ตัวตน ถนน สะพาน : บทวิจารณ์ โดย ดุสิดา กิจพิทักษ์

ตัวตน ถนน สะพาน


    เมื่อสะพานขาดสะบั้นก็เปรียบดังสงครามที่กำลังลังลันไกปืน มันก่อให้เกิดความเสียหายที่เป็นรูปธรรมนับอนันต์ แต่แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมากมายเพียงใดก็อาจเทียบไม่ได้เลยกับความขัดแย้งที่กำลังก่อเกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์

    "สะพานขาด" ของกนกพงศ์ สงสมพันธ์ เรื่องสั้นที่เล่าผ่านมุมมองของชายหนุ่มผู้มีอาชีพเป็นทหารที่ต้องจับปืนต่อสู้ในภาวะสงคราม แต่ในความเป็นทหารนั้น เขาก็เคยเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเล่นสนุก เล่นเกมบทบาทสมมติจับผู้ร้ายกับน้องชาย ทว่าบทบาทสมมติในวัยเด็กกับความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ หน้าที่ความเป็นทหารที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้มีอำอำนาจหรือผู้บังคับบับบัญชากับหน้าที่ความเป็นมนุษย์ สิ่งเหล่านี้สร้างความขัดแย้งในจิตใจของชายหนุ่ม อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่ทางแยกก็ไม่มีให้เขาเลือก เพราะสะพานของความสัมพันธ์ทั้งในความเป็นครอบครัว ความเป็นทหาร ความเป็นประชาชน และความเป็นรัฐ ทั้งหมดได้ขาดสะบั้นลงแล้ว

     ตัวละครของชายหนุ่มผู้เป็นทหารในเรื่อง "สะพานขาด" จึงสะท้อนให้เห็นถึงกลไกในการควบคุมคนในสังคม ตามกรอบทฤษฎีของ Antonio Gramso ซึ่งแบ่งแป็น 2 กลไก ดังนี้

1. กลไกด้านการปราบปราม ตัวละครชายหนุ่มผู้มีบทบาทหน้าที่ของความเป็นทหาร ถือเป็นตัวแทนของการควบคุม ความมีอำนาจในการใช้กฎหมายในการควบคุมคุมสังคม

2. กลไกด้านการครอบงำความคิดหรืออุดมการณ์ คือการปลูกฝังทางความคิดของสถาบันต่าง ๆ ภายในสังคมซึ่งหล่อหลอมให้คิดหรือเชื่อในความคิดนั้น โดยจะเห็นได้จาก

"ทุกค่ำพ่อจะบังคับให้เราสวดมนต์ นอกจากครอบครัวของเราแล้ว ยังมีครอบครัวของของป้าเคล้าและยายนู่นที่บ้านอยู่ติดกันมาร่วมด้วย" (หน้า 123) ครอบครัวและคนรอบตัวของชายหนุ่มได้ปลูกฝัง ความเชื่อทางพุทธศาสนาให้เขาตั้งแต่วัยเด็ก แม้ชายหนุ่มจะมีความคิดที่ต่อต้านแต่ก็ต้องปฏิบัติหลักที่ครอบครัววางไว้ให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกระทั่งกลายเป็นความเต็มใจในที่สุด "พ่อไม่ได้บังคับให้ผมต้องสวดมนต์อีก แต่ผมก็เต็มใจนั่งพับเพื่อบพนเมืออยู่เงียบ ๆ" (หน้า 128)

      อย่างไรก็ตามแม้จะมีกรอบของกลไกทางสังคมที่ครอบงำความคิดของตัวละครอยู่ แต่ผู้เขียนก็ได้แสดงให้เห็นความเป็นมนุษย์และความขัดแย้งของตัวละครด้วยเช่นกัน

 

ยึดกฎหมาย หย่อนจริยธรรม

     ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ตัวละครผู้เป็นทหารมีอำนาจในการควบคุมกฎหมาย ต้องเคารพกฎระเบียบ แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความขัดแย้งในจิตใจของตนเอง คือเป็นผู้ยึดถือกฎหมาย แต่ไม่ยึดถือในจรรยาบรรณของวิชาชีพ มนุษยธรรม หรือจริยธรรมที่มนุษย์ควรมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

     "ข้างหน้า...ระหว่างผมกับทุ่งสีทอง พร่าพรายไปด้วยหญิงชรานับเป็นหมื่นพันคน บัดซบที่สุด...วินาทีต่อมา ผมพบว่าหญิงซราทั้งหมดได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกองกำลังศัตรูที่เรากำลังวิ่งไปหา...พระยังติดอยู่อีกฟากหนึ่ง เด็กชายยังแอบมองอยู่ที่ประตู มือของผมกระชับเกียร์ไว้มั่น พร้อมจะผลักออกไปในวินาทีนี้..." (หน้า 139)

โดยจะเห็นได้จากสัญญะต่าง ๆ ดังนี้

      - หญิงชรา แสดงถึงการเป็นประชาชน ความเป็นผู้หญิง ความอ่อนแอ และความอ่อนไหว

       - พระ แสดงถึงศาสนา ความเชื่อ ศีลธรรม

      - เด็กชาย แสดงถึงความบริสุทธิ์

     - ทุ่งสีทอง แสดงถึงชีวิตของประชาชน

     จากสัญญะทั้งหมดข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการเหยียบยำมนุษยธรรมที่ตามหลักจรรรยาบรรณแล้ว ไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้ที่ควรปกป้องประชาชนและประเทศชาติ

แข็งแกร่งหรือเปราะบาง

     ในตัวบทยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละครชายหนุ่มผู้เป็นทหารที่มีภาพลักษณ์ซึ่งดูแข็งแกร่งกล้าหาญ แต่ภายในจิตใจได้แฝงไปด้วยความเปราะบางและความสับสน มีอารมณ์และความรู้สึกที่สักที่ผันผวนภายในจิตใจของตน แต่ในขณะเดียวกัน ป้าเคล้าและหญิงชราที่เป็นผู้หญิงซึ่งโดยทั่วไปมักจะถูกมองเป็นภาพตัวแทนของความอ่อนแอและใช้อารมณ์มากกว่าความรู้สึก กลับตรงกันข้าม พวกเธอมีความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเอง ดังนั้นแล้วตัวบทจึงทำให้เห็นว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นเพียงภาพตัวแทนของความอ่อนแอผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงภาพตัวแทนของความแข็งแกร่ง แต่แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเพศใด ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายไม่ต่างกัน

     สุดท้ายแล้วอาจกล่าวได้ว่า "ความเป็นมนุษย์" ที่ผู้เขียนได้แสดงออกมาผ่านตัวละครใน "สะพานขาด" ช่วยให้เรื่องสั้นนี้กลมกล่อมและเป็นสะพานที่ไม่ขาดความเป็นมนุษย์
 


บทวิจารณ์เรื่องสั้น "สะพานขาด"
โดย ดุสิดา กิจพิทักษ์
โครงการ อ่าน เขียน เรียนรู้ สู่งานวิจารณ์ ปีที่ 10

Writer

The Reader by Praphansarn