Brian Scudamore เป็นนักธุรกิจเงินล้านที่เปลี่ยนขยะให้กลายมาเป็นธุรกิจทำเงิน จุดเริ่มต้นย้อนไปตั้งแต่สมัยวัยรุ่น คุณ Scudamore มองตัวเองเป็นผู้นักธุรกิจ เมื่ออายุ 18 ปีจึงเริ่มมองหาธุรกิจที่ทำเงินเลี้ยงชีพ ในตอนนั้นเขาเริ่มจากการคิดนอกกรอบมองเห็นโอกาสจากกองขยะและเฟอร์นิเจอร์ทิ้งตามข้างถนนจำนวนมาก เขาพบทางทำเงินจากของเก่าต่างๆที่คนนำมากองทิ้งจนเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นครั้งแรกในปี 1989 เขาเปิดบริษัท 1-800-GOT-JUNK จากเงินทุน 1000 เหรียญ ใช้เงินสำหรับเช่ารถบรรทุกและทำป้ายโฆษณาและนามบัตร
โมเดลธุรกิจเริ่มต้นของเขาไม่ซับซ้อน เริ่มต้นจากรับบริการขนย้ายขยะและสิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่คนต้องการทิ้งตามบ้าน ซึ่งในยุคนั้นไม่มีใครทำคนส่วนใหญ่เมื่อมีขยะ เครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย เฟอร์นิเจอร์เก่าพังหรือต้องการย้ายที่อยู่ ก็มักจะต้องขนไปทิ้งเอง คุณ Scudamore สร้างระบบบริการแบบครบวงจร เพียงแค่โทรศัพท์เรียกใช้บริการ พนักงานก็จะไปรับขยะหรือของเก่าจากประตูบ้านของลูกค้า ไม่ต้องเสียเวลาเหนื่อยใช้แรงขนสิ่งเอง
หลังจากเริ่มให้บริการและโฆษณาผ่านสื่อใบปลิว ออกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของ Vancouver Province กิจการของ 1-800-GOT-JUNK ก็เริ่มเป็นที่รู้จักเขาได้รับงานกว่า 100 งานภายในเวลา 24 ชม.ตรงนี้ยิ่งทำให้มั่นใจในการเดินหน้าของธุรกิจในอนาคต
เรื่องราวและหนังสือที่แนะนำโดยคุณ Brian Scudamore น่าจะเป็นอีกตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้ หลายคนที่ต้องการทำธุรกิจ
The E-Myth Revisited: Why Most Small Businesses Don't Work and What to Do About It เขียนโดย Michael E. Gerber
ยุคนี้ใครๆ ก็อยากเป็น Startup อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่คุณรู้ไหมว่าอะไรคือหัวใจที่แท้จริงของกิจการที่ ‘รุ่งนาน’ และ ‘พุ่งทะยาน’ เกินใคร? อะไรคือความเข้าใจผิดมหันต์เกี่ยวกับการเริ่มต้นและบริหารธุรกิจส่วนตัว? ทำไมกิจการส่วนใหญ่ถึงไปไม่รอด หรือถ้ารอดก็ไม่โต? พบคำตอบที่ไม่คาดคิดได้ในหนังสือธุรกิจคลาสสิกเล่มนี้ ภายในเล่มคุณจะได้เรียนรู้... - ความเชื่อผิดๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจและการเป็นเจ้าของกิจการ - ทำไม คนจำนวนมากที่เปิดกิจการจึงล้มเหลว - 3 ทักษะ ที่คุณต้องมี เพื่อสร้าง ‘กิจการที่รุ่งทะยานเกินใคร’ - ทำไม ธุรกิจที่รุ่งที่สุด ไม่ใช่ธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด - เหตุผลหลัก ที่ทำให้ธุรกิจและกิจการส่วนใหญ่ไปไม่รอด - 4 แนวคิดพื้นฐาน ของ ‘กิจการที่รุ่งทะยานเกินใคร’ - กระบวนการคิด ของเจ้าของกิจการที่รุ่งและร่วง - บทเรียนสำคัญ จากระบบแฟรนไซส์ ฯลฯ
Rocket Fuel: The One Essential Combination That Will Get You More of What You Want from Your Business เขียนโดย Gino Wickman และ Mark C. Winters
แนวคิดกุญแจสำคัญ เป็นการรวมพลังคำแนะนำของทั้งสองท่านเข้าด้วยกัน รากฐานที่สำคัญหากอยากทำธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน Gino Wickman นักเขียน Best Seller ที่มีผลงานเกี่ยวกับธุรกิจขายดีหลายเล่ม และ Mark C. Winters เจ้าของธุรกิจ นักเขียน และโค้ชด้านการแนะนำในการทำธุรกิจ
The Great Game of Business: The Only Sensible Way to Run a Company เขียนโดย Jack Stack, Bo Burlingham
SRC ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 เมื่อพนักงาน 13 คนของ International Harvester ซื้อ a เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท ที่สร้างเครื่องยนต์รถบรรทุกขึ้นมาใหม่ด้วยเงินของตัวเอง 100,000 ดอลลาร์และเงินกู้ 8.9 ล้านดอลลาร์โดยมีเป้าหมายในการประหยัดงาน 119 ตำแหน่ง ภายในปี 2531 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ SRC ลดลงเหลือ 1.8 ต่อ 1 และธุรกิจมีมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์ ราคาหุ้น 0.10 ดอลลาร์ในปี 2526 เพิ่มขึ้นเป็น 13 ดอลลาร์ต่อหุ้น ภายในปี 2015 หุ้นมีมูลค่ามากกว่า 199 ดอลลาร์ต่อหุ้น
SRC ก่อตั้งและลงทุนใน บริษัท ที่แยกจากกันมากกว่า 60 บริษัท ซึ่งทำทุกอย่างตั้งแต่การให้คำปรึกษาบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงการสร้างเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการร่วมทุนในปัจจุบันยอดขายของ SRC มีมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์มีพนักงานมากกว่า 1,600 คนและมีพื้นที่การผลิตและคลังสินค้า 1.7 ล้านตารางฟุต
ประธานและซีอีโอ แจ็ค Stack ได้เขียนหนังสือสองเล่ม (ร่วมกับ Bo Burlingham), The Great Game of Business และ A Stake in the Outcome โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจและเทคนิคการจัดการที่ ซึ่งขายได้มากกว่า 350,000 เล่มใน 14 ภาษา
Good to Great: Why Some Companies Make the Leap...And Others Don't เขียนโดย Jim Collins
หนังสือ Good to Great มีเนื้อหาเกี่ยวกับองค์กรที่ดีสู่องค์กรที่ดีเยี่ยม Jim Collinsได้รวบรวมทีมวิจัย 21 คนแบ่งเป็ น 4 ทีมๆ ละ 4-6 คนได้ ใช้เวลากว่า 6 ปี ลงทุนสำรวจบริษัทชั้นนำ 1,435 ราย ที่มีชื่อติดทำเนียบ Fortune 500 โดย Jim Collins และทีมวิจัยของเขากำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดหลายประการ ในการคัดสรรบริษัทที่สามารถเลื่อนชั้นจากบริษัทที่ดีสู่บริษัทที่ดีเยี่ยม คัดบริษัทชั้นหัวกะทิมาได้ทั้งหมด 11 บริษัท จาก 28 บริษัทที่สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจตนเอง ซึ่งไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จแต่ยังสามารถรักษาความสำเร็จนั้นไว้ได้อีกเป็นเวลาอย่างน้อยถึง 15 ปี ก้าวจากองค์กรที่ดีสู่องค์กรที่ดีเยี่ยมได้บริษัทเหล่านี้มีความโดดเด่นที่สามารถทำธุรกิจได้แตกต่างจากบริษัทคู่แข่ง ส่งผลให้บริษัทมี ผลตอบแทนทางธุรกิจได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของมูลค่าหุ้นในตลาดถึง 3-18 เท่า ในระยะเวลาเพียง 15 ปี