วันเวลาหนึ่งปีที่ผ่านเลยไปแล้วนั้น มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในวงการหนังสือและแวดวงวรรณกรรมบ้านเรา โดยบางสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่นั้น สามารถจะบ่งบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ไม่มากไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์ คนเขียนหนังสือ และร้านขายหนังสือก็ตาม สำหรับในวงการนักเขียนไทยเรานั้น มีหลายประเด็นที่น่าหยิบยกมาพูดถึง เช่นเดียวกับธุรกิจหนังสือ ซึ่งจะเป็นลูกโซ่สำคัญที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นทั้งผู้ผลิตหนังสือ สำนักพิมพ์ นักเขียน และผู้จัดจำหน่าย โดยปัจจัยต่างๆ นั้นมีหลายอย่างที่สามารถจะทำให้รุ่งเรือง หรือไม่ก็โรยราได้ และหากจะวิเคราะห์ให้เห็นสภาวะด้านต่างๆ ในวงการหนังสือและแวดวงวรรณกรรมบ้านเราแล้ว ก็พอจะเห็นแนวทางดังนี้
1.สถานการณ์ทางการเมือง ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ นอกจากจะทำให้วงการหนังสือไม่คึกคักแล้ว ยังซึมยาวต่อไปอีกด้วย เพราะผู้คนระมัดระวังในนการใช้จ่าย ดังนั้น การเติบโตในวงการหนังสือจึงไม่มากนัก จะมีก็เพียงหนังสือสำหรับเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น หนังสือสำหรับเด็ก, หนังสือสำหรับนักธุรกิจยุคใหม่ เป็นต้น
2.ในท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่บวกกับเศรษฐกิจเซื่องซึม จะส่งผลกระทบกับสำนักพิมพ์อย่างไม่เลี่ยงไม่ได้ นั่นหมายถึงแต่ละสำนักพิมพ์จะต้องรัดเข็มขัดตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักพิมพ์ใหญ่ที่มีการแยกย่อยเป็นสำนักพิมพ์ต่างๆ นั้น บางสำนักพิมพ์ในเครือที่ไม่สามารถทำผลกำๆ ไรได้ ก็อาจจะเลิกไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับกองบรรณาธิการ หรือฝ่ายทำงานด้านต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วย เนื่องจากแต่ละสำนักพิมพ์ต้องการลดค่าใช้จ่ายนั่นเอง
3.สำนักพิมพ์ขนาดเล็กจะประสบปัญหามากขึ้น เพราะธุรกิจหนังสือยุคนี้ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการตลาด และร้านหนังสือ ซึ่งสำนักพิมพ์ขนาดเล็กที่ใช้ระบบฝากขายดูจะไม่ราบรื่นนัก เว้นเสียแต่เป็นผลงานที่มีกลุ่มนักอ่านให้การต้อนรับอย่างเหนียวแน่นเท่านั้น จึงจะทำให้สำนักพิมพ์ขนาดเล็กที่พิมพ์หนังสือประเภทนี้อยู่ได้ โดยอาศัยการขายตรง และการขายในระบบออนไลน์ โดยไม่ต้องผ่านบริษัทสายส่ง
4.ถ้ามองถึงวงการหนังสือใน ปี 2557 แล้ว นวนิยายชุดหรือซีรีส์แนวรักหวานซึ้ง น่าจะครองตลอดได้ นอกจากนี้แล้ว ละครทีวีจะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับนวนิยายแนวนี้ เพราะถ้าถูกนำไปสร้างละครทีวี ก็จะส่งผลดีในแง่ยอดขายให้หนังสือแนวนี้มากยิ่งขึ้น นอกจากหนังสือแนวนี้แล้ว หนังสือนวนิยายที่โด่งดังในอดีต จะถูกนำไปสร้างละครทีวีมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็จะมีการนำมาจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้ง สำหรับหมวดหนังสือวรรณกรรมสร้างสรรค์ประเภทเรื่องสั้น และนวนิยายนั้น จะไม่มีอะไรหวือหวา ส่วนหนังสือประเภทกวีนิพนธ์นั้น นอกจากจะเงียบสนิทแล้ว สำนักพิมพ์ยังไม่กล้าเสี่ยงที่จะพิมพ์หนังสือแนวนี้อีกด้วย เพราะกลุ่มคนอ่านมีน้อย เว้นเสียแต่นักกวีจะควักเงินตัวเองมาจัดพิมพ์เท่านั้น
5.หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนด้านต่างๆ จะเติบโตมากขึ้น เช่น หนังสือการเล่นหุ้น การค้าทองคำ การลงทุนธุรกิจระดับต่างๆ เพราะเป็นคู่มือสำหรับผู้แสวงหาการลงทุนในภาวะที่ยังไม่มีอะไรแน่นอนนั่นเอง
6.การระบายหนังสือออกสู่ตลาด และกลุ่มคนอ่านของสำนักพิมพ์ต่างๆ จะมีลัษณะของงานบุ๊คแฟร์มากยิ่งขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นช่องทางในการจำหน่ายหนังสือที่ได้ผล และทำให้สำนักพิมพ์ต่างๆ ยืนอยู่ได้
ทั้งหมดนั้นคือภาพรวมที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง ปี 2557 ซึ่งเป็นการมองภาพโดยรวม และทุกอย่างสามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการผันผวนและความไม่แน่นอนหลายๆ สิ่งหลายๆอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราในขณะนี้
