เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล : หนังสือดี ๆ สักเล่ม คือพลังบวก และเปลี่ยนชีวิตคนได้

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

เล่มโปรด: ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

หนังสือดี ๆ สักเล่ม คือพลังบวก และเปลี่ยนชีวิตคนได้

 

     “ต้องบอกก่อนนะครับว่า หนังสือที่ผมรัก มันมีทั้งเรื่องของประเภทและช่วงเวลา”

     อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เริ่มต้นบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเล่าถึงหนังสือเล่มโปรดในชีวิต

     ที่เป็นมากกว่าแค่หนังสือ แต่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแสงนำทาง และบางเล่มถึงขั้นกลายเป็นแนวทางในการเล่าเรื่องของตัวเอง

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

 

        “ถ้าจะให้เลือกวรรณกรรมไทยที่รักที่สุดตลอดกาล ผมขอยกให้ ‘คือรักและหวัง’ ของ วัฒน์ วรรลยางกูร ครับ”

         เสียงของอาจารย์เต็มไปด้วยความประทับใจ “เขียนได้สุดยอดมากจริง ๆ เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมในการเล่าเรื่องเลย เพราะมันพูดถึงช่วงเวลารุ่งเรืองและตกต่ำของหนังตะลุง ผ่านตัวละครเด็กผู้ชายที่เป็นความหวังของคุณตา — นักเชิดหนังตะลุง ผู้ฝันอยากให้หลานได้เรียนหนังสือ มีอนาคต”

 

         “วิธีเล่าของคุณวัฒน์ ละเมียดละไมมากครับ อย่างฉากที่เอาตอนอนุมานกับนางเบญกายมาเปรียบ เทียบกับความรักของตัวเอง — อ่านแล้วเหมือนฟังหนังตะลุงจริง ๆ คือเพราะมาก เป็นวรรณกรรมที่กลั่นจากหัวใจเลยนะ”

        เขาหยุดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ผมชอบงานของคุณวัฒน์หลายเล่มนะครับ แต่ถ้าต้องเลือกเล่มเดียว เล่มนี้คือที่สุด รองลงมาก็คงเป็น ‘ปลายนาฟ้าเขียว’ แต่ ‘คือรักและหวัง’ นี่...ผมให้เบอร์หนึ่งเลย”

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

 

       “สำหรับวรรณกรรมต่างประเทศ ผมยกให้ Les Misérables ของ วิกตอร์ อูโก หรือชื่อแปลไทยว่า ‘เหยื่ออธรรม’ ครับ”  

        อาจารย์ปริญญาเล่าด้วยแววตาเป็นประกาย “มันเริ่มจากชายคนหนึ่งเพิ่งพ้นโทษ แล้วไปขอข้าวกินที่โบสถ์ หลวงพ่อให้ที่พักให้อาหาร แต่คืนนั้นเขากลับขโมยเชิงเทียนเงินของโบสถ์ แล้วก็โดนจับได้”

 

       “ถ้าเป็นเราก็คงรู้สึกว่า โธ่...เลี้ยงไม่เชื่องเนอะ แต่หลวงพ่อกลับบอกว่า ให้เชิงเทียนนั้นเขาไปเอง โจรคนนั้นตกใจมากครับ นั่นคือจุดเปลี่ยนชีวิตเลย เขากลับตัวกลับใจ กลายเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่น”

  อาจารย์นิ่งไปชั่วครู่ “เรื่องนี้ทำให้เราเชื่อว่ามนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าได้รับโอกาส”

       “ผมเองทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย ไปอบรมให้กับนักโทษก่อนพ้นโทษ ผมเชื่อเสมอว่า คนเรามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ถ้าเราเปิดโอกาสให้เขา”

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

 

        ส่วนวรรณกรรมจีนที่ฝังอยู่ในใจอาจารย์ตอบโดยไม่ลังเลว่า “ต้อง ‘ฤทธิ์มีดสั้น’ ของโกวเล้ง ครับ ตระกูลฤทธิ์มีดสั้นนี่ไม่ต้องอธิบายอะไรมากเลย สุดยอดจริง ๆ”

        นอกจากนี้อาจารย์ยังมี หนังสือเชิงสารคดีที่เปลี่ยนมุมมองในชีวิตอีกด้วย

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

 

        “ถ้าเป็นหนังสือที่ไม่ใช่วรรณกรรม แต่เป็นเชิงความรู้ ผมขอแนะนำ The Turning Point ของ ฟริตจ๊อฟ คาปรา ครับ ฉบับภาษาไทยแปลโดย พระประชา ปสนฺนธมฺโม ชื่อว่า ‘จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ’ เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมมาก”

        “หนังสือเล่มนี้เก่ามากนะ ตั้ง 40 – 50 ปีมาแล้ว แต่ทำนายอนาคตได้แม่นยำเหลือเชื่อ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่เขาพูดถึงเลย มันเสนอทางออกให้โลกในยุคที่มนุษย์ยังมืดบอดต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ และจิตวิญญาณ เล่มนี้คือ ‘เปิดตา’ ผมเลย

        เขาเล่าต่อ “อีกเล่มคือ The Tao of Physics หรือ ‘เต๋าแห่งฟิสิกส์’ ก็ของฟริตจ๊อฟ คาปรา อีกเหมือนกัน “หนังสือเล่มนี้เอาวิทยาศาสตร์กับศาสนามาร้อยเรียงกันได้อย่างทรงพลังมาก อ่านแล้วกระจ่างทั้งในแง่ศาสนาและฟิสิกส์สมัยใหม่ไปพร้อมกัน มันพาเราข้ามจากวิทยาศาสตร์เข้าสู่ศาสนา แล้วทำให้เราเห็นว่า

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

         

          จริง ๆ แล้วสิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดไว้เมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว มันสอดคล้องกับทฤษฎีควอนตัมยุคใหม่ยังไง มหัศจรรย์มากครับ” 

 

           “ผมว่า หนังสือดีเล่มหนึ่ง ๆ เปลี่ยนชีวิตคนได้ และไม่ได้แค่ทำให้เราฉลาดขึ้น แต่มันทำให้เราเป็นคน”

           คำพูดของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจฟังดูธรรมดา แต่เมื่อฟังเขาเล่าอย่างลุ่มลึกถึงหนังสือที่เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด และกลายเป็นแนวทางในชีวิตของเขา เราก็อดเชื่อไปด้วยไม่ได้ว่า—หนังสือหนึ่งเล่ม อาจจุดประกายทั้งชีวิตของใครคนหนึ่งได้จริง ๆ

 

 

           “วรรณกรรมเยอรมนีก็เป็นหนังสือที่ผมชอบมากเช่นกัน เพราะผมไปเรียนที่เยอรมนี 8 ปี ได้อ่านหนังสือเยอรมนีเยอะมาก และสิ่งที่น่าสนใจมากคือ พอเราได้อ่านวรรณกรรมเยอรมนีที่เป็นต้นฉบับ มันเหมือนได้ลิ้มรสอาหารจากมือเชฟต้นตำรับ อย่าง แนวรบด้านตะวันออก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ตอนผมอ่านฉบับแปลไทยก็ว่าสุดยอดแล้ว แต่พอไปอ่านฉบับเยอรมนี มันลึกซึ้งกว่าเยอะ แม้แต่ระบบมาตรวัดก็ยังแปลต่างเลยครับ—เยอรมนีกับไทยใช้เมตร กิโลกรัม ฯลฯ แต่พอแปลเป็นอังกฤษ ก็เปลี่ยนเป็นฟุต เป็นไมล์ รสชาติเปลี่ยนเลยครับ

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

         

          “หรืออย่าง เอมิล ยอดนักสืบ ที่โรงเรียนเคยให้ผมอ่านตอนเด็ก พอไปอ่านฉบับเยอรมนีถึงรู้ว่ามันมีภาคสองนะครับ ซึ่งยังไม่มีใครแปล ผมนี่คันไม้คันมือเลย อยากแปลเองเสียให้ได้!”

          นอกจากนี้อาจารย์ปริญญายังชอบอ่านหนังสือแนวไซไฟ อาจารย์เล่าว่า…

 

         “ผมชอบเพราะมันใช้จินตนาการสูงมาก ๆ แล้วมันเป็นจินตนาการที่มีพลังสร้างสรรค์ อย่างของ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก, ไอแซค อาซิมอฟ, ฟิลิป เค. ดิก แต่ถ้าต้องเลือกเล่มเดียวจริง ๆ ผมยกให้ Rendezvous with Rama หรือ มีนัดกับพระราม ของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก

          “เรื่องนี้พูดถึงวัตถุประหลาดขนาดยักษ์จากนอกระบบสุริยะที่โคจรเข้ามาแล้วก็จะจากไป มนุษย์ส่งยานไปสำรวจ และตั้งชื่อวัตถุนั้นว่า ‘พระราม’ ซึ่งจริง ๆ แล้วเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นจริง คือมีวัตถุปริศนาเข้ามาในระบบสุริยะและจากไป ทำให้คนตั้งคำถามว่า นี่มันจะเป็นยานอวกาศจริง ๆ หรือเปล่า เหมือนที่คลาร์กเขียนไว้เป๊ะเลย”

 

เปิดเล่มโปรด ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

 

         “เชื่อไหมครับ ผมเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตยจากนิยายไซไฟของไอแซก อาซิมอฟ ในนิยายของเขามันมีประโยคหนึ่งที่ติดอยู่ในหัวผมตลอด เขาบอกว่า ‘ประชาธิปไตยไม่ใช่กฎธรรมชาติ มันต้องเรียนรู้ ต้องฝึกฝน’ เออ ใช่ มันจริงที่สุดเลย ประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้นมาแค่เพราะมีรัฐธรรมนู

         แม้แต่นิยายคาวบอยของ หลุยส์ ลามูร์ ก็สอนอะไรบางอย่างที่หนังสือเรียนไม่เคยบอก “ผมเรียนรู้ระบบลูกขุนของอเมริกาจากนิยายของเขานี่แหละ ว่าทำไมผู้พิพากษามาจากการเลือกตั้ง ทำไมต้องมีลูกขุน เขาไม่ได้สอนแบบตรง ๆ นะ แต่แบ็กกราวนด์ของเรื่องมันเล่าชีวิตจริงไปด้วย ทำให้เข้าใจ”

 

          “หนังสือดี ๆ สักเล่ม คือจิตวิญญาณของคนฉลาดที่เราหยิบมาอ่านได้ทุกเมื่อ”

           “อาจารย์ป๋วย อึ้งภากร ท่านเคยบอกว่า วิธีทำให้ฉลาดมีแค่สองทาง หนึ่งคือพูดคุยกับคนฉลาด และสองคืออ่านหนังสือ ฉะนั้นถ้าเราอ่านหนังสือที่เขียนโดยคนฉลาด — โอ้โห เราได้ทั้งสองทางเลยครับ หนังสือมันไม่ใช่แค่ถ่ายทอดข้อมูล แต่มันคือจิตวิญญาณของคนเขียนที่ถูกกลั่นมาอย่างเข้มข้น

 

          “หนังสือไม่ใช่แค่ทำให้เราฉลาดขึ้น แต่มันทำให้เราเป็นคนด้วยครับ เป็นมนุษย์ที่รู้จักฝัน มีจินตนาการ และมีความหวัง — ว่าสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ มันจะดีกว่านี้ได้”

          “สำหรับผม การอ่านไม่ใช่กิจกรรมเพื่อพักผ่อนอย่างเดียว มันคือการเดินทาง การเรียนรู้ การฝึกคิด และบางครั้ง มันก็คือการได้สนทนากับคนฉลาดที่สุดในโลก”

 

Writer

Trikid Intarakantee