การเขียนในสิ่งที่สัมผัสรู้ เรื่องไกลตัว และการหยั่งเห็น : โดย คุณบุญญรัตน์ บุญญาทิษฐาน

การเขียนในสิ่งที่สัมผัสรู้ เรื่องไกลตัว และการหยั่งเห็น

      เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกา 2562  ทางประพันธ์สาส์นมีโอกาสได้ร่วมฟังเสวนา โดย คุณบุญญรัตน์ บุญญาทิษฐาน นักแปลอาวุโสผู้ได้รับรางวัล “สุรินทราชา”พ.ศ.2550 และรางวัลนราธิปพงศ์ประพันธ์ พ.ศ. 2561 ในการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การเขียนนวนิยายด้วยกระบวนทัศน์แห่งการสร้างสรรค์ใหม่ทางวรรณศิลป์” จัดโดย สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ซึ่งต่อเนื่องมาจากโครงการ “รางวัลชมนาด ครั้งที่ 8” ซึ่งทางธนาคารกรุงเทพ ได้มอบเงินรางวัลนี้เดินหน้าพัฒนานักเขียนไทย

      ส่วนใหญ่หลายท่านจะรู้จักชื่อของ บุญญรัตน์ ในฐานะนักแปล หรือไม่ก็รู้จักในชื่อ เพชร ภาษพิรัช  ถ้าคนที่เป็นแฟนกันจริงๆ จะรู้จักตั้งแต่สมัย 40 - 50 ปีที่แล้วเมื่อตอนที่พี่แปลงานของ เจเน็ต เดลีย์ คุณบุญญรัตน์ใน 82 ซึ่งผ่านประสบการณ์การเขียน การแปลอย่างมากมายได้มาร่วมแบ่งปันความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ การเขียนในสิ่งที่สัมผัสรู้“เรื่องไกลตัว และการหยั่งเห็น”

 

      “ดิฉันเข้ามานั่งอยู่ในท่ามกลางผู้ที่เปี่ยมด้วยความฝัน เหมือนนั่งอยู่กลางทุ่งดอกไม้ ทุ่งดอกไม้ของความฝัน ทุกคนมีความฝัน ทุกคนอยากจะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ หลักสำคัญที่นักเขียนทุกท่านรวมทั้งนักแปล อยากทำให้ได้ ก็ง่ายมาก ทฤษฎีของดิฉันจะไม่เหมือนคนอื่น เพราะว่า เป็นคนที่แปลความทุกตัวอักษร จะไม่ข้าม ไม่เว้น สมมุติถ้าหากประโยคแรกที่มา มันไม่สัมพันธ์กับอะไรเลย เราต้องอ่านต่อ ต่อไปประโยคที่สอง ประโยคที่สาม จนกว่าเราจะเอาสองสามประโยคนั้นมาคลุกเข้ากันได้มารวมมิกซ์ได้แล้วจะทำให้เรามองเห็นภาพ เดี๋ยวเราจะพูดกันวันนี้มีเรื่องยาก สองสามเรื่อง แต่ถ้าคุณจะอยู่ให้ถึงอายุ 82 ได้อยู่ในแวดวงที่ยังอยู่ คุณต้องทำได้ ถ้าดิฉันทำได้ คนอื่นทำได้ มีหรือคุณจะทำไม่ได้ อย่ามาคิดว่าฉันรู้ภาษาต้นทาง ฉันรู้ภาษาปลายทาง รู้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย แล้วแปลได้นั้นไม่จริง นั่นเป็นเรื่องที่เขาหลอกคุณ และจงอย่าให้ใครเขามาหลอกแบบนี้ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นมีตัวบทของภาษาอังกฤษอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว แต่ภาษาไทยเรามันสวยงาม มันเป็นภาษาที่เราสามารถจะกระจายมันออกไปให้สวยงาม สละสลวย

 

      คือโดยความเป็นจริง ก่อนหน้าดิฉันจะมาเป็นบุญญรัตน์ แล้วก็มาเป็นเพชร ภาษพิรัช เพชร ภาษพิรัช ที่จริงตอนต้นไม่ได้โด่งดังอะไร ในตอนต้น เพชร ภาษพิรัช ก็แปลหนังสือเรื่อยๆในนามปากกาที่เพื่อนคนหนึ่งตั้งให้ ปรากฏว่าพอวันหนึ่งลุกขึ้นแปล แอนนิมอลฟาร์ม พอวันหนึ่งประยุทธ์หยิบขึ้นมา เพราะมันอ่านง่าย ท่านไม่เสียเวลามากก็อ่าน มันดีนะเรื่องหมา เรื่องหมูมันดีนะ คุณประยุทธ์ก็เลยบอกว่า เล่มนี้ทันทีนั้นเองสื่อเข้ามาเลย หนังสือขาดตลาดเลยนะคะ ไม่ใช่หนังสือที่ดิฉันแปลคนเดียวแต่คนอื่นๆก็แปลเรื่องเดียวกันด้วย ทีนี้ท่านเห็นหนังสือสองเล่มที่ดิฉันเอามาวางไว้ ดิฉันจะบอกว่านี่คือเล่มแรก คือเล่มที่เป็นพยานถึงความอยากเขียน ความอยากเป็นนักเขียนความอยากเป็นนักแปล คือความรู้สึกของเรา เราก็อยากมีชื่อเสียงกับนักประพันธ์ทั่วๆไปที่เขามีกัน เราก็อยากมีแล้วเราจะเขียนอย่างไง ส่วนใหญ่นักประพันธ์รุ่นดิฉันก็ตายหมดแล้ว ส่วนดิฉันก็ชราโรยลงไปเรื่อยๆ ทีนี้ก็มีเจตจำนงอันหนึ่งว่าเมื่อเราอายุปูนนี้เรามีอะไรมาถ่ายทอดน้องๆ ดีไหม ?

 

     ถือว่าเป็นวิทยาฐานในการเขียนนิยาย เสมือนครูใหญ่ตั้งเป้าไว้ว่า ในการเขียน นวนิยายด้วยกระบวนทัศน์แห่งการสร้างสรรค์ใหม่ การได้วรรณศิลป์รูปแบบสื่อชั้นนำซึ่งก็คือพล็อตเรื่อง เนื้อหาอันนี้คือทุกคนเข้าใจในคอนเทนท์ (Content) และ เพอร์เพิส (Purpose) คือไม่ใช่ เดสติเนชั่น (Destination) อย่าไปแพร่เจตจำนงตนอย่าเรียกว่า เดสติเนชั่น (Destination) มันไม่ใช่ เดสติเนชั่น (Destination) แต่มันคือ เพอร์เพิส (Propose) ว่าเราต้องการแค่ไหน ฟังแล้วน่ากลัว เพียงแค่อ่านอาจารย์ใหญ่ส่งมาให้ ยังรู้สึกว่าน่ากลัวจัง

 

     กระบวนทัศน์ ในนี้หมายถึง การที่เราจะเขียนสร้างพล็อตเรื่องขึ้นมาในรูปแบบใหม่ แต่ว่าที่จริงแล้ว ดิฉันนำหนังสือ 2เล่มนี้ตั้งไว้ เล่ม เรือนปั้นหยาไม่มีแล้ว แต่กำลังทำใหม่และรับรองว่าสวยมาก อีก 2 เดือนจะออก เรากำลังเลือกสี นี่สมัยเก่า แถมโรงพิมพ์ พิมพ์สีผิด เรื่องเรือนปั้นหยาทาสีเขียว ดิฉันใช้นามปากกาว่าแก้วมณี "แก้วมณี" แปลมาจาก บุญญรัตน์ ส่วนอีกหนึ่งเล่มเป็นชื่อเซทบ็อก ซึ่งออกมาไม่นาน คือเรื่อง รูทส์ (Roots) ทุกคนรู้จักรูทส์ ทุกคนเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ทุกคนไม่เคยรู้เลยว่า รูทส์ที่ฉายในภาพยนตร์เป็นรูทส์ที่ถูกตัดทอน แล้วตัดตอนสำคัญเพราะว่าถ้าสังเกตจะเห็นว่า “คริสซี่” ลูกของ “คุนต้า คินเต้” กับ “เบลล์” เบลล์เป็นแม่บ้านของคุณหมอ ตอนนั้นเป็นช่วงที่คุนต้า คินเต้ พยายามหนีเพื่ออิสรภาพ เขาถูกตัดฝ่าเท้าครึ่งหนึ่ง โดยวิธีการตัดนี่ทารุณมาก เอาขอนไม้มาวาง ให้วางเท้าลงแล้วเอามีดสับ แล้วก็ปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่อย่างนั้น เรียกว่าความทารุณที่คนขาวทำ เสร็จแล้วปรากฏว่าบังเอิญเหตุการณ์นี้ไปเกิดในไร่ของนายแพทย์ นายแพทย์คนนี้เป็นน้องชายของเจ้านายของคินเต้ คือไปซื้อมา แต่คุนต้า คินเต้หนีมา หนีมาอยู่ที่ในไร่ แต่น้องชายเป็นหมอที่มีความเมตตามาก ก็เลยเอามารักษา เวลาที่รักษาก็จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเบลล์มาคอยดูแล หลังจาก 10 ปี คนเรามันก็เห็นใจกัน เบลล์ก็เป็นคนผิวดำเขามาจากอีกรัฐหนึ่ง ก็เลยเกิดมาชอบกันสองคนนี้มีลูกสาวคือ “คริสซี่” แล้วปรากฏว่า คริสซี่ก็เกิดไปรักหนุ่มคนหนึ่งตามภาษาหนุ่มสาวแล้วก็ถูกจับได้ ด้วยการบอกเส้นทางหนี บอกเส้นทางหนีให้กับคนรักโดยคนรักหลอกว่าประเดี๋ยวนะ ถ้าว่าฉันหนีไปได้ฉันจะกลับมารับเธอ คริสซี่เชื่อ ขณะที่คริสซี่เตรียมการ หมอรู้เรื่องหมดในที่สุด  คุณหมอก็ขายคริสซี่ให้กับเจ้าของฟาร์มไก่ชนคนหนึ่ง ส่วนใหญ่เรื่องจะถูกตัดตอนตรงนี้ จบแค่นี้ที่ดูกัน แต่ถ้าคุณอ่านคุณจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่เป็นบรรพบุรุษของนิโกรทั้งหลายก็คือตัวคริสซี่ ซึ่งไม่เข้าใจทำไมเขาไม่สร้างต่อ ซึ่งเป็นตอนที่ดีมันอาจจะสร้างขึ้นมาแล้วเกิดคอนฟิก (Configuration) เกิดอะไรก็ได้ เกิดปัญหาอะไรเขาก็เลยตัดทิ้งแค่ว่า นิโกรถ้าทำผิดคุณจะถูกขายอย่างเดียว ทีนี้ทำไงดิฉันจะพูดว่าคริสซี่คือตัวบรรพบุรุษ บรรพบุรุษฝ่ายหญิงเพราะว่าเมื่อใด ที่ถูกขายไปก็ถูกระทำย่ำยี ถูกประกาศ ก็เลยท้องพอท้องก็มีลูกชายคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นอเมริกันนิโกร แล้วเมื่อเริ่มเป็นอเมริกันนิโกรแล้ว ลูกชายชื่อจอร์จ แต่พ่อก็ไม่อยากนับหรอกว่าลูกนิโกรเป็นลูกของตน แต่อีกนิดก็มีจิตเมตตานะเอาไปเลี้ยงดู แล้วก็ให้ไปอยู่กับผู้ชายท้ายไร่ท้ายสวน มีความสามารถในการต่อไก่ชน ตรงส่วนนี้ทำให้ ดิฉันรู้จักกับ "แอ๊ด คาราบาว" เพราะไม่รู้จะไปหาที่ไหน (รีเสิร์ช หรือการค้นคว้า) แล้วต้องค้นคว้าเองด้วยไม่ใช่เอามาจากฝรั่ง

 

 

     คริสซี่ เป็นตัวที่เป็นบรรพบุรุษของอเมริกันนิโกรอย่างแท้จริง เพราะว่าเมื่อคริสซี่เป็นผู้หญิงผิวดำ แล้วก็นักชนไก่ นักชนไก่ซื้อตัวคริสซี่ไป แล้วบางทีเล่าให้ฟังว่ามันถามไปว่าได้รู้จักรึเปล่า คริสซี่ไม่รู้เลยว่าการชนไก่ที่เขาใส่ในสังเวียนเขาทำกันยังไงบ้างนะคะ แล้วก็บรรพบุรุษของเซนต์เขาอยากรู้เป็นใครกันแน่ เขาก็สืบค้น สืบค้นมาขึ้นเรื่อย ๆ นี้คือประโยชน์ของการทำรีเสิร์ชซึ่งวันข้างหน้า ดิฉันเชื่อว่าคนใดคนหนึ่งในห้องนี้ล่ะค่ะ ที่จะต้องมีชื่อเสียงของตัวเองด้วยการตั้งอกตั้งใจต้องการค้นคว้าหาหลักฐานที่แท้จริงเพื่อให้ตัวเอง สามารถเขียนได้อย่างง่ายดาย ทีนี้ที่อยากจะแนะนำมันเป็นความคิดที่แล่นอยู่ในสมอง สมมติคุณอยากเขียนเรื่องตัวคุณเองกับหมาตัวที่คุณรัก กับหมาสักตัวที่คุณรัก คุณก็เขียน เขียนแบบนั้น ฉันเชื่ออย่างนี้ และตัวดิฉันก็มีหมาพันธุ์นี้  เจ้าหมาตัวนี้มันทำอะไรกับฉันบ้าง ฉันได้มันมาอย่างไร ส่วนตัวนะคะ ตรงนี้ที่มันแตกยอดออกไป นี่คือหนึ่งในเจเนอเรชั่น ฉันไม่รู้หรอกว่าแรกเริ่มเดิมทีมันมาจากไหนแต่ ณ วันนี้มันอยู่กับฉัน แล้วมันก็เป็นลูกรักของฉันนะคะ มันอาจจะหน้าตาไม่น่ารักเท่าหมาตัวอื่นๆ ทั่วไป แต่ฉันจะรักมัน นี่คงเป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขียนตามการทำรีเสิร์ชเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

     ในเรื่องรูทส์ ถ้าคุณอ่านไปถึงตอนท้ายของเรื่อง เปิดจนถึงหน้าสุดท้ายของเรื่อง คุณจะพบสิ่งที่หนึ่งยิ่งไปกว่านั้น คือเมื่อสองร้อยปีก่อนมันมีเรื่องทาสใช่ไหม ผูเขียนหนังสือเล่มนี้คือ อเล็กซ์ ฮาร์เลย์ (Alex Haley) เขาไปที่ท่าเรือ ท่าเรือซึ่งเคยเป็นที่ขึ้นของพวกทหาร ซึ่งในหนังสือมีท่าเรือ เรือลำนั้นคือ เรือที่เป็นชั้นๆ ผู้หญิงผู้ชายนอนเปลือยกาย จะได้ไม่มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น มีผู้หญิงหลายคนที่ทนกับการถูกข่มขืน พอถูกต้อนขึ้นไปบนดาดฟ้า ก็กระโดดลงทะเลยอมตาย ทุกครั้งที่เรือโดนพายุ พวกทาสจะอธิษฐานขอให้พายุซัดเรือเนี่ยคว่ำลงไป พร้อมที่จะตาย มันไม่เหลือความเป็นคนแล้ว อีกสองร้อยปีต่อมา เมื่ออเล็กซ์ ผู้เป็นเชื้อสาย จะมาเขียนหนังสือเล่มนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะทำให้รู้สึกอย่างไร การต้อนทาสต้อนบรรพบุรุษของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ บังเอิญที่ อเล็กซ์  ไปเจอเรือลำหนึ่ง ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเรือทาส นี่คือการทำรีเสิร์ช เขาเช่าเรือลำนั้นแล้วก็ลงไปอยู่ในเรือลำนั้นโดยเปลือยกายทั้งหมด แล้วเข้าไปหาคนในชั้นต่างๆ เพราะว่าเขาต้องการความรู้สึกของการเป็นทาสมันเป็นอย่างไร มันเจ็บปวดแค่ไหน แล้วทำไมมันไม่สิ้นสุดมาจนแม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังถูกเหยียบย่ำอยู่ มีความเชื่อว่าอเมริกันนิโกรล้วนแล้วเป็นพวกโง่ หรืออะไรที่เป็นสีดำนั้นมันเลวหมด

 

     เพราะฉะนั้น อเล็กซ์ แสดงให้เห็นว่าการทำการค้นคว้าที่เราเรียกกันโก้ๆ ว่าทำรีเสิร์ชนั้นจึงทำให้หนังสือที่เขาเขียนขึ้นอยู่ยั่งยืนมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นพวกเราในยุคสมัยนี้ ทำรีเสิร์ชง่ายมาก เราเดินออกไปแล้วเจอหนังสือแล้วพอมีสตางค์เราก็ซื้อมา ไม่มีสตางค์ก็ไปเช่ามา ไม่มีสตางค์เลยเดินไปที่หอสมุดแห่งชาติไปยืมมา การทำรีเสิร์ชเป็นเรื่องที่สำคัญมากการทำหนังสือ การแปลนวนิยาย เพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเอง เช่น เรื่องราวประวัติศาสตร์ หรือข้อมูล หนังสือที่นักวิชาการเคยศึกษาไว้

      ดังหลักที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกล่าวไว้ว่า

  1. ถ้าจะเป็นนักเขียนที่ดี คุณจงอ่านหนังสือให้มากกว่าเขียน
  2. อย่าเขียนในสิ่งที่ตนเองไม่รู้จริงเขียนเรื่องที่เราสัมผัสได้ หรือไม่เคยมีประสบการณ์

 

     เชื่อว่าทุกคนต้องการให้หนังสือของตนเองอยู่คู่กาลเวลา ทุกคนย่อมอยากให้เป็นเช่นนั้น ย่อมมองเห็นแล้วนะคะว่า การค้นคว้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดถ้าอยากนำเสนอกรอบพื้นฐานที่เราใช้ ไม่ว่าจะคุณเป็นนักข่าว คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียนสารคดี นักเขียนนิยาย นักเขียนวรรณกรรม ยังไม่อาจพ้นการใช้กรอบนี้ไปได้

      กรอบดังกล่าวมันจะก่อขึ้นมาได้อย่างไร? จะมีหลักๆ คือ 5  W บวกกับ 1  H

  • W ตัวที่หนึ่ง คือ Who นั่นคือเอกลักษณ์เลย เช่น นก คือ Who
  • W ตัวที่สอง คือ What  มันทำอะไร นกมันเกาะบนต้นไม้มันทำอะไร
  • W ตัวที่ที่สาม คือ When เวลาไหน
  • W ตัวที่ที่สี่ คือ Where แล้วต้นไม้มันอยู่ตรงไหน
  • W ตัวที่ห้า คือ Why มันมีเหตุผลอะไร ทำไม หรือเหตุใดมันต้องมาเกาะอยู่ตรงนั้น
  • H ซึ่งเป็นตัวบวก เมื่อกี้มีมันมี 5 W ไปแล้วใช่ไหม Who What When Where Why แล้วมันก็ลงด้วย H คือ How เป็นตัวบวกที่สำคัญนะคะ คำว่าตัว How เนี่ย มันหมายถึง ภาพจริงทั้งหมดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

     อย่างเรื่อง roots เนี่ย Who ก็คือ บรรพบุรุษของผู้เขียน ต่อไป What มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของบรรพบุรุษ When เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ Where เมื่อแรกเริ่มเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน Why ทำไมมันต้องเป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่า พวกยักษ์ขาวอยากได้คนไปเป็นทาส How มันเกิดอย่างไร ซึ่งถ้าท่านพิจารณาจากเรื่องต่างๆ จะทำให้ไม่มีทางหนีกฎทั้งหมดนี้ได้เลย  
 

     เวลาเขียนเราต้องนึกถึงอารมณ์ของตัวละคร การมีความสุขที่สุด เราได้รับความทุกข์ที่สุด มาใช้ในการฝึกเขียน เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว ต้องเอาอารมณ์ความรู้สึกจริงๆ ใส่ไปในจินตนาการ ว่าแต่ละตัวละครมีความรู้สึกอย่างไร  ถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ผู้อ่านให้เข้าใจ จินตนาการได้ และคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นั้นจริงๆ โดยส่วนตัวแนะนำว่าถ้าเราจะเริ่มเขียนหนังสือ ควรเริ่มเขียนจากประสบการณ์  

 

      ถ้าท่านปฏิบัติตามกรอบที่ดิฉันให้วันนี้ รับรองว่าท่านจะสบความสำเร็จตามความปรารถนา มันอาจจะกินเวลาเป็นห้าปี หรือเป็นสิบปี แต่ถ้าท่านสู้ ผลงานของทุกท่านจะอยู่ไปยาวนาน ตามที่ทุกท่านหวังไว้”

 

อ่านประวัติย่อ คุณบุญญรัตน์ บุญญาทิษฐาน http://praphansarn.com/home/detail_author_th/203

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ