การ ที่นวนิยายอีโรติกขวัญใจแม่บ้านผู้เปลี่ยวเหงา อย่าง Fifty Shades of Grey ออกอาละวาดไปบนแผงหนังสือทั่วโลก รวมทั้งที่บ้านเราอยู่ในปัจจุบัน อาจจะเป็นการบอกกล่าวที่ชัดถ้อยชัดคำว่า เรื่องราวใต้ผ้าห่ม ยังคงเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย ประดุจเดียวกับเรื่องตัณหากามารมณ์ที่น่าจะสูญสิ้นไปพร้อมกับวันที่โลกแตก สลายโน่นเลยก็ว่าได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียกว่า “นิยายอีโรติก”, “นิยายลามกจกเปรต” หรือจะให้เกรด-ลดเกรด กันอย่างไร แต่นิยายแนวนี้ก็มีที่ทางของมันอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในขณะที่สำนักพิมพ์น้อยใหญ่ในบ้าน เรา กำลังเปลือยผลงานใต้ชายคาของตัวเอง ให้หนอนหนังสือได้เลือกซื้อเลือกเป็นเจ้าของ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 18 เราพาย้อนกลับไปเลือกหนังสือจากอดีตที่เขาว่ากันว่า “คลาสสิก” ในสายของงานอีโรติก ซึ่งแน่นอนว่า มันอาจจะขาดตกไปในบางเล่ม แต่เล่มที่นำมากล่าวถึง คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ในความติดเรตของมัน
คำแนะนำ : โปรดเก็บหนังสือเหล่านี้ไว้ให้ห่างไกลมือเด็ก
บัณฑิตก่อนเที่ยงคืน
กล่าวได้ว่าเป็นวรรณกรรมจากแดน มังกร ทั้งที่หนอนและไม่หนอนหนังสือ น่าจะคุ้นเคยมากที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับการดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์เรตสามชื่อดัง อย่าง Sex & Zen ซึ่งทำออกมาแล้วถึงสองเวอร์ชัน โดยเวอร์ชันล่าสุดก็เพิ่งเข้าฉายในบ้านเราด้วยระบบสามมิติเมื่อไม่กี่ปีก่อน
“บัณฑิตก่อนเที่ยงคืน” หรือชื่อเดิมคือ “โย่วผูถวน” เดินเรื่องด้วยตัวละครหลักซึ่งเป็นบัณฑิตหนุ่มผู้มีปัญญาเป็นเยี่ยม ค่ำคืนหนึ่ง เขาได้ไปสนทนากับ “หลวงจีนเหนือโลกเดียวดาย” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นศาสดาแห่งยุคสมัย และในตอนนั้น หลวงจีนก็โน้มน้าวชักจูงให้บัณฑิตหนุ่มละเลิกจากทางโลกเพื่อเข้าสู่ทางธรรม แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของบัณฑิตหนุ่มผู้นี้ก็คือ การเป็นผู้เยี่ยมยอดหรือปรมาจารย์แห่งโลกวรรณกรรม ที่สำคัญก็คือ ความมุ่งหมายที่จะพิชิตหญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดินให้ได้
โย่วผูถวน มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า The Carnal Prayer Mat อันมีความหมายเหมือนกันก็คือ “อาสนะหรือเสื่อสวดมนต์ที่ทำมาจากเนื้อหนังมังสาของมนุษย์” ซึ่งแฝงนัยให้ขบคิดตีความได้กว้างไกล และสำหรับใครที่ทั้งได้อ่านเวอร์ชันหนังสือหรือดูฉบับภาพยนตร์ ก็จะค้นพบไม่แตกต่างกันมากนักว่า ความลุ่มหลงในโลกียสุขนั้น มันแผดเผาทรมานเพียงใด และ...ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงความวาบหวิว เพราะจัดเต็ม!!
ความฝันในหอแดง
1 ใน 4 สุดยอดวรรณกรรมจีน ร่วมกับสามก๊ก ไซอิ๋ว และซ้องกั๋ง แต่งโดยเฉาเสี่ยฉิ้น ประมาณปี พ.ศ. 2297 แต่เขาเสียชีวิตก่อนแต่งจบ มีนักประพันธ์มากมายแต่งเรื่องต่อให้จบ ฉบับที่ได้รับการยอมรับคือฉบับของเกาเออ เป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาวในตระกูลเจี้ย ซึ่งเป็นตระกูลชั้นสูงในสมัยราชวงศ์ชิง ตัวเอกคือ เจี้ยเป่าอี้ และหลินไต้อี้ ซึ่งถูกคนในตระกูลกีดกันเรื่องความรัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ ในตระกูลด้วย ความฝันในหอแดงได้สะท้อนจารีตประเพณีและความเป็นอยู่ของชาวจีนในยุคนั้นเป็น อย่างดี
“ความฝันในหอแดง” แต่งโดยลูกผู้ดีตกยาก ‘เฉาเสี่ยฉิ้น’ เป็นนิยายที่พูดถึงความเสื่อโทรมของสังคมศักดินาในสมัยราชวงศ์ชิง ผู้คนมีแต่หวังผลประโยชน์แก่งแย่งชิงดี เอารัดเอาเปรียบและหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ โดยผ่านทางตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่ง 4-5 ตระกูล ที่อาศัยอยู่ในหอแดง หนุ่มสาวที่อยู่ในบ้านนี้วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่คิดถึงเรื่องโลกีย์และแย่งชิงสมบัติกันเอง จนในที่สุดครอบครัวที่ร่ำรวยก็แตกสลาย ปมเด่นอีกอย่างของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวเอกชื่อ ‘เป่าอี้’ ซึ่งแต่เดิมเป็นศิลาในสวรรค์ก้อนหนึ่งแต่ได้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ และต้องมาผจญกับกิเลสตัณหาของคน นิยายเรื่องนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ความเป็นมาของก้อนหิน”
ว่ากันว่า นี่คือนิยายที่หญิงสาว (จีน) ไม่ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง เพราะเนื้อหาของนิยายสะท้อนความหมกมุ่นในกิเลสของผู้คนอย่างถึงที่สุด หากสาวรุ่นคนใดได้อ่าน จิตใจจะฟุ้งซ่าน และคำนึงถึงแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ...
จินผิงเหมย
เท่าๆ กับนิยายเชิงสังวาสหรือวรรณกรรมในห้องหออีกเรื่องอย่าง “เก๋อเหลียนฮวาอิ่ง” ที่เต็มไปด้วยความซุกซน ไปจนถึงสัปดนปนลามก “จินผิงเหมย” (หรือ “กิมปั่งบ๊วย” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว) ก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมซึ่งเปี่ยมไปด้วยรสรัก กามารมณ์
**“จินผิงเหมย ไม่เพียงเป้นนิยายที่ทรงคุณค่าทางวรรณคดีสูงมากเท่านั้น หากมันยังเป็นงานเขียนด้านสังคมวิทยาที่สำคัญยิ่งเล่มหนึ่งด้วย นิยายเรื่องนี้ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับใครก็ตามที่สนใจศึกษาค้น คว้าเรื่องราวชีวิตของคนจีนในช่วงปลายสมัยราชวงศ์หมิง นิยายเรื่องนี้เขียนด้วยสำนวนภาษาพูดที่อาจมีคำหยาบ คำด่า คำตลาด ปะปนอยู่ ผู้ประพันธ์เขียนไว้ในบรรทัดแรกว่า เขียนนิยายเรื่องนี้เพื่อเตือนใจคนอ่านว่า อย่าแสวงหาลาภยศสรรเสริญอันจอมปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่ามัวเมาในกามกิเลส เงินทองความมั่งคั่งและอำนาจอิทธิพล เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบดั่งอากาศธาตุ ซึ่งกว่าจะรู้และเข้าใจ ก็เป็นผีอยู่ต่อหน้าพญายม ถูกตัดสินเป็นผีชั่วร้าย เพิ่มความน่าเกลียดชังขึ้นอีก” (**ข้อความจากหนังสือ “เรื่องเพศในวัฒนธรรมจีน 4,000 ปี” เขียนโดย อดุลย์ รัตนมั่นเกษม)
เรื่องของ จัน ดารา
นวนิยายไทยจากปลายปากกาของ “อุษณา เพลิงธรรม” กับคำยกยอว่าเป็น “วิจิตรกามา” และไม่เหมาะสมกับบุคคลประเภทที่ “มือถือสาก ปากถือศีล” โดยประการทั้งปวง และเท่าๆ กับที่มีคนกล่าววิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสียๆ หายๆ แต่ทว่าอีกหนึ่งฝั่งความเห็น ก็เชิดชูให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งของไทย ในฐานะที่เปิดเปลือยความเป็นมนุษย์ และพูดถึงแรงเหวี่ยงของความอาฆาตพยาบาทต่อกันจนผูกพันเป็นกรรมเวรต่อเนื่อง ผ่านเรื่องราวโศกนาฏกรรมภายในบ้านวิสนันท์
เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร คงไม่จำเป็นต้องบอกเล่า เพราะคนส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปทำเป็นหนังแล้วหลายครั้ง โดยล่าสุดก็คือฉบับของหม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ซึ่งให้ความเห็นไว้อย่างน่าคิดว่า สุดท้ายแล้ว บทประพันธ์ชั้นครูชิ้นนี้ มีประเด็นความเป็นการเมืองอยู่สูงมาก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สำหรับหนุ่มหนอนหนังสือในยุคนั้น ตอนที่หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรก ล้วนแต่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พอถึงฉากมหัศจรรย์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับคุณบุญเลื่องซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเอกแล้ว พวกเขาจะรู้สึกขนลุกชูชันและมืออยู่ไม่เป็นสุขเลยทีเดียว!!
สนิมสร้อย
ไม่มีอะไรต้องสงสัยกังขา สำหรับนิยายจากปลายปากกาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรผู้ล่วงลับ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ผู้ได้รับการขนานนามด้วยถ้อยคำ “นักเขียนสำนวนเพรียวนม” ที่พาคนหนุ่มไปท่องโลกบนเตียงนอน เคียงข้างกับการฉายภาพความฟอนเฟะของมนุษย์ สังคม ในบรรยากาศกรุ่นกลิ่นกามารมณ์และความรักคะนึงหา
สนิมสร้อย หรือ “ถนิมสร้อย” เป็นสำนวนโบราณ หมายถึงพวกผู้หญิง ผู้ลากมากดี ที่ทำอะไรไม่เป็น จับจด 'รงค์ วงษ์สวรรค์ บอกไว้ว่า "ถ้า ท่านจะลงไปปูเสื่อนั่งเล่นใต้ต้นชมพู่หรือกำลังพักผ่อนอยู่ที่หาดวงพระ จันทร์ และหนีบหนังสือเล่มนี้ติดมือไปด้วย หวังว่าคงได้รับความพอใจและรำคาญตามสมควร"
ชู้รักเลดี้ แชตเตอร์เลย์ (Lady Chatterley's Lover)
บทประพันธ์อีโรติกสุดคลาสสิกของ “ดี เอช.ลอว์เรนซ์ หนึ่งในผลงานอันยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ยี่สิบ ด้วยท่วงทำนองที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งรุนแรง เต็มไปด้วยฉากรักอันหมดจดงดงาม วาบหวิว ความรักความใคร่ระหว่างนายสาวกับคนเฝ้าสวน ที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ศีลธรรมจรรยา
The Story of O
เรื่องราวของสาวสวยนามว่า “โอ” ที่ถูกแฟนของเธอพามาในสถานที่แปลกประหลาด และที่นี่เองเธอได้เรียนรู้เซ็กซ์แบบวิตถารและการเป็นทาสทางเพศ บางถ้อยคำจาก นิวยอร์ก ไทม์ บุ๊ก รีวิว กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “ผลงานสุดฉาวกระฉ่อนในฐานะที่เป็นนวนิยายใต้ดิน น่าทึ่งในฐานะที่เป็นตัวอย่างอันหาได้ยากยิ่งของความลามกที่ถูกทำให้กลาย เป็นศิลปะบริสุทธิ์”
The Lover (L'Amant)
จากบทประพันธ์เลื่องชื่อของ Marguerite Duras นักเขียนชาวฝรั่งเศส ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มถึง 2 ครั้งคือ ในปี 1958 และในปี 1992 The Lover บอกเล่าเรื่องราวแห่งแรงปรารถนาของหญิงสาวและชายหนุ่มต่างเชื้อชาติ ภาษา รวมถึงอายุที่ต่างกัน โดยมีฉากหลังคือ เมืองไซง่อน ในปี 1929 เด็กสาวยากจนชาวฝรั่งเศสพบกับเศรษฐีหนุ่มเวียดนามบนเรือข้ามฟากแม่น้ำโขง ต่อมาทั้งสองกลายเป็นคู่รักที่สร้างโลกส่วนตัวขึ้นท่ามกลางความรักความใคร่ กิเลสตัณหา กว่าเธอจะเข้าใจความหมายของความรักก็สายเกินการ
ขอบคุณที่มา : http://www.manager.co.th