เสือดำ : เสือดำปะทะกองปราบ (ตอนจบ) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือดำปะทะกองปราบ (ตอนจบ)

ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา 

ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต

เสือดำปะทะกองปราบ

          เมื่อเสียงสัญญาณเคลื่อนพลของเสือดำดังขึ้น เสือมเหศวรและพรรคพวกของเขาก็สะดุ้งเฮือกพร้อมๆ กัน ทุกคนรู้ดีว่าเสือดำพาพวกเข้าบุกแล้ว ซึ่งเป็นการจู่โจมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          แต่เสือมเหศวรก็คือชายชาติเสือที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บอันแหลมคมคนหนึ่ง เขาเพียงแต่ตกตะลึงไปชั่ว ๒-๓ วินาทีเท่านั้น เขาเงยหน้ามองออกไปทางหน้าบ้าน จากแสงสว่างของดวงจันทร์ เสือมเหศวรก็สามารถมองเห็นพลรบของเสือดำกำลังวิ่งประดาหน้ากันเข้ามา และต่างก็ยิงปืนกราดเพื่อทำลายขวัญ

          “อ้ายเสือสู้ตาย” เสือมเหศวรตะโกนลั่น ปลดท็อมสันออกจากบ่า ยกขึ้นประทับยิงสกัดกั้นการบุกของฝ่ายเสือดำทันที ส่วนบริวารของเขาต่างก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าหาที่กำบังตามแต่จะหาได้ ใช้ปืนยิงเร็วยิงเสือดำกับพรรคพวกอย่างดุเดือด

          เหลืออีก ๒๐ เมตรก็จะบุกขึ้นตัวเรือนได้ แต่อำนาจของปืนท็อมสันทำให้สมุนของเสือดำล้มระเนระนาดถึง ๕ คน และแล้วปืนยิงเร็วอีกหลายกระบอกก็ระดมยิงมาตามช่องหน้าต่างและที่อื่นๆ

          เสือดำสั่งบริวารของเขาให้หยุดยั้งการเคลื่อนที่และหมอบลงยิงต่อสู้อย่างดุเดือด พลางนึกในใจว่าโชคของเขาไม่สู้ดีที่เข้าบุกเสือมเหศวรในขณะที่ไพร่พลของเขาอยู่กันพร้อมหน้า จึงต้องถูกปะทะไม่สามารถจะฝ่าห่ากระสุนปืนอันหนาแน่นบุกขึ้นบนเรือนเสือมเหศวรได้

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          เสียงปืนที่พวกโจรทั้งสองฝ่ายยิงโต้ตอบกันดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านสามเรือนทุกครัวเรือนเข้าใจผิดคิดว่ากองปราบพิเศษยกมาเพื่อทลายรังเสือมเหศวร จึงต่างก็รีบปิดประตูหน้าต่างบ้าน ไม่มีใครยอมออกมาจากบ้านเลย เพราะทุกๆ บ้านล้วนแต่เป็นสมัครพรรคพวกของเสือมเหศวรทั้งสิ้น

          เสือดำร้องสั่งบริวารของเขาให้กระจายกำลังออกไป เข้าล้อมบ้านเสือมเหศวรและสั่งให้สังหารทุกๆ คนที่อยู่บนเรือน ขุนโจรหนุ่มผู้นี้สามารถสั่งงานรบได้ดีและรวดเร็วฉับพลัน เขาค่อยๆ คลานคืบเข้าไปยังตัวเรือนของเสือมเหศวร สะเต็นคู่มือถูกยิงอย่างประหยัดกระสุน เสือดำยึดต้นมะขามเทศใหญ่ข้างลำปะโดงเป็นที่มั่นกำบังตัว ลุกขึ้นนั่งคุกเข่ายกสะเต็นขึ้นประทับ และเห็นประกายไฟแลบออกมาจากช่องหน้าต่าง ก็ปล่อยกระสุนระดมยิงไปยังที่หมายของปืนกระบอกนั้น

          สมุนของเสือมเหศวรร้องสุดเสียง ถูกกระสุนสะเต็นทะลุอกหลายนัดล้มลงสิ้นใจตาย เสือดำยิ้มออกมา สอดส่ายตามองหาเหยื่อของเขาอีก เงาดำตะคุ่มๆ ของศีร์ษะใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ที่หน้าต่างทางด้านขวาของตัวเรือน ก่อนที่เจ้าสมุนของเสือมเหศวรจะยกคาไบน์ขึ้นยิงพรรคพวกของเสือดำ ขุนโจรก็ยกสะเต็นขึ้นประทับปล่อยกระสุนออกไปอีก ๑ ชุด โจรหนุ่มผู้เคราะห์ร้านต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือของเสือดำทันที

          การต่อสู้ผ่านพ้นไปไม่ถึง ๑๐ นาที บริวารของเสือดำก็บุกเข้าได้จนถึงตัวเรือน สมุนโจร ๓-๔ คนได้ใช้บันไดไม้ไผ่ที่วางอยู่ข้างเรือนพาดนอกชานข้างบ้านและปีนขึ้นไปบนเรือน ยิงปืนพลางโห่ร้องทำลายขวัญ พรรคพวกของเสือมเหศวรเริ่มแตกตื่นเสียขวัญ พากันกระโดดหน้าต่างเผ่นหนีเอาตัวรอด บางคนก็วิ่งลงทางบันไดหน้าบ้าน แต่แทบทุกคนต่างถูกกระสุนปืนฝ่ายเสือดำล้มกลิ้ง บ้างก็ทิ้งอาวุธปืนยกมือยอมแพ้ร้องวิงวอนขอชีวิตและถูกจับเป็นเชลย

          ในที่สุด บนเรือนใหญ่อันกว้างขวางคงมีแต่เสือมเหศวรคนเดียวที่หมอบประทับท็อมสันต่อสู้อย่างทรหด สมุนของเสือดำคนหนึ่งพยายามจะขึ้นบันไดมาบนเรือน ถูกเสือมเหศวรยิงคว่ำกลิ้งลงมาตามขั้นบันได

          แต่อย่างไรก็ตาม พลรบของเสือดำก็สามารถปีนหน้าต่างขึ้นมาทางหลังเรือนได้ เสือมเหศวรได้ยินเสียงพื้นกระดานลั่นและเสียงฝีเท้าคนในห้องทางด้านหลังของเขา ก็รู้ว่าสมุนโจรของเสือดำขึ้นมาบนเรือนของเขาได้แล้ว เขาคนเดียวไม่สามารถจะทำการต่อสู้ได้ จึงจำเป็นต้องหนีเอาตัวรอดก่อนตามสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกๆ คน มเหศวรผลุดลุกขึ้นวิ่งผ่านนอกชาน กระโจรลงบันไดมาทั้งๆ ที่กระสุนทางฝ่ายเสือดำยังคงยิงกราด เสือดำแลเห็นเสือมเหศวรอย่างถนัดก็ร้องตะโกนบอกบริวารของเขา

          “อ้ายเสือหยุดยิง อ้ายเสือหยุด!”

          เสียงปืนสงบเงียบทันที มเหศวรวิ่งผ่านมาทางต้นมะขามเทศ กิริยาของเขาลุกลี้ลุกลน และไม่ทันเฉลียวใจว่าเสือดำหรือพรรคพวกคนใดคนหนึ่งจะแอบอยู่เบื้องหลังต้นมะขามเทศ

          พอเสือมเหศวรวิ่งผ่านมา เสือดำก็กระโดดตวัดคอทันที ท็อมสันของเสือมเหศวรหลุดจากมือ ๒ เสือต่างล้มลงบนพื้นดินและปลุกปล้ำกัน ฝ่ายหนึ่งต้องการจับกุม แต่อีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้เพื่อจะหลบหนีเอาตัวรอด มเหศวรลั่นหมัดขวากระแทกหน้าเสือดำอย่างถนัด สลัดเสือดำกระเด็นไปข้างหนึ่ง แล้วลนลานลุกขึ้นวิ่งหนีบ่ายหน้าไปทางป่าละเมาะ ทันใดนั้นเอง สมุนโจรของขุนโจร ๓ คนก็ปราดเข้าสกัดดักหน้าไว้ และคนหนึ่งได้ยกพานท้ายคาไบน์กระหน่ำลงกลางศีร์ษะเสือมเหศวรดังสนั่น ยังผลให้เสือร้ายซวนเซล้มลงบนพื้น

          “จับมัน จับมันไว้” เสือดำตะโกนบอกบริวารของเขา “อ้ายเสือบุกขึ้นเรือน กวาดทรัพย์สมบัติเข้าของมันให้หมด”

 

เสือดำปะทะกองปราบ

 

          มเหศวรเพียงแต่มึนงงด้วยอำนาจพานท้ายปืน เขาถูกฉุดกระชากตัวให้ลุกขึ้น แล้วสะเต็น ๒ กระบอกก็จี้ปากกระบอกลงที่ลำตัวของเขา บริวารของเสือดำคนหนึ่งได้ใช้เชือกเส้นหนึ่งมัดข้อมือเสือมเหศวรไว้อย่างแข็งแรง และผูกติดกับต้นมะขามเทศ

          เสือดำเดินเข้ามาดูคู่อริของเขาแล้วหัวเราะ พูดกับบริวารด้วยเสียงเด็ดขาด

          “ควบคุมมันไว้ ถ้าปล่อยให้มันหนีไปได้พ่อยิงทิ้งเลย ข้าจะขึ้นไปค้นเข้าของอันมีค่าบนเรือน”

          อีกในราว ๑๕ นาฑี ขุนโจรก็นำไพร่พลของเขาแบกหามหีบปัดและห่อเสื้อผ้าตลอดจนอาวุธปืนและกระสุนดินดำของเสือมเหศวรลงมาจากเรือน พลรบของเสือดำต่างคึกคะนองไปตามกัน มันเป็นการปล้นที่ไพร่พลของเสือดำพากพูมใจอย่างที่สุด เพราะผู้ที่ถูกปล้นเป็นจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีนายโจรคนไหนที่จะกล้าหักเสือมเหศวรในทำนองนี้ แต่เสือดำนี่เองเป็นผู้ลบลายเสือของเสือมเหศวร พฤติการณ์ของเสือดำและบริวารจะทำให้บรรดานายโจรทั้งหลายในสุพรรณบุรีครั่นคร้ามหวั่นเกรงไปตามกัน กองโจรของเสือดำจะต้องมีอิทธิพลใหญ่ยิ่งที่สุดในจังหวัดนี้

          ด้วยกิริยาท่าทางอันองอาจผึ่งผายสมกับเป็นขุนโจรผู้พิชิต เสือดำถือสะเต็นเดินตรงเข้ามาหาเสือมเหศวรซึ่งถูกมัดอยู่กับต้นมะขามเทศ และมีสมุนโจรของเขา ๒ คนควบคุมตัวอยู่ เสือดำหยุดยืนเบื้องหน้าเสือมเหศวรแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงปกติ

          “กันเสียใจมากที่กันต้องหักหาญแก มเหศวร แกไม่ใช่ลูกผู้ชายอันแท้จริง แกเองก็เป็นนายโจรคนหนึ่งที่มีอาชีพเช่นเดียวกับกัน แต่แกกลับจดหมายบอกตำแหน่งที่อยู่ของกันไปให้ตำรวจกองปราบพิเศษยกไปเล่นงานกัน เคราะห์ดีเหลือเกินที่กันกับบริวารตีฝ่าวงล้อมของตำรวจหลบหนีมาได้ แต่ถึงกระนั้นกันก็ถูกตำรวจทลายรังที่อยู่ของกันได้แล้ว แกจะรู้หรือไม่ว่ากันกับไพร่พลของกันจะต้องเดือดเนื้อร้อนใจเพียงไร นี่แหละ กันจึงต้องพาพวกเข้าปล้นแกเพราะกันต้องการเงินและเครื่องนุ่งห่ม มเหศวร บุญคุณของแกน่ะกันไม่เคยลืมหรอก แต่แกคิดร้ายต่อกันก่อน กันจึงต้องตอบแทนแกเพื่อแกจะได้รู้ว่าเสือดำคนนี้มีอิทธิพลใหญ่ยิ่งกว่าแกมากมายนัก”

          มเหศวรขบกรามแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์

          “มึงจะเอายังไงกับกูก็เชิญ มันเป็นทีของมึงแล้วอ้ายดำ แต่ว่าถ้ากูยังมีชีวิตอยู่ กูจะต้องแก้แค้นสังหารมึงให้จงได้”

          แทนที่จะโกรธ ขุนโจรกลับยิ้มอย่างใจเย็น

          “ดูเหมือนแกพูดกับกันอย่างนี้มาสองครั้งแล้ว โอกาสที่แกจะแก้แค้นกันน่ะน่ากลัวจะหาไม่ได้ เพราะกันจะนำตัวแกไปกับกันเดี๋ยวนี้ และบางที กันอาจจะยิงแกทิ้งเสียงก่อนรุ่งสว่างคืนวันนี้ก็ได้ ถ้าหากว่ากันไม่สังหารแก แกก็จะทำตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาตของกันอยู่เรื่อยๆ ไป”

          “เสือดำ” มเหศวรพูดเสียงกร้าว “มึงคิดดูให้ดี มึงลูบคมกูก่อน พาพวกเข้าบุกทำลายพิธีแต่งงานของกูและแย่งชิงเอาเจ้าสาวของกูไปใช่ไหมล่ะ กูถึงตั้งตัวเป็นปรปักษ์ต่อมึง?”

          ขุนโจรหัวเราะลั่น

          “แกพูดเอาแต่ได้ แกอย่าลืมว่าแม่เรียมเป็นยอดดวงใจของกันมาก่อน คนทั้งเมืองเขารู้กันทั่ว ตำรวจเองยังเคยยกโขยงมาล้อมจับตัวกันที่บ้านทิดฟอง ถ้าหากว่ากันปล่อยให้แกกับเรียมแต่งงานกันได้ กันก็จะต้องเสียเหลี่ยมนักเลง”

          “เออ ดีละมึง กูฝากไว้ก่อนอ้ายดำ”

          เสือดำหันมาทางไพร่พลของเขา

          “อ้ายเสือถอย จัดการตามคำสั่งที่ข้ามอบหมายไว้”

          กลิ่นน้ำมันก๊าดเหม็นคลุ้งทันที น้ำมันก๊าดสำหรับใช้จุดตะเกียงของเสือมเหศวรที่อยู่ในห้อง ๒ ปีบถูกสมุนโจรของเสือดำเทราดพื้นทั่วห้อง ครั้นแล้วบ้านของเสือมเหศวรก็เกิดเพลิงไหม้ลุกลามขึ้นด้วยน้ำมือของลูกน้องเสือดำ พอแลเห็นแสงไฟ มเหศวรก็ขบกรามแน่น

          “อ้ายดำ มึงล้างกูจนหมดสิ้น แม้แต่บ้านที่อยู่ของกูมึงก็เผาก่อนที่จะล่าถอย อ้ายคนไม่รู้คุณคน มึงจำได้ไหมว่ากูเคยช่วยชีวิตมึงมา ม่ายมึงก็ถูกยิงตายแล้ว”

          เสือดำไม่ได้สนใจกับเสียงตะโกนด่าของเสือมเหศวรเลย เขามองดูเรือนใหญ่ที่กำลังตกเป็นเหยื่อพระเพลิงซึ่งบัดนี้ลุกลามถึงหลังคาแล้ว ขุนโจรยกสะเต็นขึ้น ปล่อยกระสุนยิงขึ้นไปบนอากาศจนหมดแม็กกาซีน ครั้นแล้วเขาก็นำกองโจรของเขาล่าถอยไปจากบ้านสามเรือน  แสงเพลิงแดงฉานจับท้องฟ้า บรรดาชาวบ้านซึ่งเป็นพรรคพวกของเสือมเหศวรต่างระดมกำลังช่วยกันดับไฟ แต่แล้วเสียงคาไบน์ที่ดังกึกก้องอยู่กลางท้องทุ่งด้วยความคะนองของเสือดำคนหนึ่งก็ทำให้พวกบ้านสามเรือนแตกตื่นวิ่งหนี้กระจัดกระจายเพราะเข้าใจว่าเสือดำจะหวนกลับมาเล่นงานอีก

          กองโจรเสือดำนำเสือมเหศวรและบริวารอีก ๒ คนเดินลัดตัดทุ่งนาเข้าสู่ป่า ในคืนวันนี้เสือดำกับบริวารพร้อมทั้งเชลยของเขา จะต้องอาศัยนอนอยู่ในป่านี้

          ลึกเข้าไปในป่าสูงทางด้านทิศตะวันตกของสุพรรณบุรี ไพร่พลของเสือดำได้หยุดพักนอนอยู่ริมลำห้วยแห่งหนึ่ง ทุกคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียไปตามกัน แต่ตลอดคืนเสือดำได้ให้บริวารของเขาผลัดเปลี่ยนกันเป็นยามคอยระมัดระวังสัตว์ร้ายและควบคุมเสือมเหศวรกับลูกน้องอีก ๒ คนไม่ให้หลบหนีไปได้

          เช้าวันรุ่งขึ้น เสือดำได้ชวนสมุนร่วมใจคนหนึ่งออกท่องเที่ยวล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาเป็นอาหารก่อนเวลา ๖.๐๐ น. เล็กน้อย

          เขากลับมาถึงที่พักในชั่วโมงนั้นเอง สมุนของเขาแบกอีเก้งมาตัวหนึ่งซึ่งขุนโจรได้ยิงมันด้วยมือของเขาเอง เสียงพึมพัมได้ดังขึ้นในหมู่บริวารของเขา เสือดำปลดปืนวินเชสเตอร์ออกมาจากบ่าส่งให้สมุนโจรคนหนึ่ง แล้วหยุดยืนมองดูเสือมเหศวรซึ่งนั่งเคร่งขรึมอยู่ข้างลูกน้องของเขาทั้งสองคน เขาเดินตรงเข้ามาหา

          “สวัสดีมเหศวร เมื่อคืนแกนอนหลับหรือเปล่า?” ถามยิ้มๆ และนั่งลงข้างๆ เสือมเหศวร

          “นอนไม่หลับ” มเหศวรพูดห้วนๆ

          “อ้าว เพื่อนไม่น่าจะคิดอะไรให้มากมายไปเลย ดีไม่ดีก็จะพาลเป็นโรคเส้นประสาทเท่านั้น”

          มเหศวรยิ้มแค้นๆ

          “เสือดำ อย่าเยาะเย้ยกันให้มากนักเพื่อน เท่านี้กันก็เจ็บช้ำน้ำใจมากพอแล้ว แกจะเอาตัวกันไปไหนและจะควบคุมตัวกันไว้อีกสักกี่วัน ถ้าแกจำเป็นจะต้องกักขังกันไว้ กันขอร้องให้แกยิงกันทิ้งเสียเถอะ กันกลุ้มใจเต็มทนแล้ว”

          ขุนโจรยกมือตบบ่าเสือมเหศวร

          “แกอยากมีอิสสรภาพหรือ?”

          “แน่ละ มนุษย์เราทุกคนก็ต้องการมีอิสสระด้วยกันทั้งนั้น”

          เสือดำนิ่งอึ้งไปสักครู่แล้วกล่าวว่า

          “กันเห็นใจแกมากมเหศวร ทีแรกกันตั้งใจว่ากันจะยิงแกทิ้งเสีย เพราะกันเจ็บใจแกที่แกเป็นผู้แจ้งที่อยู่ของกันให้กองปราบพิเศษทราบ แต่ว่าบุญคุณของแกกันจะลืมเสียมิได้ มเหศวร แกสัญญาได้ไหมว่าแกจะเลิกเป็นศัตรูกับกัน เราต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป ถ้าแกสัญญาได้ มิตรภาพของเราที่ขาดสะบั้นลงไปก็จะประสานกันเช่นเดิมเหมือนอย่างเก่า ขอให้แกพูดกับกันด้วยความจริงใจเถอะ”

          มเหศวรยิ้มออกมาได้

          “ได้ เสือดำ กันขอให้คำมั่นสัญญาว่ากันจะเป็นมิตรที่ดีของแกต่อไป เรื่องราวที่แล้วมาที่เราผิดพ้องหมองใจกันนั้นลืมมันเสียเถอะวะเสือดำ”

          เสือดำมองดูคู่อริของเขา

          “กันยินดีอภัยให้แกมเหศวร แต่ว่ากันได้ตั้งปฏิญาณไว้แล้ว กันได้สาบานต่อหน้าลูกน้องของกันว่าถ้าหากว่ากันปล้นแกสำเร็จและจับตัวแกได้ กันก็จะยิงแกเสีย หรือมิฉะนั้นจะต้องหาวิธีทำให้แกต้องอับอายขายหน้าเขา”

          ใบหน้าของเสือมเหศวรที่กำลังสดชื่นขึ้นได้บ้างซีดเผือดลงอีก “แกจะเอายังไง?” ถามแผ่วเบา

          คราวนี้ขุนโจรนิ่งอึ้งไปนาน

          “มเหศวร กันไม่อาจจะฆ่าแกได้ แต่กันจะต้องได้แก้แค้นตอบแทนแกดังคำสัตย์ปฏิญาณของกัน”

          มเหศวรพยักหน้า “ก็แล้วแต่แกสิ กันตกอยู่ในอำนาจของแกแล้ว แกจะทำอย่างไรก็ทำได้”

          เสือดำหัวเราะเบาๆ

          “ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นกันจะปล่อยตัวแกไปในครึ่งชั่วโมงนี้ แต่ว่ากันจะต้องโกนผมแกทิ้งเสียก่อน นี่เป็นวิธีที่กันขอตอบแทนการกระทำอันผิดวิสัยนายโจรของแก”

          เสือมเหศวรเม้มปากแน่น จ้องตาเขม็งมองดูขุนโจรอย่างแค้นใจ

          “แกปล้นกันและเผาบ้านกันจนสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วยังไม่สมกับความแค้นของแกอีกหรือเสือดำ?”

          ขุนโจรยิ้ม “แต่แกเจตนาให้กองปราบพิเศษสังหารชีวิตกันกับบริวารของกัน ความผิดของแกจึงเป็นความผิดอย่างมหันต์ แกจะยอมให้กันโกนผมบนหัวแกหรือไม่ก็ว่ามา ถ้าแกไม่ยอม กันก็จะกักขังควบคุมตัวแกไว้ต่อไปและเรื่อยไปโดยไม่มีกำหนด”

          เสือมเหศวรขบกรามกรอด เขาคิดในใจว่าเขาควรจะยอมให้เสือดำกร้อนผมเขาเพื่อเขาจะได้มีอิสสรภาพกลับไปรวบรวมสมัครพรรคพวกยกมาแก้แค้นให้สาสม และเขาจะต้องพยายามทุกวิธีที่จะสังหารเสือดำให้ได้

          “ตกลงเสือดำ กันยอมละ แต่แกต้องรักษาวาจาสัตย์ ถ้าหากว่าแกกร้อนผมกันแล้ว แกจะต้องปล่อยตัวกันไป”

          “แน่นอนมเหศวร กันปล่อยตัวแกแน่ๆ ด้วยเกียรติยศของกัน” พูดจบเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ “เชื้อโว้ย เสือมเหศวรเขาตกลงยอมให้โกนผมเขาทิ้งแล้ว เอ็งจัดการหน่อยซี”

          สมุนโจรร่างเตี้ยที่ชื่อเชื้อและเคยมีอาชีพเป็นช่างตัดผมรับคำสั่งเสือดำทันที รีบค้นหากรรไกรปัดตาเลี่ยนในย่ามของเขาออกมาแล้วลุกขึ้นเดินมาหา

          ท่ามกลางความขบขันของพวกบริวารเสือดำ เชื้อได้เริ่มต้นทำที่โกนผมบนศีร์ษะของเสือมเหศวรออกโดยใช้กรรไกรปัดตาเลี่ยนไถออกทีละแถบ เริ่มต้นจากท้ายทอยขึ้นมา เสียงหัวเราะได้ดังอยู่ตลอดเวลา เสือมเหศวรนั่งก้มหน้านิ่งเฉย ปล่อยให้สมุนของเสือดำเอาผมบนศีร์ษะของเขาออก และไม่ถึง ๑๐ นาฑี เสือมเหศวรก็มีสภาพเหมือนกับเจ้านาคที่เตรียมตัวจะเข้าโบสถ์อุปสมบท

          พอเสร็จเรียบร้อย เจ้าเชื้อก็หัวเราะลั่น

          “มเหศวร ข้าคิดว่าแกบวชเสียเลยเป็นไงวะ?”

          เสียงฮาและเสียงหัวเราะของฝ่ายโจรเสือดำดังขึ้นพร้อมๆ กัน เสือดำยิ้มให้เสือมเหศวร

          “อย่าโกรธอย่าเคืองกันเลยมเหศวร กันต้องทำกับแกเช่นนี้เพื่อล้างแค้นเท่าที่แกต้องการให้ตำรวจกองปราบสังหารกัน เป็นอันว่ากันจะเป็นมิตรที่ดีกับแกต่อไป แต่ถ้าแกคิดร้ายกันอีก แกจะต้องได้รับการตอบแทนจากกันเสมอไป”

 

เสือดำปะทะกองปราบ

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ