เสือดำ : เสือดำช่วยเสือมเหศวร (ตอน 1) : เสือดำ ขุนโจรลูกผู้ชายแห่งเมืองสุพรรณ

เสือดำ : เสือดำช่วยเสือมเหศวร (ตอน 1)

ผลงานโดย ป. อินทรปาลิต

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา

ภาพ : อาภรณ์ อินทรปาลิต

 

เสือดำช่วยเสือมเหศวร

 

         ในชีวิตของเสือมเหศวร เขาไม่เคยโกรธแค้นใครเหมือนกับเสือดำ เขาถูกลบเหลี่ยมอย่างน่าอับอาย ความอาฆาตพยาบาทได้บังเกิดขึ้นแก่เขาอย่างรุนแรง แต่ขณะนี้มเหศวรตกอยู่ใต้อำนาจของเสือดำ จึงพยายามระงับโทษะไว้ไม่พูดถ้อยคำใดรุนแรงออกมา

         “ไม่เป็นไรเสือดำ ถึงทีของแกแล้ว จะทำกันอย่างไรก็ได้ หรือถ้าแกเห็นว่าการกระทำของแกยังไม่คุ้มกับความแค้นของแก แกจะยิงกันทิ้งเสียก็ได้”

         ขุนโจรยิ้มสดชื่น

         “เอาละ มเหศวร บัดนี้แกมีอิสสระแล้ว เชิญแกกลับได้ แต่ว่าท็อมสันของแกกันจำเป็นต้องขอยึดเอาไว้ใช้ต่อไป” แล้วเสือดำก็หันมาทางบริวารทั้งสองของเสือมเหศวรที่เป็นเชลยของเขา “เฮ้ย อ้ายน้องชาย เอ็งจะไปกับเสือมเหศวรหรือจะสมัครใจอยู่กับข้า?”

         แล้วเสือดำก็หันมาทางบริวารทั้งสองของเสือมเหศวรที่เป็นเชลยของเขา “เฮ้ย อ้ายน้องชาย เอ็งจะไปกับเสือมเหศวรหรือจะสมัครใจอยู่กับข้า?”

         เจ้าคนหนึ่งรีบพูดกับเสือดำทันที

         “ผมขอสมัครอยู่เป็นบริวารกับพี่ดำคนหนึ่งครับ”

         อีกคนหนึ่งพูดเสริมขึ้น “เลี้ยงเราสองคนไว้เป็นสมุนโจรของพี่เถอะครับ”

         “อ้ายสัตว์นรก!” มเหศวรตะโกนขึ้นดังๆ ขยับจะเข้ามาเล่นงานบริวารของเขา แต่เสือดำขวางกลางไว้ มเหศวรยกมือชี้หน้าลูกน้องทั้งสองคน “มึงเห็นว่ากูเสียเชิงแก่เสือดำมึงก็ทรยศต่อกู ลืมบุญคุณของกูที่เคยชุบเลี้ยงมึงมา อ้ายสุข อ้ายถม มึงเลวมาก”

         เสือดำโบกมือห้ามเสือมเหศวรให้สงบปากเสียง แล้วพูดกับบริวารทั้งสองของเสือมเหศวร

         “อ้ายน้องชาย เอ็งสมัครใจที่จะอยู่กับข้าแน่หรือ?”

         เจ้าถมยกมือไหว้เสือดำอย่างเคารพนอบน้อม

         “ครับ ผมรักความเก่งกล้าสามารถของพี่ดำมาก”

         ขุนโจรนิ่งอึ้งไปสักครู่

         “แต่ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเอ็งสองคนจะอยู่กับข้าด้วยน้ำใจอันซื่อสัตย์สุจริต เอ็งอาจจะรู้กันกับเสือมเหศวรก็ได้ เพราะเมื่อคืนนี้ข้ามัวแต่นอนหลับไม่รู้ว่าเอ็งสองคนกับมเหศวรได้ปรึกษาอะไรกันบ้าง ง่า เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าเอ็งสองคนมีใจสามีภักดิ์กับข้าจริง...”

         เจ้าถมว่า “บอกมาเถอะครับ จะให้ผมทำยังไง?”

         เสือดำยิ้มเล็กน้อย

         “เอ็งสองคนยิงลูกพี่เอ็งทิ้งเสีย ยิงต่อหน้าข้านี่แหละ เอ็งจะทำได้ไหมล่ะ ข้าจะได้หมดความกินแหนงแคลงใจและยินดีที่จะรับเอ็งไว้เป็นบริวารของข้าต่อไป”

         “ได้ครับ” เจ้าสุขรับรับคำ “โปรดส่งปืนให้ผม ผมจะยิงเสือมเหศวรเดี๋ยวนี้”

         “อ้ายสุข!” มเหศวรคำราม “มึงจะฆ่ากูเชียวหรือนี่?”

         เจ้าสุขหัวเราะ

         “ถูกแล้ว คนอย่างแกไม่มีฝีไม้ลายมืออะไร เสือที่ไม่มีเขี้ยวและไม่มีลายใครเล่าจะเกรงกลัว”

         เสือดำมองดูเจ้าถมและกระชากปืนพกออกมาจากซองปืนทางขวา ยื่นมือให้เจ้าถม

         “เอ้า อ้ายถม เอ็งยิงเสือมเหศวรให้ข้าชมเป็นขวัญตาหน่อยเถอะวะ”

         “ได้ซีครับ” เจ้าถมพูดขึ้นด้วยความดีใจ

         พอเจ้าถมเขยิบตัวเข้ามาจะรับปืนพก เสือดำก็หดมือเข้ามาและเก็บไว้ในซองปืนตามเดิม หันมายกมือตบบ่ามเหศวร

         “อ้ายเพื่อนยาก กันไม่ฆ่าแกหรอก อย่าวิตกเลย กันเพียงแต่จะทดลองน้ำใจและความซื่อสัตย์กตัญญูของบริวารของแกเท่านั้น อ้ายสุขกับอ้ายถมมันทรยศต่อแกเสียแล้วเมื่อเห็นว่าแกต้องปราชัยกัน แกนึกหรือว่ากันจะนิยมชมชอบอ้ายถมกับอ้ายสุข อ้ายสองคนนี้เป็นมนุษย์ที่สาระเลวที่สุด เห็นนายเพลี่ยงพล้ำก็ตีตนจาก” พูดจบก็หันมาทางบริวารของเขา “เฮ้ย จับอ้ายสัตว์สองตัวนี่ไปมัดไว้ที่ต้นไม้ต้นนั้น กูจะให้เสือมเหศวรเพื่อนกูยิงมันทิ้งเสียด้วยมือของเขาเอง อ้ายคนที่ทรยศต่อเจ้านายของตนนั้นมันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

         ถมกับสุขหน้าซีดเผือด บริวารของเสือดำต่างตรูกันเข้ามาใช้เชือกผูกมัดตามคำสั่ง

         “พี่ดำ - พี่ดำครับ” เจ้าถมร้องครวญคราง “โปรดอย่าฆ่าผมเลยครับ”

         เสือดำหัวเราะ มองดูสมุนโจรของเขาซึ่งฉุดกระชากลากเอาตัวเจ้าถมกับเจ้าสุขไปที่ต้นไม้เพื่อผูกติดกับต้นไม้ตามคำสั่ง เสือมเหศวรยิ้มเศร้าๆ เขานึกชมเชยเชาวน์ปฏิภาณอันเฉียบแหลมของขุนโจรผู้นี้ เสือดำมีนโยบายอันลึกซึ้งต้องการให้บริวารของตนเห็นในความเข้มแข็งเด็ดขาดเพื่อจะได้ยึดมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์กตัญญู แต่อย่างไรก็ตาม การทรยศของเจ้าสุขกับเจ้าถมนั้นสมควรแล้วที่จะต้องตาย

         เสือดำเดินเข้ามายกมือเกาะบ่าเสือมเหศวร สายตามองดูเจ้าสุขกับเจ้าถมซึ่งผูกติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่

         “มเหศวร แกลองซ้อมมือปืนวินเชสเตอร์ของกันหน่อยสินะ อ้ายเศษมนุษย์สองคนที่มันทรยศต่อแก มันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ให้หนักโลก กันไม่เลี้ยงหรอกอ้ายคนข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย ชะนะไหนเล่นด้วย อันอาจจะอวดแกได้เต็มปากว่าบริวารของกันทุกๆ ได้กระทำตัวเป็นทั้งลูกน้องและเพื่อนร่วมชีวิตของกัน เขาอาจจะตายแทนกันได้ทุกเมื่อ และถึงแม้ว่ากันจะต้องเพลี่ยงพล้ำหมดเขี้ยวเล็บ ก็ไม่ได้หมายความว่าบริวารของกันจะสิ้นสุดความกตัญญูต่อกัน” แล้วเขาก็หันมาทางสมุนโจรของเขาคนหนึ่ง “เฮ้ น้องชาย เอาวินเชสเตอร์มาให้ข้า”

         สมุนโจรผู้มีหน้าที่รักษาปืนเล็กยาวรีบนำปืนคู่มือของขุนโจรเข้ามาส่งให้เสือดำทันที เสือดำส่งปืนให้เสือมเหศวร แต่ฉลาดพอที่ไม่ยอมยืนห่าง เพราะไม่แน่ใจว่าเสือมเหศวรจะถือโอกาสเล่นงานเขาด้วยปืนกระบอกนี้หรือไม่

         “ยิงมันเสียมเหศวร ไม่ทารุณโหดร้ายอะไรหรอก คนละนัดเท่านั้นกันเคยได้ยินเขาโจษกันว่าแกเป็นผู้ที่มีฝีมือในการยิงปืนแม่นยำคนหนึ่ง นึกว่าซ้อมมือแกให้กันดู”

         เสือมเหศวรใบหน้าเคร่งขรึม รับปืนวินเชสเตอร์มาจากขุนโจร ยกขึ้นพิจารณาดู แล้วมองดูสมุนทั้งสองของเขาด้วยความชิงชัง ณ บัดนี้ เขายืนอยู่ห่างจากเจ้าสุขและเจ้าถมเพียง ๑๕ ก้าวเท่านั้น

         “อ้ายสุข - อ้ายถม!” มเหศวรพูดขึ้นด้วยเสียงหนักๆ “มึงทรยศต่อกู ฉะนั้นมึงอย่าอยู่เป็นคนเลย” แล้วเสือมเหศวรก็ถือโอกาสพูดกระทบกระเทียบเสือดำ “คนอย่างกูก็ชายชาติเสือคนหนึ่ง วันนี้กูเพลี่ยงพล้ำ แต่วันหน้ายังมีอีกมาก โชคของกูอาจจะดีขึ้น และชื่อเสียงของกู กูจะต้องพยายามกอบกู้ให้กูได้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในเมืองสุพรรณนี้ ฮ่ะ-ฮ่ะ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วของมึงไว้ให้ดี”

 

เสือดำช่วยเสือมเหศวร

 

         มเหศวรยกปืนวินเชสเตอร์ขึ้นประทับบ่า เจ้าสุขกับเจ้าถมดิ้นรนเต็มแรง ร้องวิงวอนขอชีวิตอย่างน่าสงสาร

         “อย่าฆ่าผมเลยครับนาย นายครับ โปรดสงสารผม ลูกของผมตั้งสองคนยังเล็กนัก” เสียงเจ้าสุขสั่นเครือ

         มเหศวรยิ้มแค่น เล็งศูนย์ปืนหน้าอกเบื้องซ้ายของเจ้าสุข แล้วเขาก็กระดิกนิ้วเหนี่ยวไก

         เสียงปืนเล็กยาวดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันปรากฏออกมาทางปากกระบอกของมัน ทุกๆ คนจ้องตาเขม็งมองไปที่สมุนโจรผู้ตกเป็นเหยื่อกระสุนปืนวินเชสเตอร์ เจ้าสุขคอพับสิ้นใจตายทันที ร่างของเขาห้อยร่องแร่งอยู่กับเชือกที่ผูกมัดรอบตัวอยู่

         เสือดำยื่นมือให้เสือมเหศวรจับ

         “ไม่เลวเลย มเหศวร ฝีมือยิงปืนของแกจัดว่าแม่นทีเดียว อ้ายสุขจอดไปแล้ว ขอดูอีกศพซิเพื่อน”

         มเหศวรถอนหายใจหนักๆ ยกปืนขึ้นประทับบ่าอีก เจ้าถมอกสั่นขวัญแขวน พยายามดิ้นรน ปากก็ร้องตะโกนวิงวอนขอชีวิต

         “นายครับ อย่าฆ่าผมเลย โอ๊ย โปรดอย่าฆ่าผม”

         มเหศวรเล็งศูนย์ปืนหมายหน้าผากของเจ้าถม ต้องการโอ้อวดฝีมือยิงปนของเขาให้เสือดำและบริวารให้แลเห็น ด้วยมั่นใจว่าในระยะแค่นี้เขาคงยิงไม่ผิด ครั้นแล้วเสือมเหศวรก็เหนี่ยวไกยิง

         “ปัง!” เสียงกระสุนแผดขึ้นอีกนัดหนึ่ง

         เจ้าถมสะดุ้งเฮิอกสุดตัว คอพับกับเชือกที่พันธนาการตัวเขาอยู่ สิ้นใจตายด้วยการยิงอันแม่นยำของเสือมเหศวร เสือดำยกมือตบบ่าเสือมเหศวรแล้วพูดยิ้มๆ

         “ถ้าหากว่าเมื่อคืนนี้แกเห็นตัวกันอย่างถนัด ก็น่ากลัวว่าแกคงจะสังหารกันด้วยท็อมสันของแกเสียแล้ว”

         มเหศวรส่งปืนเล็กยาวคืนให้ขุนโจร

         “กันจะกลับละ เสือดำแกจะไม่ให้ปืนพกกันติดตัวไปสักกระบอกเชี่ยวหรือ กันจะได้ไว้ป้องกันตัว ถ้าหากว่ากันได้พบสัตว์ร้ายเข้า”

         เสือดำนิ่งคิดแล้วพยักหน้า

         “ก็ได้” แล้วเขาก็ดึงปืนพกในซองข้างขวาออกมา ปลดลูกโม่งเอากระสุนออกมา ปลดลูกโม่เอากระสุนออกทั้งหมด ส่งกระสุนให้เสือมเหศวร และส่งปืนให้ทีหลัง “กันขอมอบปืนพกประจำตัวของกันให้แกพร้อมทั้งกระสุนหกนัดสำหรับไว้ป้องกันตัว แต่ว่าแกอยู่กินข้าวกับกันเสียก่อนเถอะน่ามเหศวร กันยิงอีเก้งมาได้หนึ่งตัว กันจะให้ลูกน้องของกันเขารีบทำอาหารเช้าสำหรับกันและแก”

         มเหศวรสั่นศีรษะ

         “ขอบใจ เสือดำ กันจะกลับละ”

         “ถ้ายังงั้นก็เชิญเถอะเพื่อน กันกับแกขณะนี้มีสภาพฐานะเหมือนๆ กันแล้ว รังของกันถูกตำรวจทลายราบ ส่วนบ้านของแก กันก็เผาเตียนไป กันคงจะอาศัยอยู่ในป่านี้ไปพลางก่อนก่อนจนกว่ากันจะหารังใหม่ได้”

         เสือมเหศวรฝืนใจยื่นมือให้เสือดำจับ ต่างคนต่างมองดูกัน สายตาของเสือดำมีประกายแช่มชื่น แต่แววตาของเสือมเหศวรแข็งกร้าวและแฝงไว้ซึ่งความอาฆาตพยาบาท

         “ลาก่อน เสือดำ เราคงจะได้พบกันอีก”

         “สวัสดี มเหศวร”

         ครั้นแล้ว เสือร้ายผู้ได้รับทั้งความเจ็บความอายก็พาตัวเดินไปจากที่นั้นทันที เสือดำยืนถือปืนเล็กยาวมองดูด้วยความพอใจที่เขาได้แก้แค้นเสือมเหศวรอย่างสมใจ

         “โกนหัวแล้วดูหน้าตาชอบกลโว้ย” บริวารของเสือดำคนหนึ่งพูดขึ้นดังๆ

         เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงของพวกเสือดำ เสือมเหศวรได้ยินถนัด มันทำให้เขายิ่งเพิ่มความเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งขึ้น

         เสือมเหศวรจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เขี้ยวเล็บอันแหลมคมถูกเสือดำลูบคมเล่น มเหศวรได้รับความแค้นสุดแสนแค้น และต้องอับอายขายหน้าบริวารของเขาเหลือที่จะกล่าวในการที่เขาถูกเสือดำโกนผมบนศีรษะทิ้ง

         รังของเขาเป็นเหยื่อของพระเพลิงไปแล้ว บริวารเกือบทั้งหมดก็กระจัดกระจายไปเพราะขาดความนิยมนับถือเสือมเหศวรซึ่งต้องปราชัยเสือดำมาหลายครั้ง

         อย่างไรก็ตาม มเหศวรยังมีสมุนโจรที่ยังจงรักภักดีต่อเขาอีกประมาณ ๒๐ คน แต่เพราะเขาไม่มีที่อยู่ที่อาศัย จึงต้องพาบริวารไปอาศัยอยู่ในป่าอันเป็นที่ชุมนุมของเหล่าโจรร้ายหลายหมู่หลายคณะ ซึ่งยากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการปราบปรามได้ เพราะภูมิประเทศเป็นป่าดงพงเขา มีอาณาเขตกว้างขวางเหลือที่จะคณนาได้

         ส่วนเสือดำผู้พิชิต ชื่อเสียงของเขากำลังระบือไปทั่วสุพรรณบุรีตลอดจนจังหวัดใกล้เคียง เจ้าหนุ่มที่ดำแต่ชื่อพาบริวารอาศัยอยู่ในป่าเช่นเดียวกัน และเมื่อมีโอกาส เสือดำก็เปิดฉากปล้นอย่างดุเดือด เหยื่อของเขาเป็นอดีตกำนัน มีฐานะร่ำรวยมาก เจ้าทรัพย์ได้ต่อสู้อย่างทรหด แต่ผลที่ได้รับคือเสือดำกับบริวารได้สังหารเจ้าทรัพย์กับพรรคพวกจนหมดสิ้น เก็บกวาดทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองไปมากมาย พอที่จะให้ความสุขแก่เสือดำกับพรรคพวกไปได้นาน

         ในที่สุด ขุนโจรผู้มีนามกระเดื่องก็ได้สร้างรังใหม่ขึ้นในป่าไม้เบญจพรรณซึ่งอุดมไปด้วยต้นไผ่และไม้อื่นๆ อันเป็นชัยภูมิที่เหมาะยิ่ง มีลำธารลำห้วยและอยู่ในระหว่างหุบเขา

         เสือดำกับบริวารได้ช่วยกันก่อสร้างปราบที่ดินแล้วปลูกเคหะสถานขึ้นด้วยฝีมือหยาบๆ ชั่วเลาเพียงสัปดาห์เดียว บ้านสี่หลังหรือกระท่อมขนาดใหญ่ก็สร้างเสร็จเรียบร้อยพออยู่อาศัยกัน พวกสมุนโจรได้ยกกระท่อมหลังหนึ่งให้เป็นที่อยู่ของเสือดำโดยเฉพาะ

         เขาส่งลูกน้องผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปในเมืองสืบสวนการเคลื่อนไหวของตำรวจและบรรดาเสือร้ายต่างๆ ติดต่อกับพ่อค้าอาวุธเถื่อนเพื่อซื้ออาวุธปืนและกระสุนอันเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นยิ่ง นอกจากนี้ก็ซื้อเสบียงกรัง ยารักษาโรค เสื้อผ้าต่างๆ มาสำรองไว้ เขาเป็นจอมโจรที่ปกครองบริวารของเขาด้วยพระคุณ แต่บางครั้งเขาก็เคยใช้พระเดช สมุนโจรทั้งหลายต่างรักและซื่อสัตย์ต่อเขา ทุกคนเรียกเขาว่าพี่ ให้ความเคารพนับถือทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นนายโจรที่ปกครองบริวารด้วยความรักและความยุติธรรม บรรดาทรัพย์สมบัติที่ปล้นมาได้ เสือดำให้บริวารของเขาทั้งหมดประชุมปรึกษากันว่าเขาควรจะได้รับส่วนแบ่งเท่าใดและอะไรบ้าง ซึ่งสวนแบ่งนั้นๆ ก็เป็นที่พอใจขุนโจรทุกครั้งไป

         ณ บัดนี้ กองโจรของเขากับกองโจรมเหศวรได้ตั้งค่ายอยู่ห่างกันประมาณ ๒,๐๐๐ เมตรเท่านั้นเอง แต่ภูมิประเทศเต็มไปด้วยขุนเขาและต้นไม้ใหญ่น้อย อยู่ใกล้กันก็เหมือนอยู่ไกลกัน

         มเหศวรได้เลือกชัยภูมิอันเหมาะเจาะแห่งหนึ่งสร้างค่ายของเขาขึ้น และเริ่มปลูกสร้างตอนสายวานนี้เอง เขาตั้งใจจะรวบรวมกำลังให้เป็นปึกแผ่นเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง และถ้าหากว่ามีกำลังพลและกำลังอาวุธเข้มแข็งเมื่อไร ก็จะได้ยกพลเข้าบุกเสือดำให้ราบ ทุกวันทุกคืนที่ผ่านไปด้วยความเคียดแค้นยิ่งฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขาซึ่งไม่มีวันลืม นึกถึงการกระทำของเสือดำคราวไร มเหศวรก็ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่สุด

         ตอนสายวันนั้น ขณะที่พลรบของเสือดำนั่งพักผ่อนจับกลุ่มสนทนาหยอกเย้ากัน เสียงปืนยิงเร็วก็ดังขึ้นแว่วมาแต่ไกล ขุนโจรถือท็อมสันวิ่งออกมาจากกระท่อมที่พักของเขา บรรดาสมุนโจรทุกคนต่างลุกขึ้นยืนฟังเสียงปืนที่ดังรัวอยู่ทางทิศตะวันออก

         “กองปราบพิเศษกับพวกโจรคณะใดคณะหนึ่งคงเกิดการปะทะกันขึ้นแล้ว” เสือดำพูดเป็นเชิงปรารภ “น่ากลัวว่าเราจะต้องร้อนที่อยู่เสียแล้วละโว้ยอ้ายน้องชาย”

         บริวารคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ

         “เสียงปืนที่ยิงต่อสู้กันมันไม่ไกลจากที่อยู่ของเราเท่าใดนี่ครับ”

         ขุนโจรพยักหน้า

         “แต่คงไม่ต่ำกว่าสองสามกิโลเมตร” แล้วเขาก็หันมาทางบริวารของเขาอีกคนหนึ่ง “อ้ายน้องชาย เอ็งรีบขึ้นม้าไปลาดตระเวนดูเหตุการณ์หน่อยเถอะวะ ข้ายังไม่แน่ใจนักว่าเสียงปืนนี้จะเกิดขึ้นจากตำรวจกองปราบพิเศษปะทะกับกองโจร โจรต่อโจรอาจจะยิงกันเองก็ได้ เพราะในป่านี้เป็นที่รู้กันอย่างดีแล้วว่าเป็นแดนของโจรหลายคณะ”

         “ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เจ้าหนุ่มซึ่งเคยมีอาชีพเป็นพรานป่าและจัดเจนในภูมิประเทศเป็นอย่างดีรับคำสั่ง วิ่งไปที่คอกม้าทันที

         เสือดำสั่งบริวารของเขาทุกคนให้เตรียมพร้อม เพราะไม่แน่ใจว่าพวกตนจะปลอดภัยถ้าหากว่ากองปราบพิเศษมีกำลังหลายพวกแยกย้ายกันค้นหาถิ่นโจร

 

Writer

Ampaporn Borworn