ภารกิจ ของ CEO ของ Facebook Mark Zuckerberg คือเชื่อมโยงผู้คนทั้งโลก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้ มาร์คได้พูดถึงสิ่งสำคัญในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Harvard โดยได้พูดเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคำว่า “เป้าหมาย” ในชีวิตของคนเรา ทุกคนคงกำลังหาค้นหาตัวเองว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร แต่มาร์คคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ “การสร้างโลกที่ทุกคนรับรู้ถึงเป้าหมาย” เขาสามารถเชื่อมโยงทุกคนบนโลก และทำให้หลายๆ คนค้นพบ และสร้างเป้าหมายของตัวเองได้ จากสิ่งที่เขาสร้างขึ้น และในช่วงปีที่ผ่านมา ตั้งใจกระตุ้นผู้คนให้หันมาอ่านหนังสือมากขึ้น เขาได้แนะนำหนังสือที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คนบนโลก ไว้หลายเล่ม ให้เข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ และเทคโนโลยี มากขึ้น\
1.The Muqaddimah โดย Ibn Khaldun
หนังสือเรื่อง “Muqaddimah” เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิบนฺ คอลดูน เขียนขึ้นในปี 1377 และบันทึกมุมมองในยุคแรกๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สากล อิบนฺ คอลดูน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบิดาแห่งสังคมวิทยายุคใหม่, ประวัติศาสตร์นิพนธ์ และเศรษฐศาสตร์ ขณะที่มีหลายเรื่องที่เชื่อกันในสมัยนั้นและถูกหักล้างในสมัยนี้หลังจากมีความก้าวหน้าไปมากกว่า 700 ปี แต่ก็ยังน่าสนใจอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่าสมัยนั้นเขามีความเข้าใจกันอย่างไร และมุมมองของโลกโดยทั่วไปเมื่อพิจารณาเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2.Why Nations Fail' by Daron Acemoglu and James A. Robinson "Why Nations Fail
หนังสือนี้เป็นผลจากการศึกษากว่าสิบห้าปีของศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดและเอ็มไอที เต็มไปด้วยคำบอกเล่าและตำนานตั้งแต่สมัยโรมันยันศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ที่ครอบคลุมทั้งสถาบันทางด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ จากคนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นบาทหลวง นายทหาร นักการเมือง นักวิชาการ นักข่าว ผู้รอดชีวิต วัยรุ่น พ่อค้าชาวนาหรือกระทั่งชาวบ้านธรรมดา เริ่มตั้งแต่ความวุ่นวายในโรมัน ยุคสมัยรุ่งเรืองของเวนิส ที่ปัจจุบันกลายเป็นเมืองเก่าไปแล้ว ยุคโคลัมบัสค้นพบอเมริกา การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ในอังกฤษ จักรวรรดินโปเลียน ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วยุโรป จนพลิกหน้าประวัติศาสตร์ การปฏิวัติเมย์จิที่ญี่ปุ่น การปกครองของเหมาเจ๋อตงในจีน ที่อาจนำมาสู่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก และความโกลาหลในโซมาเลีย บทสรุปความรุ่งเรืองในหนังสือเล่มนี้ นำเสนอในแง่คิดที่น่าสนใจว่า สถาบันทางด้านการเมืองจะต้องสอดคล้องกับเศรษฐกิจ รัฐบาลกลางมีอำนาจเพียงพอ ส่วนสถาบันเศรษฐกิจต้องเปิดกว้าง ให้โอกาสประชาชนมีส่วนร่วมและสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนใช้ปัญญาและความสามารถเพื่อหาเลี้ยงชีพได้อย่างอิสระ ภายใต้กฎหมายและการรักษากฎหมายที่เอื้อให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน และมีบริการในด้านปัจจัยพื้นฐานอย่างเพียงพอ
3.The Rational Optimist โดย Matt Ridley
เหตุใดการวิพากษ์วิจารณ์และถกเถียงกันได้โดยเสรี จึงเป็นค่านิยมอันพึงปรารถนาของสังคมประชาธิปไตยที่พัฒนาไปเต็มขั้นแล้ว ดังเช่นประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ เหตุผลแรกคือมันส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อกระบวนการสั่งสมความรู้ของสังคมมนุษย์ Matt Ridley นักคิดนักเขียนหัวก้าวหน้าของอังกฤษ เสนอความคิดไว้ในหนังสือ The Rational Optimist** ว่ามนุษย์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสังคมให้มีความเจริญก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและวัฒนธรรมเหนือสัตว์อื่นได้ มิใช่เพราะมนุษย์มีสมองขนาดใหญ่ แต่เป็นเพราะปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "การสังวาสทางสติปัญญา" หรือ mating minds ซึ่งริดลี่อธิบายว่ามันคือการปะทะสังสรรค์และการแลกเปลี่ยนกันทางความคิดและไอเดีย จนเกิดเป็นวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม อันมีกระบวนการไม่ต่างไปจากการคัดเลือกยีนตามหลักทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต นั่นคือการคัดลอก (replicate) กลายพันธุ์ (mutate) แข่งขัน (compete) คัดเลือก (select) และสั่งสม (accumulate) ทางความคิดและไอเดียอย่างไม่รู้จบ ดังนั้น อารยธรรมของมนุษย์จึงเป็นผลมาจาก collective brain ของคนหมู่มาก หาใช่อัจฉริยภาพของจีเนียสเพียงไม่กี่คนไม่
4.Portfolios of the Poor โดย Daryl Collins, Jonathan Morduch, Stuart Rutherford, and Orlanda Ruthven
เป็นหนังสือเล่มแรกที่เจาะลึกถึงวิธีการที่ครอบครัวในกลุ่มคนยากจนที่สุดในโลกใช้ชีวิตกับเงินที่มีอยู่และให้คำตอบที่น่าทึ่งถึงวิธีที่พวกเขาใช้ โดยหนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับวิธีที่ครอบครัวผู้ยากไร้ใช้ชีวิตภายใต้เงินที่มีอยู่จำกัด อีกทั้งยังบอกเล่าถึงไอเดียใหม่ๆในการขจัดความยากจนด้วยการค้นหาและใช้บริการด้านธนาคารเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตมากขึ้น
5.The Varieties of Religious Experience โดย William James
หนังสือที่มีการรวบรวมการบรรยายที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อสำรวจจิตสำนึกทางศาสนาและกลวิธีในการนับถือศาสนา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเป้าหมายในการกระทำต่าง ๆ ทำให้ผู้คนดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
6.Creativity, Inc.โดย Ed Catmull Ed Catmull
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Pixarและเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีในการสร้างอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรก วันนี้เขาเป็นหนึ่งใน CEO ของ Pixar และ Disney Animated Studio เขาเขียนหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ชื่อว่า Creativity, Inc.: Overcoming the Unseen Forces That Stand in the Way of True Inspiration เขียนร่วมกับ Amy Wallcace เป็นหนังสือเกี่ยวกับคำแนะนำในเรื่องของการบริหารจัดการ เล่าเรื่องในแบบที่ให้ดูน่าสนุกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เริ่มเรื่องด้วยการเล่าถึงออฟฟิศอันแสนน่าอยู่ของ Pixar และดึงเราย้อนกลับยังวันที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวของ Pixar วันที่ Ed ยังเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ผู้เปี่ยมด้วยความฝัน Ed เล่าเรื่องของ Pixar ตั้งแต่ยังเป็นแค่ไอเดียที่อยู่ในหัวของเขา จนมาถึงปัจจุบัน ทำให้ข้อคิดดีๆ ในการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ถูกร้อยเรียงออกมาให้เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็ตาม
7. Sapiens โดย Yuval Noah Harari
หนังสือ Sapiens อธิบายว่าอะไรที่ทำให้ Homo sapiens หรือมนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ทั้งที่ก่อนหน้า 70,000 ปีก่อน บรรพบุรุษของเราเป็นสัตว์ที่ “กระจอก” มาก กล่าวคือแทบไม่มีผลกระทบต่อสิ่งใดเลย อาศัยอยู่ในมุมของทวีปอาฟริกา แต่ในช่วงเวลา 70,000 ปีหลังที่ผ่านมา Homo sapiens ได้กระจายไปทวีปอื่น ๆ และครองโลกใบนี้ในที่สุด Harari มีคำตอบให้ว่าอะไรที่ทำให้มุนษย์พวกเราจึงผงาดขึ้นมาในโลก โดยมาทีหลังแต่แซงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดตั้งแต่สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ และเอาชนะลูกพี่ลูกน้องของเราสกุล Homo ไปสิ้น
8.The Structure of Scientific Revolutions โดย Thomas S. Kuhn
บทวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งปรัชญา ประวัติศาสตร์ และการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการค้นคว้าถึงเหตุและผลในการปฏิวัติแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อดีต ประเด็นหลักที่ทำให้ Zuckerberg สนใจคือคำตอบที่ว่าที่จริงแล้ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นพัฒนาการอย่างสม่ำเสมอของวิทยาศาสตร์ หรือมีปัจจัยจากแรงผลักดันทางสังคมกันแน่
9.Dealing with China โดย Henry M. Paulson Jr.
เป็นการเล่า และวิเคราะห์เส้นทางการสร้าง การปฏิวัติ และอนาคตของทุนนิยมแบบจีน จากมุมมองของคนวงใน โดยอดีตผู้บริหาร Goldman Sachs ที่มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับผู้บริหารประเทศโดยตรง รวมถึงประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ด้วย
10.The Beginning of Infinity โดย David Deutsch The Beginning of Infinity
ผลงานของนักฟิสิกส์ David Deutsch ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของความก้าวหน้าของมนุษยชาติตามการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ สัมผัสได้ถึง ศิลปะและวิทยาศาสตร์กับการเมืองและปรัชญา สรุปได้ว่าศักยภาพของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
อ้างอิงจาก : http://read.bi/2sd0llt