เติบโตเข้าปีที่สองแล้วสำหรับสำนักพิมพ์อะโวคาโดบุ๊กส์ (Avocado Books) ตลอดสองปีมีผลงานหนังสือเล่มออกมาสู่สายตาผู้อ่านแล้วกว่า 17 ปก ด้วยงานที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเองจึงทำให้อะโวคาโดบุ๊กส์กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้อ่านจนทำให้หนังสือหลายเล่มติด Best Seller วันนี้เราเลยจะพาทุกท่านไปพูดคุยกับ คุณทอม จักรกฤต โยมพยอม บรรณาธิการเจ้าของสำนักพิมพ์ ถึงแนวคิดการบริหารและที่มาที่ไปที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดสำนักพิมพ์ชื่อน่ารักๆ อย่างอะโวคาโดบุ๊กส์
“จุดเริ่มต้นของสำนักพิมพ์เพราะอยากทำแค่นั้นเลยครับ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น และเรารู้สึกว่า ณ ปัจจุบันหนังสือในแนวแบบที่เราชอบมันมีน้อยมาก มีน้อยในที่นี้หมายถึงว่าบางสำนักพิมพ์ที่เคยทำก็ไม่ทำหนังสือแล้ว ปิดตัวไปแล้ว เหลือสำนักพิมพ์ที่ทำหนังสือแนวนี้อยู่น้อยมากเลย แล้วเรามีเพื่อนๆ ที่มีเรื่องดีๆ มีเรื่องน่าเล่าน่าถ่ายทอดเยอะ และเขาก็เป็นคนมีสกิลในการถ่ายทอด เราก็มักจะแนะนำให้เขาลองเขียนแล้วส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์นั้นสิ สำนักพิมพ์โน้นสิ แต่พอเดี๋ยวนี้สำนักพิมพ์ค่อยๆ เลิกกันไป เหลือแค่ไม่กี่สำนักพิมพ์ที่ทำหนังสือแนวนี้ ถ้าส่งไปให้พิจารณาคิวยาวแน่นอน ยิ่งเพื่อนเราบางคนไม่ได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่คนแบบที่พูดชื่อแล้วรู้จัก โอกาสที่จะถูกมองเห็น โอกาสที่จะถูกหยิบมาพิจารณามันก็ยิ่งน้อยไปอีก ก็เลยตัดสินใจว่าเปิดเองเลยแล้วกัน แล้วก็ชวนเพื่อนนี่แหละมาเขียน”
ตอนนั้นยังมีประสบการณ์ทำหนังสือไม่มากเราเริ่มต้นยังไงก่อน?
“เอาจริงตอนเริ่มนี่แบบแบล็งค์มากเลย แทบไม่มีข้อมูลความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำสำนักพิมพ์เลย สิ่งที่พอจะมีอยู่ในหัวก็คือ เราเคยออกพ็อกเก็ตบุ๊กมาเล่มหนึ่งกับสำนักพิมพ์ a book ครับ ตอนนั้นมันก็ทำให้เราพอจะมีข้อมูล คือถ้าเป็นมุมมองของนักเขียนเราเห็นอะไรบ้าง เราเห็นกระบวนการทำงานยังไงบ้าง อ๋อ เขาทำกันแบบนี้ เวลาเราส่งต้นฉบับไปเขาทำแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เราเห็น แล้วตอนเริ่มทำก็มีหุ้นส่วนครับ เป็นเพื่อนเป็นรุ่นพี่ที่เขียนหนังสือจากสำนักพิมพ์เดียวกันนี่แหละครับ ก็มาช่วยเซ็ตอัพ ช่วยคิด ช่วยวางแผนต่างๆ ด้วยความที่การทำสำนักพิมพ์นี้มันค่อนข้างจะมีความบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ประมาณหนึ่งอะครับ มันก็มีบางส่วนที่แบ่งงานกันชัดเจน แต่บางส่วนก็จะเป็นแบบช่วยๆ กัน เช่นมีคนหนึ่งที่จะดูเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาการใช้ภาษาต่างๆ อีกคนหนึ่งก็ดูเรื่องเนื้อหาด้วยเรื่องงานอาร์ตด้วย อีกคนดูเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนการตลาด แต่มันก็เป็นการแบ่งแบบคร่าวๆ นะครับ พอทำงานจริงๆ ปั๊บเราก็ค่อนข้างจะช่วยกันดูในหลายๆ ส่วน”
วางคอนเซ็ปท์หรือแนวทางของอะโวคาโดบุ๊กส์ไว้ยังไง
“คือเราเป็นคนที่ชอบทั้งความสนุก ชอบความบันเทิง และก็ชอบสาระ เราเลยตั้งใจจะทำหนังสือที่มันกระตุ้นให้คนได้คิดหรือได้ความรู้ ซึ่งสิ่งที่เราทำ ถ้าเป็นหนังสือแนวสาระความรู้ อย่างน้อยมันจะต้องอ่านสนุก ต้องย่อยง่าย คือเราเอาตัวเองเป็นเกณฑ์ว่าเราอยากอ่านความรู้ที่มันสนุก และอีกจุดประสงค์ตั้งต้นของสำนักพิมพ์คือเราจะชวนคนรู้จักมาเขียนหนังสือ เป็นการพาเพื่อนของเรามาให้คนรู้จัก คุณสมบัติข้อแรกของนักเขียนสำนักพิมพ์นี้คือต้องรู้จักกันก่อน ต้องเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นสิ่งที่ต่อยอดมาจากแนวคิดตรงนั้นก็คือโลโก้และมาสคอตของสำนักพิมพ์ที่จะเป็นสีสันสดใสแล้วก็เป็นตัวการ์ตูนที่ชื่อว่า ‘น้อนโด้’ เป็นตัวคาแรกเตอร์ที่มีทั้งอะโวคาโดผสมกับสิ่งมีชีวิตชนิดไหนก็ไม่รู้ที่มันก็มีความสนุกสนาน นี่คือสิ่งที่เราวางไว้ เพราะว่าตั้งใจจะทำให้สำนักพิมพ์นี้เฟรนด์ลี่ เข้าถึงง่าย คือพอคนพูดถึงหนังสือจะมีคนบางกลุ่มที่มองว่าหนังสือคือสิ่งที่มันเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวกเนิร์ด เฉพาะคนที่แบบเคร่งเครียด แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนสามารถจะอ่านหนังสือได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม หนังสือมีหลากหลายแนว หลากหลายสไตล์ เราก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากอ่านอะไรที่มันมีสาระความรู้ มีข้อคิดแต่สนุกครับ”
ทำไมถึงตั้งชื่อว่าอะโวคาโดบุ๊กส์ (Avocado Books)
“ถ้าถามว่าทำไมถึงชื่ออะโวคาโดบุ๊กส์ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ผมรู้สึกว่ามันอร่อย แล้วมันก็เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ครับ เวลาใครจะนึกถึงผลไม้ที่มีประโยชน์ก็จะนึกถึงอะโวคาโด แล้วอะโวคาโดนี่มันสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่างทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน นั่นแหละครับ ก็เหมือนกับอะโวคาโดบุ๊กส์ที่มีทั้งสาระความรู้แล้วก็มีความบันเทิงมอบให้กับทุกคน อันนี้คือเหตุผลออกสื่อ แต่จริงๆ ก็คือชอบกินแค่นั้นแหละ (หัวเราะ)”
คัดเลือกต้นฉบับที่จะนำมาเป็นผลงานเปิดตัวยังไง
“เล่มแรกสุดจริงๆ เลยคือเล่ม ‘167 เฉพาะกิต’ ครับ คนเขียนก็คือน้องกฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ นักร้องนำวง Three Man Down ครับ ตอนจะเริ่มทำเล่มแรกเราก็คิดว่าจะทำหนังสืออะไร จะเขียนเองตอนนั้นก็ยังไม่ได้รู้สึกอยากเขียน เราก็มาคิดว่าใครที่เรารู้จักและสามารถชวนมาเขียนได้ ซึ่งการที่เราเริ่มทำใหม่ๆ แบบแรกสุด เรายังไม่มี portfolio ใดๆ เรายังไม่เคยทำให้ใคร นั่นแปลว่าคนที่จะสามารถมาเป็นนักเขียนให้เราได้อย่างน้อยต้องรู้จักกัน ต้องสนิทกันในระดับที่เขาเชื่อใจว่าเราจะสามารถสร้างสรรค์งานของเขาออกมาได้ และพอเป็นเล่มแรกเราก็ต้องคาดหวังเรื่องความเป็นที่รู้จักประมาณหนึ่ง ซึ่งคนหนึ่งที่เป็นตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ก็คือน้องกิตที่ตอนนั้นเพลงก็ดังมาก และเราก็รู้ว่ากิตเขียนเก่งมาก เวลาที่กิตจะเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ คือเขียนได้แบบยาวและอ่านแบบไหลลื่นมาก ก็เลยชวนกิตมาเขียนจนเป็นผลงาน 167 เฉพาะกิตครับ”
ตอนนั้นเปิดตัวแล้วฟีดแบ็คเป็นยังไงบ้าง
“ฟีดแบ็คถือว่าดีมากเลยครับ เพราะว่ากิตก็ฐานแฟนแน่นอยู่แล้วนะครับ แล้วคือเราตั้งใจว่าจะทำให้หนังสือเล่มนี้มันตอบโจทย์ทั้งกับคนที่ชอบกิต และคนที่ไม่ได้คลั่งไคล้เป็นแฟน คนที่เป็นนักอ่านทั่วไป ซึ่งเราก็ได้ฟีดแบ็คมาจากทั้งสองฝ่ายเลย สำหรับคนที่เป็นแฟนกิตอยู่แล้วก็ชอบมากที่หนังสือเล่มนี้ขุดสิ่งที่อยู่ในใจในความรู้สึกของกิตหลายอย่างออกมา ในสิ่งที่กิตไม่เคยเล่าที่ไหน กิตก็มาเขียนเล่าในหนังสือเล่มนี้ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามเป็นแฟนคลับกิต เวลาที่เขาอ่าน สิ่งที่เห็นก็คือ เขาบอกว่าหนังสือเล่มนี้มันเปิดแนวคิดมุมมองอะไรหลายๆ อย่างให้เขา เพราะว่าในหนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องมุมมองต่างๆ ของกิตต่อสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ ทั้งเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมวัฒนธรรม หรือว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวทั้งเรื่องของแวดวงดนตรี แวดวงการแสดง หรือย่านที่เติบโตขึ้นมาแถบเยาวราชอะไรต่างๆ นั่นแปลว่าหนังสือเล่มนี้มันก็ตอบโจทย์ได้กับทุกฝ่ายครับ เล่มนี้ก็มีพิมพ์ทั้งเวอร์ชั่นปกแข็งแล้วก็เวอร์ชั่นปกอ่อนครับ”
เดี๋ยวนี้คนอ่านหนังสือออนไลน์กันเยอะ ทำไมอะโวคาโดบุ๊กส์ถึงไม่ทำ e-book
“อะโวคาโดบุ๊กส์ทำออฟไลน์อย่างเดียวเลยครับ ไม่มีออนไลน์ หนังสือมีแต่หนังสือเล่มแบบเป็นกระดาษเท่านั้น ยังไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปในแวดวง e-book เลย เพราะก็รู้สึกว่าเราชอบอ่านหนังสือเล่ม แล้วก็อยากให้คนอ่านหนังสือเล่ม ผมว่าการทำหนังสือมันก็ยังเป็นสิ่งที่ยังอยู่ไปได้อีกยาวๆ อย่างในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ผ่านมาเราก็จะเห็นว่ายอดคนเข้างานก็ยังเยอะมาก ยอดคนที่เข้ามาที่บูธมาเลือกซื้อหนังสือก็ยังเยอะมาก ณ ตอนนี้ยอดขายแต่หนังสือเล่มมันก็ไม่ได้แย่ ตราบใดที่คอนเทนต์ของเราเป็นสิ่งที่มีค่า การเลือกต้นฉบับหนังสือมาพิมพ์แต่ละครั้งแน่นอนว่าเราก็คิดเหมือนกัน สิ่งที่เราจะเอามาพิมพ์มันคือสิ่งที่ในออนไลน์ไม่มี ถ้าอยากอ่านสิ่งนี้ ถ้าอยากจะรู้สิ่งนี้ ต้องซื้อหนังสือเป็นเล่มจากอะโวคาโดบุ๊กส์เท่านั้นครับ หรือคอนเทนต์บางอย่างในหนังสือมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นความรู้ทั่วไป เราก็จะใช้กลวิธีเล่าเรื่องใหม่ให้มันน่าสนใจมากขึ้น ให้มันเข้าถึงคนได้มากขึ้น นั่นแปลว่าถ้าจะอ่านหนังสือของอะโวคาโดบุ๊กส์ สิ่งที่คุณจะเจอคือเนื้อหาที่ไม่มีอยู่ในออนไลน์ หรือถ้าเนื้อหามันมี กลวิธีการสื่อสารจะไม่เหมือนกัน”
จุดเด่นของอะโวคาโดบุ๊กส์คืออะไร
“มันคือความเข้าถึงง่าย คือหนังสือทุกเล่มของเราเข้าถึงง่ายหมดเลย อย่างเช่นเล่มของอาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เรื่อง ‘มนุษย์ต่างด้าว เรามาอย่างสันติ’ คือพอพูดถึงอาจารย์ปวินปั๊บ ภาพในหัวของหลายคนคือเป็นนักวิชาการด้านการเมืองที่ปากคอเราะราย ฝีปากกล้า บางคนถ้าไม่รู้จักก็จะรู้สึกว่าแกน่ากลัว ไม่กล้าคุยไม่กล้าเข้าหา แต่โชคดีผมบังเอิญได้ไปเจออาจารย์ที่นิวยอร์ก อาจารย์คุยแบบเล่าเรื่องอะไรต่างๆ สนุกจังเลย ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองแต่ว่าเราเห็นอาจารย์ในมิติอื่น ในมิติของความเป็นมนุษย์ เป็นคนธรรมดาสามัญที่แบบ โอ้โห อาจารย์ตลกจัง เล่านั่นเล่านี่เล่าอะไรก็ตลก ก็เลยชวนอาจารย์มาเขียน ก็เลยกลายเป็น ‘มนุษย์ต่างด้าว เรามาอย่างสันติ’ ก็คืออาจารย์บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของอาจารย์ ทั้งตอนที่เป็นนักศึกษาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนไปเป็นทูต ตอนไปเป็นอาจารย์ในประเทศต่างๆ แบบนี้ครับ แล้วมันก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้คนได้รู้จักแล้วก็เข้าใจอาจารย์ปวินมากขึ้น แล้วก็จะรู้เลยว่าอาจารย์ปวินไม่ใช่คนที่น่ากลัวนะครับ อาจารย์ใจดีมาก อาจารย์น่ารักมาก นั่นแหละครับผม คือเรารู้สึกว่านี่คือจุดเด่นของเรา คือการทำให้หนังสือแต่ละเล่มมันเข้าถึงง่าย ทุกเล่มคืออ่านง่ายอ่านสนุก ไม่ต้องกลัวว่าหนังสือของอะโวคาโดบุ๊กส์จะอ่านยากเลย”
ปัจจุบันนอกจากต้นฉบับจากเพื่อนแล้วได้เปิดรับต้นฉบับจากนักเขียนอื่นๆ ด้วยไหม
“พอเราทำมาได้สองปีแล้วเราก็รู้สึกว่าเรามีทักษะในการผลิตหนังสือมากขึ้น ตอนนี้เราเลยเปิดรับต้นฉบับจากคนอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนเรามาก่อน ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วย เพราะเหมือนกับว่าตอนแรกที่เรายังไม่ได้รับต้นฉบับของคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนเรา เพราะว่าเรากลัวว่าจะดูแลต้นฉบับให้เขาไม่ดี คือเราเองก็เคยออกหนังสือเรารู้ว่าต้นฉบับนี้คือลูกเรา เราก็อยากจะให้อยู่ในมือของคนที่ดูแลลูกเราเป็นอย่างดี ช่วงแรกเรายังไม่มั่นใจว่าเราจะดูแลลูกคนอื่นได้ดีไหม ก็เลยขอเลี้ยงลูกเพื่อนก่อน พอเราเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น โอเค ส่งมาเลยจ้า เปิดรับต้นฉบับลูกคนอื่น ไม่ต้องเป็นเพื่อนก็ส่งมาได้เลยครับผม”
คิดว่าวันนี้อะโวคาโดบุ๊กส์ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้หรือยัง
“คือมันก็ต้องถามว่าเกณฑ์วัดความสำเร็จคืออะไร อย่างผมเองผมรู้สึกว่าตอนนี้ที่ทำหนังสือมาเราสนุกกับมัน เราสามารถจะทำหนังสือออกมาอย่างต่อเนื่องได้ มีคนรู้จักหนังสือเรา มีคนรู้จักนักเขียนเรา นักเขียนที่พิมพ์กับอะโวคาโดบุ๊กส์จำนวนไม่น้อยต่อยอดไปเป็นอื่นๆ อีกมากมาย มีหนังสือบางเล่มก็กำลังคุยอยู่อาจจะได้แปลงร่างไปเป็นซีรี่ส์ เป็นภาพยนตร์หรืออะไรต่างๆ นานา คือเรารู้สึกว่าเราเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ให้อีกหลายคนได้ อันนี้มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เรามีความสุข คือก็ไม่รู้ว่ามันสามารถจะพูดว่าประสบความสำเร็จได้ไหมในสิ่งเหล่านี้ ถ้ามองว่าอันนี้คือสิ่งที่เราคาดหวัง อะโอเค ประสบความสำเร็จแล้วสำหรับตรงนี้ แต่ว่าเราก็ไม่อาจหาญจะพูดว่านี่คือสำนักพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพิ่งทำมาได้สองปีกว่าๆ ถือว่ายังเบาะแบะเตาะแตะต้วมเตี้ยมในบรรณพิภพ ในแวดวงหนังสือเนี่ยเรายังเป็นน้องใหม่มากๆ เลย แต่ ณ ตอนนี้ที่มีคนรู้จักสำนักพิมพ์เรา มีคนรู้ว่าเราพิมพ์หนังสือลักษณะไหน เวลามีหนังสือใหม่ๆ ออกมามีแฟนคลับที่ตามซื้อตามอุดหนุนทุกเล่ม อันนี้ก็รู้สึกว่ามันก็เกินกว่าที่คาดหมายมามากแล้วเหมือนกันครับ”
วางแผนสเต็ปต่อไปของอะโวคาโดบุ๊กส์ไว้ยังไงบ้าง
“ถ้าถามถึงสเต็ปต่อไป ไม่มีเลย ก็ทำไปเรื่อยๆ ครับ ก็สนุกกับแบบนี้ ยังไม่ได้วางอะไรขนาดนั้นว่าสเต็ปต่อไปต้องเป็นยังไง แต่มันก็มีๆ คิดๆ ไว้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแปลงานของเราบางเล่มให้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะก็รู้สึกว่าบางเล่มก็ดูมี potential ที่จะสามารถไปต่อได้ในระดับสากล ก็เป็นสิ่งที่คิดไว้ว่าอยากทำ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไหร่ เพราะว่าตอนนี้เรารู้สึกว่าสนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วก็พยายามหาต้นฉบับใหม่ๆ พยายามหาต้นฉบับที่น่าสนใจมาให้นักอ่านชาวไทยอยู่เรื่อยๆ ครับ”
ฝากอะไรทิ้งท้ายถึงคนอ่านหน่อย
“ก็ขอฝากสำนักพิมพ์เล็กๆ ครับ สำนักพิมพ์อะโวคาโดบุ๊กส์ ก็มีหนังสือหลากหลาย ทั้ง Fiction และ Non-fiction ก็จะมีนิยาย นิยายแปลก็มีครับ รวมเรื่องสั้น ทุกเรื่องก็จะแตกต่างหลากหลายแนวครับ แต่ว่ายังไงอ่านแล้วก็จะได้กระตุ้นความคิด เปิดโลกในหลายๆ มิติ ซึ่งก็จะมีทั้งสาระความรู้ที่อ่านง่ายย่อยง่าย รวมไปถึงบันทึกประสบการณ์ชีวิตจากผู้คนหลากหลายรูปแบบด้วย ฝากติดตามด้วยครับผม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดหนังสือได้ที่ www.avocadobooks.co ครับ”