เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล : จากวันที่เกือบล้ม...จนสร้างธุรกิจโตได้กว่าร้อยล้าน

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

บริษัท เซ็นเตอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกมากว่า 30 ปีแล้ว มีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่กว่าที่บริษัทจะเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เพิ่งเปิดกิจการใหม่ๆ ก็ต้องเจอกับ ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจในประเทศ และยังมีเหตุการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะเลวร้าย คนจำนวนไม่น้อยต้องตกงาน และหลายบริษัทต้องปิดกิจการลง แต่อย่างไรก็ดี ภายใต้วิสัยทัศน์อันเฉียบแหลมและการบริหารที่มองการณ์ไกลของคุณสุรชัย โสตถีวรกุล ก็ทำให้บริษัทฟันฝ่าทุกวิกฤตและประสบความสำเร็จจนขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการอุตสาหกรรมกระดาษลูกฟูกได้ วันนี้ The Reader เลยจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับคุณสุรชัย และสอบถามถึงจุดเริ่มต้นของกิจการ รวมถึงเคล็ดลับการบริหารงานที่ทำให้กิจการมั่นคงมาได้ถึงวันนี้

 

“ผมเรียนจบปริญญาตรีเมื่อปี 2520 ก็เริ่มจากการทำงานในบริษัททั่วไป ก็คือเป็นลูกจ้างนั่นแหละครับ ตอนนั้นทำในโรงงานผสมอาหารสัตว์ จนปี 2525 ได้เข้าไปทำงานเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก เป็นบริษัทคนจีน สมัยนั้นคนจบปริญญาตรีอยู่วงการนี้น้อยมาก ตอนนั้นผมมีวุฒิปริญญาตรี ก็ทำตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงาน ต้องจัดการทั้งหมดตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการผลิตให้ทันกำหนด ก็เติบโตเก็บประสบการณ์มา ทำได้สักสี่ห้าปีผมก็ย้ายงานไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอีกที่หนึ่ง ไปดูแลเกี่ยวกับลูกฟูกเหมือนกัน เขาให้ผมไปดูโปรเจ็กต์ใหม่ ไปขึ้นโรงงานใหม่ครับ”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

มาเริ่มต้นทำบริษัทบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกของตัวเองได้อย่างไร

“สมัยก่อนโรงงานกระดาษลูกฟูกมันน้อยครับ ออเดอร์ที่เกินกว่าหมื่นใบนี่เขาบริการเป็นเลิศ แต่ออเดอร์ที่ต่ำกว่าหมื่นใบเขาไม่ค่อยสนใจ เพราะออเดอร์ใหญ่ๆ ยังทำแทบไม่ทันเลย ถ้าออเดอร์ต่ำกว่าหมื่นบางทีต้องเข้าคิวรอสิบวัน ยี่สิบวัน สามสิบวัน ซึ่งผมมองว่าพวกออเดอร์ที่ต่ำกว่าหมื่นนี่ Margin มันสูง ผมคิดว่าถ้ามี SME มาทำตรงนี้ก็จะดี ผมเลยเขียนแผนธุรกิจขึ้นมาแล้วก็เอาไปเสนอกับเพื่อนที่เรียน Mini MBA ธรรมศาสตร์ด้วยกัน พอเพื่อนตกลงทำด้วยผมก็ลาออกจากงานมาเริ่มทำบริษัท ตอนนั้นผมตั้งเป็นบอร์ดบริษัทเลยนะ มี 14 คน นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการทำบริษัท เซ็นเตอร์ คอนเทนเนอร์ ขึ้นมาในปี 2538 แต่กว่าโรงงานจะเสร็จก็ปี 2539 กว่าจะรันงานก็ปี 2540 ครับ”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

ทราบมาว่าพอบริษัทเปิดปุ๊บก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจเลย?

“โอ้โห แจ๊กพอตมาก วิกฤตต้มยำกุ้ง ผมจำได้เลยปี 2540 เนี่ย วงเงินที่ผมเคยขอจากธนาคาร 70 ล้าน ผมใช้ไปแค่ 50 กว่าล้านเอง วงเงินผมยังใช้ไม่หมด พอเกิดวิกฤตธนาคารตัดเงินฉัวะเลย ผมถามทำอย่างนี้ได้ยังไง แบบนี้ Cash Flow ผมก็แย่สิ เขาบอกผมว่าเพราะความเสี่ยงสูง ถ้าจะใช้ที่เหลือด้วยก็ต้องคิดดอกเบี้ยแพงขึ้น ช่วงนั้นผมเหนื่อยมาก พยายามหมุนเงินอยู่ปีกว่า ค่อยๆ เอากำไรมาทบๆๆ จนรอด ผมลุยขายทุกกลุ่มที่ออเดอร์ต่ำ ลูกค้าไปสั่งสินค้าที่ไหนต้องรอสิบวันยี่สิบวัน ผมบอกเลยถ้ามาสั่งซื้อที่ผมห้าถึงเจ็ดวันคุณได้ของแน่นอน เชื่อไหม หลังจากนั้นบริษัทผมเติบโตแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ปีเดียวร้อยล้าน สี่ปีติดต่อกันเราเติบโตห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมยังจำได้จนบัดนี้เลย ในอดีตผมจงรักภักดีกับธนาคารนั้นธนาคารเดียว แต่วิกฤต 2540 สอนผม ตั้งแต่นั้นผมไม่ใช้บริการแค่ธนาคารเดียวอีกเลย ถึงบัดนี้ผมใช้บริการอยู่ 5 ธนาคาร”

 

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

ช่วงโควิดที่ผ่านมาเจอวิกฤตหนักเท่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้งไหม

“ไม่เหมือนกันครับ ตอนต้มยำกุ้งเราคอนโทรลไม่ได้เลย แต่โควิดเราคอนโทรลได้ ผมสั่งวัคซีนฉีดให้พนักงานทุกคนเลย ผมซื้อฟ้าทะลายโจรกับอ้วยอันเป็นหมื่นเม็ดแจกพนักงาน แล้วก็บอกให้พวกเขาไปบอกครอบครัวของเขาด้วยว่าบริษัทจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่มีการลดเงินเดือน จะไม่มีการให้หยุดงาน ATK ผมก็ให้ตรวจทุกวัน แม้กระทั่งคนที่ต้องขับรถไปส่งของให้ลูกค้าผมก็ให้ไปตรวจ RTPCR ที่โรงพยาบาล พอตรวจแล้วหมอจะออกใบปลอดโควิดให้ หนึ่งเดือนก็ต้องเปลี่ยนหนึ่งฉบับ ผมให้ตรวจเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าคนของเราปลอดภัย สมัยก่อนตรวจทีสองพันผมก็จ่ายให้ หน้ากากอนามัยเราก็มีแจกทุกวัน เรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ผมดูแลอย่างดี ผมทำแบบนี้งานมันถึงยังเดินหน้าต่อได้ไง ไม่งั้นถ้าพนักงานหายไปสิบคนบริษัทผมตายแล้ว คนหายากเราก็ต้องดูแล ซึ่งเราก็ดูแลกันจนผ่านมาด้วยดีครับ”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

ท่านมีแนวคิดในการบริหารธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตและเติบโตขึ้นได้อย่างไร

“การบริหารองค์กรมันต้องมองกรอบภายในกรอบภายนอก ภายในก็คือพนักงานเรา เราต้องวางกรอบภายในให้มั่นคงก่อนค่อยไปจัดการภายนอก บริษัทผมต้องการเป็นเล็กแต่แจ๋ว ต้องการให้ระบบภายในเป็นแบบเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ แต่เราทำภายใต้ SME ผมใช้เวลาปรับโครงสร้างเกือบสามปีนะ สิ่งที่ลำบากมากคือการพัฒนาเซลส์ให้เขามีแนวคิด เราจะต้องศึกษาลูกค้า ต้องเข้าใจลูกค้า ถ้าคุณมีงานแนวเดียวไปเสนอโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกค้าชอบอะไรแบบไหนมันก็ยาก ตอนนั้นผมเลยคิดว่าต้องทำธุรกิจแต่ละกลุ่มแบบสูทสั่งตัด บริษัทนี้ต้องตัดสูทประเภทนี้ บริษัทนั้นต้องตัดสูทประเภทนั้น แล้วให้เซลส์เราขายตามนี้เลย เป็นปีนะพัฒนาคนเนี่ย ผมจัดตั้งเทรนเซ็นเตอร์เลย ผมเทรนเอง เทรนคนของเราให้อยู่ในแนวเรา หมดไปสามสี่ปีเหมือนกันนะ แต่ยอดขายเราก็โต แต่โตแบบไม่หวือหวา”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

ปัจจุบันมีบริษัทกระดาษลูกฟูกเกิดใหม่เยอะขึ้น ท่านมีวิธีบริหารอย่างไรให้ลูกค้ายังเลือกใช้บริการกับเรา

“ผมไม่เคยคิดว่าต้องไปแข่งกับคู่แข่งนะ ผมมองว่าคู่แข่งเป็นแค่ตัวเปรียบเทียบนิดหน่อยเอง แต่เราไม่ได้จะไปแข่งขันอะไรกับเขา ทุกปีผมจะให้ลูกค้าประเมินบริษัทผม ไม่พอใจอะไรบอกได้เลย จะส่งช้า ส่งผิด หรืออะไรบอกได้หมด พอลูกค้าบอกผมก็เอามาปรับปรุง ถ้าเราทำดีแล้วคุณคิดว่าลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่นไหมล่ะ คุณต้องมองว่าสิ่งที่คุณบริการเขา เขาพอใจหรือเปล่า ถ้าเขาพอใจเขาย่อมซื้อซ้ำกับคุณ ถ้าเขาไม่พอใจเขาก็ย่อมไม่ซื้อซ้ำกับคุณ ตรงนี้คุณต้องสำรวจตัวเองตลอดเวลา ประเมินลูกค้าตลอดเวลา อย่างบริษัทผมจะให้ลูกค้าประเมินเราทุก 6 เดือน พอรู้ปัญหาเราก็จะแก้ Pain Point ได้ตรงจุด นโยบายของบริษัทผมคือบริการนำ คุณภาพตาม ราคาแข่งขันได้”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

กระแส Sustainability เริ่มเข้ามามีบทบาทในหลายธุรกิจ ทางบริษัทตอบรับกับกระแสนี้อย่างไรบ้าง

“บริษัทผมได้มาตรฐาน ISO 9001 การบริหารงานองค์กรภายในแล้ว และได้ ISO 14001 เป็นการบริหารสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรเพื่อตอบสนองลูกค้า ซึ่งเราได้มาตั้งหลายปีแล้วครับ ถ้าพูดถึงภายใน เราพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรตลอดเวลา ทั้งตัวผมเองและบุคลากรทุกระดับในองค์กรว่าต้องตอบสนองลูกค้าอย่างไร แล้วเราก็ทำเป็นแผนปฏิบัติเพื่อไม่ให้คุณภาพหลุด ผมให้นโยบายว่าบริษัทเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา บ้านหลังที่หนึ่งคือที่อยู่อาศัยหลับนอนสำหรับครอบครัว บ้านหลังที่สองก็คือที่นี่ ให้อาชีพคุณ ให้คุณมีรายได้ที่ยั่งยืน แล้วเราก็ยังให้เรื่องธรรมาภิบาล ให้เรื่องธรรมะ ทุก 6 เดือนเราจะนิมนต์พระมาเทศน์ให้พวกเขาฟัง ในวันที่ฟังเทศน์เราก็ทำทานด้วยนะ วันนี้ฟังเทศน์ ไม่ตัดค่าแรง ผมก็เลี้ยงข้าวพวกเขาด้วย ซึ่งทุกคนก็แฮปปี้ พอเขาแฮปปี้เขาก็ตอบสนองต่อบริษัทดี เราอยู่กันแบบนี้ครับ สิ่งเหล่านี้แหละผมคิดว่าคือ Sustainability ที่แท้จริงทั้งภายนอกและภายในครับ”

 

เปิดแนวคิดนักธุรกิจต้นแบบ สุรชัย โสตถีวรกุล

 

อยากให้ท่านช่วยแนะนำว่าควรบริหารธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

“ผู้ประกอบการจะต้องรู้ก่อนว่าตัวเองขาดทักษะอะไร พอเรารู้เราก็ไปเสริมความรู้ การจะเป็นผู้ประกอบการควรต้องรู้ทุกกรอบที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ เช่นธุรกิจนี้เรารู้แค่เรื่องขายอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องรู้กรอบกว้างๆ ของบัญชีการเงินด้วย รู้กรอบกว้างๆ ของโลจิสติกส์ว่าต้องทำอะไร รู้กรอบกว้างๆ ของเทคโนโลยีว่าเอาไปทำอะไร เพราะฉะนั้นคุณจะทำธุรกิจอะไรคุณต้องศึกษา คุณต้องรู้ลึกซึ้งในกิจการของคุณอย่างแท้จริง นอกจากฮาร์ดสกิลแล้วคุณต้องมีซอฟต์สกิลด้วย และคุณต้องเทรนนิ่งลูกน้องของคุณ ไม่ใช่ว่าเรารู้หมดแต่ลูกน้องไม่รู้นะ ลูกน้องต้องรู้ด้วย และคุณต้องสร้างความอุ่นใจให้ลูกค้าโดยเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาสินค้าของคุณเป็นตัวตั้ง เอาลูกค้าเป็นตัวตั้งว่าสินค้าเราตอบโจทย์ลูกค้าไหม ติดตรงไหนเราก็เอามาปรับเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้า และที่สำคัญคุณต้องมีธรรมาภิบาลด้วย ถ้าคุณได้กำไรจากเขาแล้ว คุณต้องให้ความพึงพอใจกับเขาด้วยว่าคุณแฟร์เกมกับเขา นี่คือสิ่งที่อยากฝากถึงผู้ประกอบการทุกคนครับ”

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์บริษัท เซ็นเตอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด

 

Writer

Au Thitima

Content Creator ผู้รักในการอ่าน ชอบในการเขียน และคลั่งไคล้สัตว์สี่ขาที่เรียกว่าแมว