สุ . จิ . ปุ . ลิ . ของ ปองพล อดิเรกสาร : งานเปิดตัวหนังสือ“สุ.จิ.ปุ.ลิ. ของ ปองพล อดิเรกสาร”

 สุ . จิ . ปุ . ลิ . ของ ปองพล อดิเรกสาร

พล . ต . อ . ประมาณ : สวัสดีท่านผู้แทนราษฎร และบรรดาท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรักทุกๆ ท่าน ผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้เกียรติกับคุณปองพลมาในงานนี้ โดยเฉพาะอยากจะขอเปิดหนังสือที่ได้เขียนไว้แล้วนั้นให้ท่านทั้งหลายที่มาได้รู้จักและซื้อไปด้วย ทุกท่านคงจะทราบดีแล้วนะครับว่า คำว่า สุ . จุ . ปุ . ลิ . นั้น เรารู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียน ซึ่งได้เขียนไว้ที่หน้าหนังสือ ทุกท่านได้อ่านแล้วก็คงจะทราบดี ผมอ่านแล้วก็รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ให้ประโยชน์กับทุกท่าน ผมจะพูดไปก็จะเป็นการพูดอวดคุณปองพลเกินไป แต่ว่าที่ผ่านมาคุณปองพลได้เขียนหนังสือไว้หลายเล่ม ซึ่งก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มนี้นับว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ก็ขอให้ทุกท่านไปอ่านดู แล้วจะได้ทราบตามที่ผมได้กล่าวนี้ทุกประการ ผมใคร่ที่จะให้คุณปองพลได้มาอธิบายให้กับท่านที่เคารพรักทุกๆ ท่านได้รับทราบเรื่องการเขียนหนังสือเล่มนี้ไว้ในโอกาสนี้ สำหรับวันนี้ผมก็ขอขอบคุณท่านไว้อีกครั้งหนึ่งที่ทุกท่านกรุณาให้เกียรติกับคุณปองพลเป็นอย่างมาก ขอให้ทุกท่านมีความสวัสดีทุกๆ คนนะครับ

พิธีกร : กราบขอบพระคุณท่าน พล . ต . อ . ประมาณ อดิเรกสาร ค่ะ ก่อนที่ทุกท่านจะได้ฟังคุณปองพล อดิเรกสาร เจ้าของผลงานขึ้นมากล่าวถึงที่มาของหนังสือเล่มนี้ จะขอเชิญทุกท่านชมวีดีทัศน์เรื่องราวบนเส้นทางนักประพันธ์ของคุณ ปองพล อดิเรกสาร ก่อนค่ะ ก่อนที่จะได้รู้ว่าผลงานจากปลายปากกาของนักเขียนท่านนี้มีที่มาอย่างไร ขอเชิญชมค่ะ ( ชมวีดีทัศน์ … หนึ่งทศวรรษของปองพล อดิเรกสาร บนเส้นทางนักประพันธ์ )

พิธีกร : ขอกราบเรียนเชิญคุณปองพล อดิเรกสาร กล่าวถึงที่มาและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานชิ้นนี้ค่ะ กราบเรียนเชิญค่ะ

ปองพล : กราบเรียนท่าน พล . ต . อ . ประมาณ อดิเรกสาร ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ท่านสมาชิกวุฒิสภา ท่านแขกผู้มีเกียรติ ท่านสื่อมวลชนที่เคารพทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่มางานเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของผม คือเรื่อง สุ . จิ . ปุ . ลิ . ของ ปองพล อดิเรกสาร และจะขอขอบคุณมากถ้าซื้อหนังสือผมกลับไปด้วย หลายท่านถามผมว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ให้ชื่อว่า สุ . จิ . ปุ . ลิ . ของ ปองพล อดิเรกสาร อยากจะเรียนว่าในชีวิตการทำงานด้านการเมืองของผมนั้น ผมได้รับการสั่งสอนจากครูการเมืองคนแรกของผมก็คือท่านประมาณ อดิเรกสาร ท่านสอนผมว่าคนเป็นนักการเมืองนั้นต้องเป็นนักฟังที่ดี เมื่อฟังแล้วก็เอามาคิด คิดแล้วถึงจะพูดหรือทำ นี่คือสิ่งที่ท่านประมาณสอนผม และผมปฏิบัติมาโดยตลอดชีวิตการเป็นนักการเมือง ต่อมาภายหลังผมได้ไปอ่านหนังสือพุทธธรรม ก็ค้นพบว่าในเรื่องปัญญา 3 ท่านได้กล่าวไว้ว่า ปัญญา 3 มี สุตันตะ คือฟังให้เกิดปัญญา จินตันตะ คือคิดให้เกิดปัญญา เมื่อฟังแล้วก็มาถึงภาวนา คือปฏิบัติ นั่นคือปัญญา 3 ที่อยู่ในพุทธธรรม ต่อมาผมก็มาพูดคุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็เล่าให้ฟังถึงวิธีการทำงานของผมเรื่องฟังแล้วคิดแล้วพูดถึงทำท่านนั้นก็บอกว่าที่ผมพูดนี่คือหลัก สุ . จิ . ปุ . ลิ . ชาวอักษรศาสตร์จะรู้ดี คนสมัยเก่าจะรู้ดีว่านี่คือ สุ . จิ . ปุ . ลิ . ผมก็ไปค้นคว้าที่หอสมุดแห่งชาติ ผมอยากจะรู้ที่มาว่า สุ . จิ . ปุ . ลิ . เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก็ไปได้เอกสารพูดถึงพระยาอุปกิตศิลปสาร ท่านได้ไปกล่าวอบรมครูเมื่อปี 2481 ท่านเขียนบรรยายไว้ บอกว่า สุ ย่อมาจาก สุตันตะ คือฟังให้เกิดปัญญา จิ ก็ย่อมาจากจินตันตะ คือคิดให้เกิดปัญญา ปุ ก็ย่อมาจากปุจฉา คือเมื่อฟังแล้วคิดแล้วถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามผู้รู้ นั่นคือปุจฉา เมื่อฟัง คิด และถามแล้ว เราก็ควรจะบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อแนะนำคนรุ่นต่อไป หรือเสนอแนะความเห็นต่างๆ ลิ ก็ย่อมาจากลิขิต พระยาอุปกิตศิลปสารยังพูดต่อไปอีกว่า สุ . จิ . ปุ . ลิ . ถือเป็นหัวใจนักปราชญ์ คนจะเป็นนักปราชญ์ต้องมีทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ รายละเอียดผมจะไม่ลงลึกเพราะท่านซื้อไปอ่านเองได้ แต่อยากจะเรียนท่านทั้งหลายว่า หนังสือ สุ . จิ . ปุ . ลิ . ที่รวมผลงานของผม ชีวิตนักการเมืองของผม ที่จริงแล้วเป็นผลงานของท่านประมาณ อดิเรกสาร เพราะ ถ้าไม่มีท่าน ก็ไม่มีปองพล อดิเรกสาร

ท่านจะเห็นว่าในหนังสือเล่มนี้ได้บันทึกคำสั่งสอนของท่านประมาณที่อบรมผมเมื่อเป็นนักการเมืองมาตลอด มีหลายเรื่อง ท่านบอกว่าคนเป็นนักการเมืองนั้นอย่าคิดว่าจะอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ อย่างไร ท่านก็ ปฏิบัติมาเช่นนั้น ท่านจะเห็นว่าปัจจุบันท่านประมาณอายุ 93 แล้วนั้น ท่านมากล่าวเปิดงาน ท่านยังกล่าวฉะฉาน ท่านยังพิมพ์หนังสือเองทุกคืนด้วยคอมพิวเตอร์ อายุ 93 ยังเขียนหนังสือเองเลย ไม่ทราบว่าท่านจะเขียนหนังสือแข่งกับผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่าท่านเป็นผู้ให้กำเนิดความเป็นนักเขียนกับผม เพราะว่าท่านเขียนมาก่อน สิ่งที่ท่านสอนผมได้หยิบยกมาบางตัวอย่างเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง บันทึกไว้ในหนังสือด้วย ตอนนั้นท่านประมาณพ้นจากตำแหน่ง ไม่มีตำแหน่ง ผมไปโรงแรมแห่งหนึ่ง ไปเจอ คนรู้จัก ตอนที่ท่านประมาณมีอำนาจดี เจอกันทุกวัน วันนั้นเจอผมกระโดดหลบเสาด้วย เพราะกลัวต้องทักทายผม ผมกลับมา เล่าให้ท่านประมาณฟังในเชิงบ่นน้อยใจ ท่านสอนผมว่าอย่าไปคิดน้อยใจ พ่อช่วยคนมาเยอะ แต่ไม่เคยจำเลยว่าช่วยใคร เป็น หน้าที่ของคนที่เราช่วยเขาต้องจำ ไม่ใช่เราจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นรัฐมนตรี อยู่ดีๆ ก็พ้นไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไปหาท่านปรับทุกข์ ท่านก็สอนอีกว่า จำเอาไว้ว่าความสำคัญของคนไม่ได้เป็นตอนเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นตอนที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีต่างหาก คนจะมาคบเราหรือไม่คบตอนที่เราไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ท่านสอนมาตลอด และสิ่งที่ท่านประมาณสอนผมก็ปฏิบัติมาโดยตลอด และการที่ผมมายืนอยู่เป็นนักการเมืองอยู่ปัจจุบันได้ก็เพราะคำสั่งสอน เพราะปฏิบัติตามคำสั่งสอนเหล่านั้น เพราะฉะนั้นผมถึงกล่าวไว้ว่าหนังสือ สุ . จิ . ปุ . ลิ . ที่รวมประวัติผลงานทางการเมืองของผมทั้งหมดนั้นก็คือผลงานของท่านประมาณ เพราะท่านได้วางรากฐานไว้ให้รุ่นลูก คือผม น้องชายของผมสองคนคือ ยงยศ ตอนนี้เปลี่ยนชื่นเป็นคุณพศ และคุณวีระพล ก็เป็นส . ส . จังหวัดสระบุรี ถ่ายทอดมาถึงรุ่นหลานคือลูกชายของผม ปรพล อดิเรกสาร ก็เป็นส . ส . สระบุรี เพราะว่าพวกเราทุกคนปฏิบัติตามที่ท่านประมาณสอนแทบทั้งหมด นี่คือความเป็นนักการเมือง ซึ่งเราก็มีความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เพราะฉะนั้นหนังสือ สุ . จิ . ปุ . ลิ . ที่ผมเขียนขึ้นมาก็เพื่ออยากจะฝากไว้สำหรับผู้ที่เป็นนักการเมือง ผู้ที่สนใจการเมือง ผู้ที่อยากจะเป็นนักการเมือง มาอ่านหนังสือเล่มนี้ดู อ่านแล้วอาจจะจุดประกายให้ท่านอยากเป็นนักการเมือง อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านอยากเป็นนักการเมือง หรืออาจจะเป็นแรงบอกว่าอย่าเป็นเลยนักการเมือง แต่พวกผมเติบโตมาในแวดวงนักการเมือง เพราะท่านประมาณหล่อหลอมกล่อมเกล่ามาจนมีวันนี้

อยากจะเรียนท่านทั้งหลายว่าเมื่อสักครู่ท่านดูวีดีทัศน์ วีดีทัศน์นั้นทำขึ้นเมื่อตอนที่ผมเขียนเรื่องพ่อภาค 1 ภาค 2 จบ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีนิยายล่าสุดของผม คือเรื่อง รัตนโกสินทร์ : กำเนิดกรุงเทพฯ เรื่องนั้นก็เปิดตัวไปแล้ว เพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้ผมก็ทำหน้าที่เป็นส . ส . ในสภา เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่พอมีเวลาว่างผมก็ยังเขียนนิยายอยู่ วันนี้เขียนหนังสือ สุ . จิ . ปุ . ลิ . เป็นสารคดี ผมจะมีหนังสือออกมา กำลังรวบรวมอยู่ชื่อว่า สุดหล้าฟ้าเขียว จะเป็นบันทึกท่อง ธรรมชาติในต่างแดนของผม ท่านที่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ได้ถ่ายรูปแล้วอย่าทิ้ง ท่านเก็บรูปไว้ทั้งหมด เพราะวันหนึ่งมันจะทำเงินให้ท่าน เหมือนที่ทำเงินให้กับผม ผมเอาภาพต่างๆ ที่ไปถ่ายเก็บสะสมไว้ แล้ววันหนึ่งมันก็กลับมา ผมเชื่อว่าทุกท่านมีประสบการณ์เหมือนกับผม แต่จะแตกต่างกัน และที่สนใจเพราะทุกคนอยากอ่าน อยากรู้ชีวิตของคนต่างๆ เพราะฉะนั้นท่านเก็บไว้แล้วก็บันทึก ผมกำลังเขียนนิยายเรื่องใหม่เป็นภาษาอังกฤษ เขียนถึงบทสุดท้ายแล้ว ชื่อ chameleon man เกี่ยวกับ ซุปเปอร์ฮีโร่ ท่านเคยได้ยินสไปเดอร์แมน แบทแมน ซุปเปอร์แมน ของผมคามิลเลียนแมน ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็มนุษย์กิ้งก่า พระเอกของผมเป็นชาวอเมริกันไปเกิดในมาดากัสกา พ่อแม่เป็นอเมริกัน บังเอิญพ่อแม่ตาย … พระเอกจะมีคุณสมบัติพิเศษเหมือนตุ๊กแก ปีนผนังได้ มือเท้าเกาะติดผนังได้ และเหมือนอีกัวน่า คือทนแดด นอนอยู่กลางทะเลทรายได้ สามารถแลบลิ้นไปจับสิ่งของได้เมตรครึ่ง หนึ่งส่วนสี่ของวินาที เหมือนคามิลเลี่ยน มีคุณสมบัติหลายอย่าง ท่านอดใจรออีกไม่นานได้อ่านแน่นอน สื่อมวลชนเคยบอกเวลามาสัมภาษณ์ผม ถ้าพูดเรื่องหนังสือผมจะยิ้มแย้มแจ่มใส ตาเป็นประกาย แต่ถ้าถามเรื่องประเด็นทางการเมืองหน้าจะเปลี่ยนทันที

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประมาณ นอกจากจะให้กำเนิดความเป็นนักการเมืองของผมแล้ว วันนี้ยังมาเปิดงานให้ผมอีก ความจริงแล้วท่านต้องการมาแสดงให้เห็นว่า 93 ยังแข็งแรงขนาดนี้ เลือกตั้งที่ผ่านมาท่านยังไปเดินปราศรัยหาเสียง เดินหาเสียงให้ยงยศ วีระพล ปรพล พาเดินไปตามตลาด หนุ่มๆ อย่างนี้ยังสู้คุณปู่ไม่ได้เลย จะเห็นได้ว่าท่านมีความเป็นนักการเมืองมาตลอดเหมือนกัน สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่าน บรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนฝูง พี่น้องทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนผม และให้กำลังใจมาโดยตลอด ขอขอบคุณครับ พิธีกร : ขอบพระคุณคุณปองพล อดิเรกสาร ค่ะ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นขอขอบคุณท่านผู้มีเกียรติ และท่านสื่อมวลชน ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอขอบพระคุณและสวัสดีค่ะ

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ