อให้ตนเองหายเหนื่อย หรือในบางครั้งเราเอาความสุขไปผูกไว้กับสิ่งอื่น หากขาดไปก็ไม่มีความสุข เมื่อคิดได้ดังนั้นอาจรู้ว่าความสุขคือการอยู่กับตัวเองได้ทำในสิ่งที่รัก และบางครั้งอาจพบว่า ความสุขนั้นง่ายและ ใกล้กว่าที่เราคิด หรือความรักที่เราพยายามค้นหาและอยากที่จะครอบครอง แต่ในความจริงความรักอาจง่ายกว่านั้น เช่นการรักที่อยู่ในพื้นที่ของตนเอง เฝ้ามองด้วยความยินดี หรือความสมหวัง หากเรามองให้กว้างขึ้นอาจพบว่า สิ่งที่เราหวังนั้นแคบเกินไป อาจเพียงขยับความคาดหวังให้ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น และไปด้วยก้าวเล็ก ๆ แต่มั่นคงอาจพบว่าเราประสบผลสำเร็จตามที่หวังและได้ความสุขพ่วงมาด้วย
ดังนั้นอุปสรรคที่น่ากลัวที่สุดของการตามหา ความสุข ความสมหวัง และความรัก คือการต่อสู้กับความคิด และสติปัญญาของตนเอง บ่อยครั้งเรามีความพยายาม มีความอดทน มีความหวัง แต่ความคิดและสติปัญญานั้น เป็นสิ่งที่เอาชนะได้ยาก การใช้ชีวิตอย่างมองเห็นชีวิต และมองโลกตามสัจธรรมความจริง ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ ถ้าหากเราสามารถเอาชนะปัญญา เอาชนะตนเองได้ เราอาจไปถึงเป้าหมายในชีวิตของเราได้โดยไม่สาหัสและ ราบรื่น การขุดเหมืองชีวิตอาจจะดูยากและไม่คุ้มค่าแก่การเสี่ยง เราก็อาจไม่ขุดเหมืองชีวิตของเรา เพียงใช้ชีวิต ต่อไป แต่ขอให้ระลึกไว้ว่า หากเมื่อใดที่เรามีฝัน และฝันนั้นใหญ่ มันจะไม่ง่ายและไม่สะดวกสบายแก่เรา เพื่อให้เรา ใช้ความอดทนความพยายามปีนป่ายทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไขว่คว้าความสำเร็จและเป้าหมายในชีวิตของเรามา รางวัลมีไว้สำหรับคนที่ชนะเท่านั้น เพียงมีหัวใจและสติปัญญาเราจะพาความหวังและความตั้งใจออกขุดเหมืองชีวิตของตัวเอง เพื่อตามหารางวัลชีวิตที่คนบนโลกนี้มองว่ายากและหามันไม่ค่อยเจอ แต่ตัวเราเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีว่าเรา จะสามารถทำมันได้เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วออกเดินทางได้
บทวิจารณ์โดย ธีรวุธ ปรีเปรม
โครงการ อ่าน เขียน เรียนรู้ สู่ งานวิจารณ์ ปีที่ 9