ด้วยความที่รายการเกมโชว์ "กำจัดจุดอ่อน" ดังมาก ๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างความมีชื่อเสียงให้แก่ผู้หญิงทำงานคนหนึ่งดังเป็นพลุขึ้นมาได้ แม้ว่าแฟนรายการส่วนใหญ่จะมองเธอในภาพของผู้หญิง ที่ดุดันพูดจากับผู้ร่วมรายการแบบไม่เกรงอกเกรงใจ แต่นั้นก็เป็นเพียงรูปแบบรายการที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น ในภาพของการถูกสร้างให้มีภาพลักษณ์ที่ค่อนไปทางลบ แต่คนชมรายการและแฟนพิธีกรของคุณอ้อก็มีมากมาย เรียกว่าเกลียด ๆรัก ๆอะไรทำนองนั้น ยิ่งมีคนวิพากษ์มากเท่าใดชื่อเสียงของ ดร.กฤษติกา ก็ยิ่งดังไปไหนมาไหนผู้คนต่างโจทย์ขาน "กำจัดจุดอ่อน"จึงดังตั้งแต่หัวตลาดไปยังท้ายตลาด ด้วยกระแสที่ดังของเกมโชว์คุณอ้อจึงไม่รอช้าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เธอหันไปจับปากกาลงมือเขียนหนังสือ "ใครคือจุดอ่อน"เพื่อให้เกิดกระแสของลมที่พัดอย่างต่อเนื่อง
"จุดกำเนิดของหนังสือเล่มนี้ใช้หลักการตลาด เพราะเราคิดว่าถ้าเกิดจะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่งที่สอดคล้องกับกระแส ณ ตอนนั้น เขียนโดยคนที่สร้างกระแส ณ ตอนนั้นทำไมจะขายไม่ได้ ซึ่งกระแสเกมโชว์กำจัดจุดอ่อนกำลังแรงมากนี่คือหลักการตลาดที่นำมาใช้จริง ๆ จะเป็นคนที่ไม่รอให้ใครมาเชิญให้เขียนแต่จะเป็นคนโทรไปหาบรรณาธิการเองเลย โทรไปแนะนำตัวกับคุณเพชรยุพา บก.สำนักพิมพ์สุดสัปดาห์
เสนอโครงเรื่องที่เราอยากจะนำเสนอ เนื้อหาเกี่ยวกับจุดอ่อนทั้งหมด การวิเคราะห์จุดอ่อนในแง่ของการตลาดซึ่งมีมากเพราะฉะนั้นเวลาเราวิเคราะห์จุดอ่อนในภาคการตลาด เช่น จุดอ่อนของผลิตภัณฑ์ว่ามันมีอะไรตรงไหนบ้าง จุดแข็ง โอกาส และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้างโดยหาข้อมูลจากที่คนอื่น ๆเขาวิจัย แล้วเรานำมาเรียบเรียงเป็นต้นว่า...จุดอ่อนของหนุ่มสาว จุดอ่อนของคนแก่ จุดอ่อนของสังคม จุดอ่อนของผู้ชายผู้หญิง ถ้าเขียนแค่นี้มันก็จะเบาไป
เ มื่อเราเขียนเกี่ยวกับจุดอ่อนทั้งหมดแล้วเราก็ต้องบอกต่อไปอีกว่า...การกำจัดจุดอ่อนดีหรือไม่อย่างไรนี่คือบทสรุป คือจะบอกคนอ่านว่าคนทุกคนมีจุดอ่อนแต่จุดอ่อนที่มีอยู่ในตัวเองนั้นควรจะกำจัดออกไปหรือไม่ ผลสุดท้ายถ้าเกิดว่าจุดอ่อนนั้นมันไม่ได้ไปหนักอะไรของใครคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปกำจัด เพราะจุดอ่อนของแต่ละคนก็อาจเป็นเสน่ห์ประจำตัวคน ๆนั้นได้เหมือนกัน เหตุที่อยากเขียนหนังสือเล่มนี้ก็เพราะค่อนข้างรู้ว่า...อีกไม่นานกำจัดจุดอ่อนจะต้องหมดไป
แล้วถ้าเรารอให้กำจัดจุดอ่อนหายไปจากจอโทรทัศน์แล้วค่อยมาเขียน มันช้าไปฉะนั้นจะต้องเขียนในช่วงขณะที่กำจัดจุดอ่อนกำลังดังอยู่ นี่แหละคือการใช้หลักการตลาดในแง่ของชีวิตจริง แล้วเราก็เขียนออกมาให้เป็นรูปธรรม เราใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เรียนนำมาใช้ได้จริง ๆบางที่เราไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไป ไม่มีใครรู้หรอกว่าโอกาสนั้นเป็นโอกาสที่เหมาะสมหรือเปล่า แต่ถ้าเกิดคิดแล้ว บวกลบคูณหารแล้ว ทำตอนนี้น่าจะดีกว่าก็ควรทำ คนส่วนมากมักจะเลือกทำช่วงอื่น ๆหรือทำในโอกาสที่เหมาะสมเพราะเขาคิดว่ายังไม่พร้อมคนส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับตัวเองไม่ใช่ เราต้องสร้างโอกาสให้กับตนเอง บางคนว่าเราหน้าด้านไปหน่อยหรือเปล่าไม่ใช่เพราะถ้าคิดว่าทำได้ก็น่าจะทำซึ่งมันก็ดีต่อทั้งสำนักพิมพ์และตัวเราเอง ที่สำคัญเราได้โอกาสในการฝึกฝนศักยภาพของตัวเองด้วยไม่มีอะไรเสียหาย"
ปัจจุบันดร.กฤษติกา ไม่เพียงเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเท่านั้น เธอยังเป็นคอลัมนิสม์ให้กับหนังสือพิมพ์คมชัดลึกคอลัมน์ "เติมพลัง" ซึ่งกำลังจะรวมเล่มในอีกไม่นานนี้ แต่ถ้าใครอยากอ่านเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาดติดตามอ่านงานเขียนของเธอได้ในMarketeer และเธอกำลังจะเป็นคอลัมนิสม์ประจำให้กับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจในอีกไม่นานเกินรอติดตามอ่านกันได้
"เนื้อหาในประชาชาติจะเป็นเรื่องการตลาดเหมือนกับในMarketeer แต่จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งเพราะจะเขียนเชิงการประยุกต์การตลาดมาสู่การใช้ในชีวิตจริงเป็นการมองอีกมุมหนึ่งของการตลาด เช่น ลูกค้าที่จงรักภักดีไม่มีจริง เป็นต้น เรื่องการเขียนหนังสือใช่ว่าทุกคนจะคว้าโอกาสนั้นมาได้ถ้าเราเป็นแค่คนธรรมดาๆแล้วมาเขียนใครเขาจะมาอ่าน ถ้าเราไม่ใช่นักเขียนอาชีพมาก่อนอย่างคุณเดือนวาด พิมวนา ก็จะต้องเป็นคนที่มีคนรู้จักบ้างถึงจะทำให้ตัวเองได้รับการยอม แต่ถึงจะเป็นคนที่มีชื่อหรือเป็นคนที่มีคนรู้จักก็ใช่ว่าจะเขียนกันได้ทุกคน ถ้าคุณไม่มีพล็อตเรื่องที่ดี หรือมีความสามารถ สำนักพิมพ์เขาก็คงไม่คุยกับคุณหรอกความเป็นมืออาชีพของสำนักพิมพ์เขาก็คงจะรู้ว่าอะไรขายได้หรือไม่ได้" สำหรับงานพิธีดร.อ้อกล่าวว่า...
"ตอนนี้กำลังเตรียมโครงการเสนอทางช่อง3 เป็นรายการคุยกับผู้ชมรายการเรื่องข่าวสารต่าง ๆที่ไม่ใช่วิเคราะห์ข่าว แต่เป็นข่าวสารที่เกี่ยวกับผู้หญิงแล้วก็ธุรกิจต่าง ๆเกี่ยวกับผู้หญิงที่สามารถทำได้ แนะนำกลเม็ดเด็ดพรายต่าง ๆเกี่ยวกับการตลาด ชื่อรายการยังไม่บอกคะต้องติดตามชมกันคิดว่ารายการนี้จะมีประโยชน์กับผู้หญิงส่วนเกมโชว์คงไม่ทำแล้ว" ติดตามอ่านงานเขียนดี ๆและชมอีกมาดหนึ่งของงานพิธีกรจากผู้หญิงเก่งที่ชื่อ ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ได้ในอีกไม่นานเกินรอ...