เปิดมุมคิด 'ชนินทร์ธรณ์ ชื่นโพธิ์กลาง' : ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง 'หลง เงา รัก' เจ้าของรางวัลชมนาด ปี 2564

เปิดมุมคิด 'ชนินทร์ธรณ์ ชื่นโพธิ์กลาง'

      ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับรางวัลใหญ่ของนักเขียนหญิงแห่งปี 2564 "รางวัลชมนาด" ที่เดินทางมาเป็นครั้งที่ 10 ซึ่งเจ้าของรางวัลชมนาด คนล่าสุดคือ "ยุ้ย" ชนินทร์ธรณ์ ชื่นโพธิ์กลาง ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง "หลง เงา รัก” 

     สำหรับการเปิดตัว เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม เป็นไปอย่างอบอุ่น ท่ามกลางสักขีพยานและสื่อมวลชนมากมาย อาจจะมีเวลาไม่มากพอที่จะทำความรู้จักกับเจ้าของรางวัลสุดแนวคนนี้

      วันนี้ จึงขอกะเทาะใจ และพูดคุยถึงเบื้องลึกเบื้องหลังแบบเอ็กซ์คลูซีพ ก่อนจะมาเป็นผลงานที่ชนะใจคณะกรรมการ อย่างถึงแก่น และอนาคตทางการเขียนของ ยุ้ย" ชนินทร์ธรณ์ อีกครั้ง 

 

 

 

อยากให้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้

      ก็คือเริ่มแรกเราอยากเขียนถึงผู้หญิงยุคใหม่ แต่เราก็อยากเพิ่มประเด็นที่เกี่ยวกับการยอมรับในสังคม ก็เลยใส่ประเด็นเกี่ยวกับ body image ในเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกของร่างกาย โดยที่เราให้ตัวเอกของเรื่องเป็นนางแบบ ซึ่งมันก็เกี่ยวข้องกับสังคมยุคนี้ เราดูแต่สังคมออนไลน์ เห็นแต่ความสวยงามเพอร์เฟ็คของทุกคน ซึ่งบางทีอาจจะเป็นความจริงหรือผ่านแอพ หรือเป็นการนำเสนอในด้านเดียว ทุกคนก็อยากนำเสนอในด้านที่ดีของตัวเองมากกว่า บางทีอาจจะอ้วนหรืออาจจะผอม มันก็เลยทำให้ภาพที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นความสมบูรณ์แบบ เวลาที่เรามอง เราจะรู้สึกว่าสมบูรณ์แบบมาก เราก็อยากจะเป็นอย่างเขา อยากจะผอม อยากจะสวย อยากจะขาว หรือว่าหุ่นเพรียว อยากจะเป็นเหมือนเขา แต่ที่จริงอาจจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ และด้วยอาชีพของนางแบบด้วย เขาก็เลยต้องรักษา image ของเขา จนทำให้เขาเกิดความคิดที่ผิดปกติขึ้นมาบ้าง

 

ทำไมถึงเลือกเป็นนางแบบ

      เพราะว่ามันเกี่ยวกับเรื่องภาพลักษณ์ การรักษาภาพลักษณ์ และสะท้อนให้เห็นถึงสังคมในยุคนี้ เรื่องเกี่ยวกับการมอง เพียงแค่มองเราก็รู้สึกตัดสินแล้ว คนนี้สวย คนนี้ไม่สวย ทำไมอ้วนจัง ซึ่งไม่สามารถหมดไปจากสังคมได้ แต่ก็อยากให้เบาลงมา อยากให้ยอมรับในตัวเอง ก่อนที่คนอื่นจะยอมรับเรา ถ้าเราปรับที่ตัวเองได้จะดีกว่า

      นางเอกของเรื่องเป็นนางแบบ ที่หมกมุ่นอยู่กับแคลอรี่ และการกิน ด้วยอาชีพ และภาพลักษณ์ ทำให้ต้องผอม สวย ดูสมบูรณ์แบบ กดดันจิตใจ กลายเป็นวิตกกังวล คิดมาก ล้วงคอ อดอาหาร กลายเป็นกระทบ ทำลายอาชีพการงาน

 

จะทำให้ balance กับชีวิตคนปัจจุบันยังไง ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่มันมีค่านิยมนี้ไปแล้ว

      ใช่ค่ะ มันเป็นค่านิยมค่ะ ไม่เกี่ยวกับว่าเราจะเป็นนางแบบหรือไม่เป็นนางแบบ แต่บางทีเราดู เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะมี อยากจะได้ อยากจะลดน้ำหนัก อยากทำสวย โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มองเห็นคนที่สมบูรณ์แบบในออนไลน์ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติด้วย ถ้าปลูกฝังตั้งแต่แรกๆ ว่าทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง เคารพผู้อื่น เคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ก็น่าจะมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น และเกิดการ bully น้อยลงด้วย

 

เรื่องราวไม่ได้เกี่ยวกับแค่ body อย่างเดียว แต่มันมีความซับซ้อนในความเป็นนวนิยายด้วย อยากให้เล่าว่ามีอะไรเกี่ยวพันบ้าง

      ก็ได้สอดแทรกเรื่องราวความรักให้มันกลายเป็นนิยายที่ไม่หนักจนเกินไป นางเอกคลั่งผอม แต่มีแฟนเป็นเชฟ อยากสร้างตัวละครให้มีความทุกข์ทรมาน มีประเด็นชีวิตรัก เกิดการตัดสินใจ เป็นปมปัญหาอย่างหนึ่ง ให้ติดตามว่าเธอจะจัดการกับชีวิตอย่างไร และขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามทางศีลธรรมของการดำเนินชีวิตของนางเอกด้วย เพราะเธอไม่ได้มีคนรักแค่คนเดียว กับเหตุการอื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มสีสัน และตอกย้ำประเด็นแก่นของเรื่องที่ว่า อย่าตัดสินคนแค่เพียงภายนอก ทุกคนล้วนแต่มีอย่างน้อยสองด้าน อีกด้านเอาไว้โชว์ อีกด้านคือความเป็นจริง อัตราส่วนของแต่ละด้าน แต่ละคนต่างกัน บางคนฉากหน้ายิ้ม แต่ในใจร้องไห้ บางคนดูปกติ แต่เบื้องหลังเป็นอีกอย่าง

 

เปิดมุมคิด ชนินทร์ธรณ์ ชื่นโพธิ์กลาง

 

การที่เลือกฉาก หรือโลเคชั่นให้เป็นต่างประเทศ เราอยากบอกอะไร ตั้งใจให้เป็นอย่างไร

      ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันได้แสดงถึงความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างได้ดี อยากให้ตัวละครรู้สึกเหงา คนอ่านรู้สึกอินไปด้วยว่าเขาเหงาจริงๆ เขาเป็นคนแบบนี้ และเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนไหว อยู่ในเมืองใหญ่ก็จริง แต่ไม่ได้มีความเคยชินในการใช้ชีวิตคนเดียว ในบางครั้ง ใช้ชีวิตกับแฟนบ้าง อธิบายถึงการที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เราอาจจะมีเพื่อนมากมาย แต่เราไม่สามารถคุยกับใครได้ ไม่มีเพื่อนสนิท คนที่เรารักบางอารมณ์เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจเราอย่างแท้จริง เราก็จะไปหาที่พึ่งทางอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วอยากให้คนอ่านได้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากใจ ถ้าเราปรับได้ที่ใจของเรา เรื่องอื่นมันก็จะเป็นเรื่องภายนอกที่เราสามารถควบคุมได้บ้าง

 

อันนี้เป็นหญิงไทยไปอยู่เมืองนอก หรือผู้หญิงเมืองนอกเลย

      นางเอกชื่อ เกรซ คือจะให้ตัวละครเป็นปริศนา แต่สามารถมองได้ทั้งเป็นชาวต่างชาติ เป็นลูกผสม หรืออาจจะเป็นชาวไทยที่ไปอยู่ที่โน่น เพราะว่าแฟนเขาก็เป็นคนเอเชียเหมือนกัน ตั้งใจละไว้ให้เป็นจินตนาการของผู้อ่านว่านางแบบเขาเป็นคนชาติไหน อยากจะให้เป็นบทเรียนของชีวิตค่ะ ได้อ่านแล้วไม่ใช่เรื่องความบันเทิงอย่างเดียว บางทีเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่เราคิดว่าอาจจะไม่สำคัญ เกี่ยวกับความหลงใหลพร่ำเพ้อ ชีวิตฟุ้งซ่าน จริงๆ แล้วอาจจะไม่ต้องไขว่คว้าไปทุกอย่าง เราไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จในอาชีพ เราไม่จำเป็นต้องมีแฟนหล่อรวย เราไม่จำเป็นต้องหาไปเรื่อยๆ หรือทำอะไรก็ช่างที่บรรเทาความเหงาของเรา บางทีมันอยู่ที่ตัวเราเอง และประเด็นที่นางเอกเป็นโรคบูลิเมีย เขาอาจจะมีความผิดปกติในด้านการกิน ก็อยากจะให้คิดว่าเรื่องร่างกายมันเป็นเรื่องภายนอก ถ้าเรามั่นใจในตัวเอง ที่จริงเราไม่ต้องไปฟังเสียงคนอื่นเขาเลยก็ได้ แต่ด้วยหน้าที่อาชีพการงาน ซึ่งมันบ่มเพาะให้เขามีความคิดไปแบบนั้นแล้ว มันก็ยากที่จะกลับมา แต่ก็ขอให้ดูว่ามันทำลายเราไปเท่าไร มันมีประโยชน์กับเราไหม ท้ายที่สุดแล้วเราอยู่กับมันได้หรือเปล่า เพราะว่าโรคจะมันทำลายเรา อาจจะไม่ใช่โรคทางกายอย่างมะเร็งหรืออะไรก็ตาม โรคทางจิตนี่แหละที่สำคัญ ซึมเศร้า วิตกจริต หรือหมกมุ่นอยู่กับเรื่องน้ำหนัก ตัวเลขบนตาชั่ง

 

ปกติอ่านงานแนวไหนบ้างคะ

      ปกติชอบอ่านนิยายแปลค่ะ หรือไม่ก็อ่านก็อ่านเป็นภาษาอังกฤษไปเลย ของต่างประเทศ แนวที่อ่านส่วนใหญ่จะชอบเป็นแนวแฟนตาซี ชอบความเพ้อฝันมากกว่า เพราะมันดูสวยงาม แต่เวลาเขียนเรื่องนี้ มันจะเป็นเรื่องราวของชีวิตจริง ก็ต้องเอามาปรับลงมาให้เป็นเรื่องที่ไม่ฝันฟุ้งเกินไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วสะท้อนให้เห็น

 

 

ก่อนหน้านี้ก็เคยเขียนแฟนตาซีด้วย มีอะไรบ้างคะ

       เขียนแฟนตาซีส่วนใหญ่ จะเขียนสำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์ให้อ่านฟรี เพราะเขียนเป็นงานอดิเรก ก็จะเป็นนิยายเรื่อง “Angel2020” และ “Knight Society” ส่วนใหญ่จะเป็นแนวแฟนตาซีย้อนยุคนิดหน่อย เพราะชอบเขียนแบบแนววัยรุ่น เขียนบนเว็บไซต์เด็กดีค่ะ

 

ชอบดูหนัง-ฟังเพลงอะไรเป็นพิเศษคะ

      ส่วนใหญ่จะชอบดูหนังสยองขวัญมากกว่า ดราม่าก็มีบ้าง เพื่อเสริมอารมณ์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสยองขวัญ ชอบความตื่นเต้น ส่วนเพลงก็จะฟังเพลงร็อก เพลงหนัก ๆ รู้สึกว่าทำสมาธิได้ดีกว่าเพลงเบา ๆ เป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ เพราะบางคนอาจจะชอบเงียบ ๆ ถึงจะเขียนได้ แต่สำหรับยุ้ย คือยุ้ยชอบเพลงที่มีน้ำหนักนิดหนึ่ง แล้วจะรู้สึกมีสมาธิ

 

การที่เรามีครอบครัวทำให้เรามีมุมมองที่กว้างหรือลึกขึ้นหรือเปล่า

      ใช่ค่ะ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เกี่ยวกับการมองโลก การมองชีวิต อย่างเช่น การอยู่ให้มีความสุข บางทีเราไม่จำเป็นต้องสรรหาหรือออกไปค้นหาสิ่งมากมาย เพื่อทำให้เรามีความสุข เพราะบางทีมันเป็นเรื่องเพียงชั่วคราว ก็คือปรับที่ใจตัวเองมากกว่า อันนั้นคือแนวคิดที่ได้จากการมีครอบครัวและเอามาเขียนลงไปด้วย

 

การได้รางวัลชมนาด คิดว่าจะต่อยอดให้เราเขียนงานในแบบไหนมากขึ้นไหม หรือจะเป็นแรงบันดาลเรื่องต่อๆ ไปยังไงบ้าง

      ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมมากยิ่งขึ้น จากที่เราเคยเสพแฟนตาซี แล้วพอเรามาเขียนแบบนี้ และผลตอบรับที่ออกมาน่าสนใจ สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ หรือว่ามีแง่คิดบ้าง อาจจะไม่ได้มาก แต่สามารถเก็บนำไปใช้ได้ ก็คิดว่าน่าจะเขียนแนวนี้เพิ่มขึ้น

 

 

อยากให้เชิญชวนผู้หญิงด้วยกัน ที่อาจจะไม่กล้าเขียน หรืออาจจะไม่ได้เป็นนักเขียนอาชีพ แต่ว่าอยากให้ลงมือเขียน มีแนะนำยังไงบ้างคะ

      คือนักเขียนนะคะ ถ้าคุณมีไอเดียวแล้ว อยากให้ลงมือเขียนเลย เราไม่จำเป็นต้องคิดว่าจะมีใครอ่านไหม จะมีคนไลก์เราหรือเปล่า ยอดวิวครั้งแรกเลย ยุ้ยคือไม่สนใจอะไรเลย คือเราต้องการเขียน ต้องการสร้างโลกในแบบที่เราต้องการ ลงมือเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม คือเราลองเขียนก่อน แล้วเราสามารถต่อยอดไปได้ ยุ้ยเชื่อว่านักเขียนมีแนวถนัดและสามารถปรับได้ ทั้งสำนวนภาษา ทุกอย่างเรียนรู้ได้หมด เรื่องแรกอาจจะไม่โอเค เรื่องต่อไปอาจจะพัฒนาขึ้นก็ได้ ผู้หญิงอยู่ที่บ้าน  ใช้จินตนาการให้เป็นประโยชน์ เหมือนเราสร้างความสุขส่วนตัวขึ้นมา ยุ้ยคิดแบบนั้น ตอนที่เริ่มเขียนครั้งแรก ก็คือสร้างโลกของเรา เราอยากอ่านแบบไหน บางครั้งหนังสือมากมายเราเข้าไม่ถึง หรือว่าอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เราต้องการ เขียนขึ้นมาเองเลยค่ะ

 

อยากให้พูดถึงรางวัลชมนาด ซึ่งมีมานาน ปีที่สิบแล้ว สำหรับเราที่มารู้จักรางวัลนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวันที่เราได้รับรางวัล เป็นยังไงบ้าง

      รู้สึกตื่นเต้นนะคะ ตอนแรกเลยคือไม่คิดว่าจะมีเวทีสำหรับผู้หญิง หรือว่าสำหรับผู้ชาย หรือว่าใด ๆ ก็ตาม เพราะเราจะเห็นว่ามีน้อยมาก ทุกคนอยากเขียนนิยาย ทุกคนเขียนหมด แต่ว่าเหมือนไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่รู้จะเขียนไปทำไม บางทีความท้าทายนิดหน่อยก็ช่วยผลักดันให้เราเขียนจบได้ จริงๆ แล้วเรื่องนี้อาจจะไม่จบก็ได้ ถ้าไม่ได้คิดว่าจะส่งชิงรางวัล เพราะบางครั้งเรายุ่งเกินไป เราไม่มีเวลา เราคิดแค่นั้น แต่มันเป็นงานอดิเรกของเรา ยุ้ยเชื่อว่ามีนักเขียนทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่เขียนนิยายรัก และหลายคนเขาเขียนเอาไว้ แต่เขายังไม่มีเวทีสำหรับการเผยแพร่ผลงาน ซึ่งจริงๆ แล้วยุ้ยก็เพิ่งรู้จักรางวัลชมนาด และก็รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วม ยินดีตั้งแต่วันแรกเลย เราน่าจะต้องส่งประกวด เราได้ทำตามความฝันของเรา ครั้งแรกเลยเราคิดจะเขียนในสิ่งที่เราชอบ เรามองดูปัญหาสังคมรอบๆ เรามองดูผู้หญิงรอบๆ ตัว ผู้หญิงแบบไหนที่เราอยากจะสื่อความหมาย เรื่องราวแบบไหนที่เราอยากจะสื่อออกมา

 

คิดว่าเรื่องราวจะสามารถต่อยอดเป็นละครโทรทัศน์ เป็นบทภาพยนตร์ได้ไหม

      น่าจะดีนะคะ น่าจะได้ด้วย และน่าจะเป็นละครยุคใหม่ได้ เพราะว่าไม่ได้มีดราม่าอะไรมากนัก เป็นการสอนใช้ชีวิต สอนวิธีคิด เราสื่อถึงมุมมองของผู้หญิงทั่วๆ ไป เราสื่อถึงนางแบบเฉย ๆ เพื่อให้เน้นความเข้มข้นที่ว่า ทำไมเราจะต้องเป็นแบบนั้น ทำไมเราจะต้องเป็นแบบนี้ เพื่อจะควบคุมร่างกาย แต่ในสังคมปัจจุบันนี้ก็เชื่อว่าเราดูดาราบางคนเอวเล็กมาก ก็เลยคิดว่าอยากจะเป็นอย่างเขาจัง ทำไมถึงจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่บางครั้งอาจจะเป็นไปไม่ได้ แล้วเรื่องการอดอาหาร การสุดโต่งเกินไป ทำลายสุขภาพ หรือว่าคิดมากในเรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกัน อย่างเช่นซึมเศร้า ถูก bully online หลายๆ เรื่อง คิดว่านิยายสามารถนำเสนอเป็นละครสร้างสรรค์ได้ และบันเทิงด้วย

 

 

แสดงว่านิยายเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เพียงแค่ความรื่นรมย์บันเทิงใจ หรือแค่อ่านแล้วเพลินๆ แต่ได้แง่คิดด้วย

       ใช่ค่ะ แล้วแต่ว่าคนอ่านจะเก็บเกี่ยวได้มากเท่าไร แต่เราพยายามใส่ลงไปถึงวิธีการใช้ชีวิต การสร้างความสุขด้วยตนเอง ส่วนใหญ่ที่ยุ้ยต้องการจะสื่อคือความสุขลึกๆ ของเรามันอยู่ข้างใน เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง บางครั้งเราหลงไปกับสื่อโซเชี่ยล กับโลกภายนอก สังคม หน้าที่การงาน มันทำให้เราไขว้เขว

 

อยากให้พูดประเด็นนี้นิดหนึ่งว่าต้องรับผิดชอบสังคมด้วยขนาดไหน

      คือเราเขียนในสิ่งที่เป็นไปได้ และเราไม่ได้ไปเหยียบย่ำใคร อยากให้ทุกคนมองกันอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่บ้านอย่างเดียว เราสามารถทำอย่างอื่นก็ได้ นักเขียนอาจจะไม่ใช่อาชีพ แต่ว่าเราสามารถทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจนะคะ คือผู้หญิงเราไม่จำเป็นต้องมีหน้าที่ที่ fix เราสามารถเป็นได้ทุกอย่าง เราก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความเข้มแข็ง ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ทำอะไรก็ได้อย่างที่เราคิด ทำตามใจฝัน และเราไม่ต้องรอ บางคนอาจจะคิดว่าก็ได้แค่นี้ จริงๆ แล้วยุ้ยเชื่อว่าหลายคนมีอย่างที่ต้องการจะทำมากมาย อยากให้ลองทำ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ