คุณกอล์ฟ – พิชชาภา ณรงค์พันธ์ กรรมการผู้จัดการของ Five Star Agency จากประสบการณ์และความมุ่งมั่น ผสาน Passion ของทีมที่ชอบทำงานที่ก้าวผ่านลิมิตของตัวเอง ต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจที่ทรงพลัง ทั้งในด้านการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ การตลาด และนิทรรศการระดับนานาชาติ
Japan Anime Movie Thailand: ธุรกิจแรกที่กลายเป็นแกนหลัก
ภายใต้ Five Star Agency หนึ่งในธุรกิจสำคัญคือเพจ Japan Anime Movie Thailand (JAM) ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 300,000 คนบน Facebook เพจนี้ไม่ได้เป็นเพียงสื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารเกี่ยวกับแอนิเมชัน แต่ยังเป็น ช่องทางจำหน่ายตั๋วรอบพิเศษ การตลาดเชิงรุก และแพลตฟอร์มเชื่อมโยงวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับคนไทย
นับตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงวันนี้ JAM ได้นำเข้าภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่นเข้าฉายในไทยมาแล้ว 111 เรื่อง โดยเรื่องล่าสุดคือ Dan Da Dan: Evil Eye ที่เปิดรอบฉายพิเศษในเดือนมิถุนายน 2025
เบื้องหลังความสำเร็จ: ประสบการณ์จากโรงหนังสู่ธุรกิจลิขสิทธิ์
ก่อนมาก่อตั้ง Five Star Agency คุณกอล์ฟมีประสบการณ์ทำงานกับ SF Cinema City กว่า 7 ปี ในฝ่ายการขาย ก่อนย้ายไปร่วมงานกับ DEX (Dream Express) ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นชั้นนำในประเทศไทยอีก 7 ปี ตลอดเวลานั้นทำให้เธอมีความเข้าใจทั้งในเชิงธุรกิจโรงภาพยนตร์และการบริหาร IP การ์ตูนญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง
เมื่อแต่งงานและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Five Star Production ที่อยู่ในธุรกิจภาพยนตร์มายาวนาน จึงเริ่มตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Five Star Agency โดยมีลูกค้ารายแรกคือ M Pictures ที่มอบหมายให้นำหนังแอนิเมชันญี่ปุ่นที่บริษัทซื้อไว้ มา “แปลงร่าง” ให้เข้าถึงตลาดผู้ชมไทยอย่างแท้จริง
“ตอนแรกเปิดบริษัท Five Star Agency มา ลูกค้าคนแรกคือ M Pictures เข้ามาคุยแล้วก็บอกว่า ‘กอลฟ์ แกมีความรู้เรื่องการ์ตูนญี่ปุ่น แกมีความรู้เรื่องโรงหนัง แกช่วยมาเอาหนังการ์ตูนที่ M Pictures ซื้อมา เอาไปทำให้หมดเลยได้มั้ย"
“จริงๆแล้วความสำเร็จของการทำธุรกิจภาพยนตร์มันคือการตลาด คือคนที่รู้จักหนัง รู้จักกลุ่มเป้าหมาย รู้ว่าใครจะมาดูหนัง นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากการทำงานที่โรงหนังเอง และทำธุรกิจลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น และก็มาอยู่ในครอบครัวของ Five Star มันทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่แค่การปล่อยหนังฉายไปเฉยๆ แล้วจะมีคนมาดู”
“ทุกวันนี้ก็จะต้องถามกลับว่าเรารู้มั้ยว่ามีหนังเข้าโรงสัปดาห์นี้ เรื่องอะไรบ้าง บางทีอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ แต่เราอาจจะรู้ก็ได้ถ้าเรื่องนั้นทำการตลาดถูกใช่มั้ยคะ? เช่นช่วงนี้ มันมี Thunderbolts ช่วงนี้มี Mission Impossible แต่อย่าลืมว่า ใน 1 สัปดาห์ จะมีหนังเข้า 6-10 เรื่องนะ มีหลาย Scale แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง เพราะว่ามันเป็นกลุ่มที่ Niche มาก ถ้าเปรียบเทียบกับการเป็น Anime แบบที่เราทำ”
“ยกตัวอย่างเราทำ Dan Da Dan: Evil Eye บางทีเราไปพูดกับผู้ใหญ่ทั่วไป ไม่มีใครรู้จักอยู่แล้วว่า Dan Da Dan คืออะไร ไม่รูัจัก หน้าที่ของเราคือการทำการตลาดให้ตรงกลุ่มก่อน ให้มันมีกลุ่มที่คนอยากดูก่อน แล้วเอาตรงนั้นไปพรีเซ้นท์โรงหนังซึ่งเราอย่างนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ทำมาตั้งแต่อยู่ที่ DEX จนมาเป็นธุรกิจของตัวเอง”
จากโรงหนังสู่นิทรรศการ: จุดเปลี่ยนที่เปิดโลกใหม่
ในปี 2023 หลังจากได้จัดรอบฉายพิเศษของ Demon Slayer แล้วได้รับผลตอบรับดีจากแฟนๆ บริษัท Muse Communication จากไต้หวันซึ่งถือลิขสิทธิ์ Demon Slayer ในภูมิภาคจึงแนะนำให้ลองขยับจากการจัดหนัง สู่การจัดนิทรรศการ ซึ่งทำให้คุณกอล์ฟมีโอกาสไปชมงานต่างๆ ที่ไต้หวันในช่วงสุดสัปดาห์เดียว
“เค้าก็เลยแนะนำให้เราว่า สนใจที่จะทำงานนิทรรศการมั้ย เพราะบริษัท Muse Communication เค้าจัดนิทรรศการด้วยเค้าทำ Pop Up Store ด้วย ทำอีเวนท์ Fun Run คือทำหลายอย่างมากที่เป็นลิขสิทธิ์ของการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่จัดจำหน่ายหนังภาพยนตร์ หรือ Distribute ในส่วนของตัวของ TV Series อย่างเดียว”
ช่วงที่เข้าไปชมงานที่ไต้หวัน มีการจัดนิทรรศการ Demon Slayer อยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้จะเป็น IP ใหญ่ เธอกลับมองว่า ไม่ตอบโจทย์กลุ่มคนไทยเท่าที่ควร คุณกอล์ฟกลับประทับใจนิทรรศการ Junji Ito Horror House และตัดสินใจซื้อสิทธิ์มาจัดในไทย กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการจัดนิทรรศการอย่างเต็มตัว โดย ได้รับเสียงตอบรับล้นหลามจากแฟนมังงะและผู้ชมทั่วไป
“พอเราดูเสร็จ กลับมาก็กลับมาคิดว่างานไหนที่จะเหมาะกับประเทศ งานไหนที่มันจะเหมาะกับประเทศไทย ซึ่งวันนั้นถ้าเป็นคนอื่นก็คงเลือก Demon Slayer แต่เรากลับไม่เลือกเพราะเราแค่รู้สึกว่าตัวงานมันไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับวิถีคนไทยเท่าไหร่ มันไม่ได้สนุกเหมือนเดินดูรูปภาพผลงาน แต่เรากลับรู้สึกชอบงาน Junji Ito มากเลย เพราะเราเป็นแฟนคลับตัวมังงะของอาจารย์อยู่แล้ว แล้วตัวงานมันค่อนข้างดีมาก Surprise มาก ชอบมาก เราก็เลยตัดสินใจบอกเขาว่า เราขอซื้องาน Junji Ito มาทำในเมืองไทย"
“เพราะความชอบส่วนตัวแล้ว ก็เลยเอามาทำเป็นนิทรรศการแรกของบริษัทตอน 2023 ช่วง Halloween ก็ปรากฎว่ากระแสตอบรับดีมาก พอปล่อยโปสเตอร์ไป คนฮือฮาแล้วก็มี Celeb ดารา Influencer ติดต่อเยอะมาก ได้ผลตอบรับค่อนข้างดี คนเข้าประมาณ 5-6 หมื่นคน ใน Scale ที่เราไม่ได้คาดหวัง เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วควรจะตัวเลขประมาณเท่าไหร่ แต่พอคุยเรื่องของตัวต้นทุน Profit and Loss เรา ผ่านมาได้แล้ว เพราะว่ามันกำไร มันไม่ได้ผิดหวังมาก แต่ก็เกินคาดในส่วนหนึ่งที่คนสนใจอย่างมาก ก็เลยเริ่มมามองเห็นว่างานนิทรรศการก็เป็นตัวที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งนับจากวันนั้น”
Cr: Japan Anime Movie Thailand
Junji Ito สู่ The Conjuring: การเติบโตแบบข้ามจักรวาล
หลังความสำเร็จของ Junji Ito Horror House in Thailand 2023 ทาง Five Star Agency ไม่หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขาขยายไปยัง IP ระดับโลกอย่าง The Conjuring Universe Tour ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างทีมจากไต้หวันและฮ่องกง และ Universal Studios ที่ควบคุมคุณภาพอย่างเข้มข้น
คุณกอล์ฟเล่าว่าทุกอย่างเริ่มจากความบังเอิญ เมื่อเธอไปชมงาน The Conjuring ที่ไต้หวันด้วยความชอบส่วนตัว จนต้องเดินไปแลกนามบัตรกับผู้จัดโดยตรง และนั่นนำไปสู่การเจรจาทางธุรกิจที่ยาวนานถึง 8 เดือน จนกลายเป็นนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จและ “ยกระดับ” ความสามารถของทีมงานให้เทียบเท่าสากล
“เราถือว่างานนี้ประสบความสำเร็จเพราะว่าเป็น IP ระดับโลก ไม่ใช่แค่ของเอเชียแล้ว เพราะเป็น IP ที่คนต่างชาติทั่วโลกรู้จัก แล้วก็เป็นคอนเทนต์ ของ Universal ที่เป็นตัว Attraction ที่เข้ามาควบคุมงานทุกอย่างในการ Set Prop การ Set team ทำ Operation ทั้งหมด ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราเติบโตขึ้น เราไม่ได้แค่อยู่ในแวดวงของญี่ปุ่น”
“จุดนั้นทำให้เรารู้ว่าทีมงานสามารถทำงานในลักษณะ International ได้ เราคุยกับคนที่เป็นทีมงานระดับโลกแบบนี้ได้ เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เราภูมิใจ แล้วมันมาจากตัวเราคนเดียวที่เรายืนแลกนามบัตรในวันนั้นเพื่อให้ได้งานนั้นมา มันไม่ได้มาจากใครแนะนำเราเลยด้วยซ้ำ เราก็เลยมองว่าเป็นงานที่เราภูมิใจที่เราทำมันจนจบ”
Cr. FIVE STAR Agency
Doraemon: โปรเจกต์ที่ลงทุนสูงสุดและศรัทธาต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น
“ทุกงานเราก็อยากให้เป็นการลงทุนที่มันสมเหตุสมผล แต่ด้วยแต่ละงานมันมีมูลค่าที่เขาตั้ง ต้องบอกว่าอย่างวันที่เราได้ทำกับ The Conjuring Universe เราก็เลยไปเจอพารท์เนอร์ อีก 2-3 บริษัท ในงาน The Conjuring เราไม่ได้ Contact ตรงกับ Universal โดยตรง แต่ The Conjuring มีหุ้นส่วนจากฮ่องกง 2-3 บริษัทที่ถือลิขสิทธิ์ The Conjuring Universe ในเอเชีย เราต้องเป็นพาร์เนอร์กับเขาก่อน เราถึงจะได้ทำงานนี้ในประเทศไทย เป็นเงื่อนไข เพราะตัวเค้า (ฝั่งฮ่องกง) เขาซื้อสิทธิ์มาเพื่อจัดทั่ว Southeast Asia เลย แต่ไทยยังไม่ได้มีคนจัดทำแล้วมาเจอเราพอดี นี่คือเบื้องหลังที่มาของงาน (Doraemon)
“ซึ่งสองบริษัทนี้เป็นสองบริษัทที่มีแผนในการจะเดินสายนิทรรศการในเอเชียอีกหลายเมือง ทีนี้ Doraemon จริงๆ มีอีเว้นท์อยู่ในแผนก็คือ 100% Doraemon ซึ่งสองบริษัทนี้ ในฮ่องกง เป็นบริษัทชั้นนำที่ทำนิทรรศการระดับโลกจริงๆ ก็ Collaboration กับหลายๆศิลปินในโลก”
“เค้าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงพอสมควร และมันก็เป็นโอกาสที่เราได้เข้าเข้าร่วมในส่วนของ Thailand เพราะฉะนั้นเราก็มีการคุย วันที่เราคุยกับที่ The Conjuring ย้อนกลับไปจากวันนี้น่าจะสองปี”
“วันที่เค้าเข้ามาทักมาคุยกับเราเรื่อง The Conjuring เขาก็เปิดแผน Line-up ของงาน ทั้งหมดในนี้ คุณอยากจะลงทุนเรื่องไหน ซึ่งเราเห็นแล้วก็ตกใจมาก ว่าฉันจะต้องเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างเป็นทางการแล้วเหรอ แต่ว่าสามีเป็นคน Support เรื่องนี้ เค้าเป็นคนชอบอะไรที่เราชอบ เค้าอยู่สาย Entertainment อยู่แล้ว ทำงานในวงการทำหนังมาตลอดชีวิตของเขา เขาไม่เคยทำอย่างอื่นเลย เพราะฉะนั้นพอเราเป็นคนประเภททำนู่นทำนี่เขาก็ Support เต็มที่”
“เพราะฉะนั้นพอเราเห็น Line-up เราก็เลยรู้สึกว่าจริงๆแล้วเราพร้อม พร้อมที่จะทำได้ทุกงาน แต่ว่ามันต้องอยู่ที่ความถูกต้องเหมาะสม มันก็เลยทำให้เราเริ่มจากการ Acquire พื้นที่ เราก็เลยเช่าที่กับ ICONSIAM เป็นเวลา 1 ปี ไปเช่าที่ มาบุญครอง (MBK) เราเช่าที่มาบุญครอง สามปี”
หนึ่งในงานที่บริษัทภาคภูมิใจที่สุดคือ 100% Doraemon & Friends Tour in Thailand ที่จัดขึ้น ณ ICONSIAM โดยเป็นนิทรรศการระดับโลกที่ต้องการความละเอียดสูงในทุกขั้นตอน ความพิเศษของงานนี้อยู่ที่การร่วมมือกับคณะกรรมการญี่ปุ่นและทีมงานฮ่องกง รวมถึงลูกสาวของอาจารย์ Fujiko ผู้ให้กำเนิด Doraemon ที่เดินทางมาตรวจงานด้วยตนเอง สิ่งนี้สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้ Doraemon ยืนหยัดมาได้กว่า 90 ปี
“ยากมากเลยค่ะ Doraemon เหมือนจะยากกว่างาน The Conjuring กว่าหลาย100เท่า ทั้งที่เราทำงานกับญี่ปุ่นมา ไม่รู้กี่ 10 บริษัท ทำงานกับตัวคาแรกเตอร์มาไม่รู้กี่ 100 ตัว แต่ตัว IP นี้ยากมากจริงๆ ด้วยความที่ เป็นการทำงานกับหลายบริษัทด้วยมันจะไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ พอมันเป็น Doraemon จะมี Committee จะมีเรื่องของลิขสิทธิ์ในไทยก็คือ บริษัท Animation International Thailand เค้าถือลิขสิทธิ์ในไทย แล้วก็มีของที่ฮ่องกงด้วย มีหลาย Party มีหลายความคิดเห็น มันเลยมีความยุ่งยากและซับซ้อนในการทำงาน เช่นหน่วยงานเดียว ชิ้นงานเดียว มีหลาย Party มากเลยที่จะดูเรื่องของ Decisions"
"เหมือนเขาจะมีความใส่ใจสูง ระวังมาก เราก็มาคุยกันว่าทำไม Doraemon ถึงอยู่ถึงอยู่ได้ยาวนานขนาดนี้ ถ้าเทียบกับ Anime อื่นๆ ที่เราเคยทำงานมา คือ จบแล้วก็คือจบ ไม่มีต่อ แต่อย่าง Doraemon อยู่มานาน ก็ดูจากวิธีการทำงานที่ทำด้วยกัน 8-9 เดือนนี้ บอกได้ว่าไม่แปลกใจเลยเพราะว่าคงความเป็นคาแรกเตอร์ตัวเองสูงมาก ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนนักวาด หรือจะเปลี่ยนทีมงาน แต่สุดท้ายคุณ Keep เส้นเรื่อง และ Keep character ได้เหมือนเดิม แต่มันเหมือนเดิมทั้งตัวละคร นิสัย บุคลิก ความคิด เค้า Keep ให้มันเหมือนเดิมได้ยังไง? เค้าเก่งมาก ไม่หลุดจุดยืนของตัวเองออกไปจากสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ หรือยุคสมัย หรือเทรนด์อะไรต่างๆ ไม่มีเลย ไม่ไปเกาะกระแสโลก เค้าจะมีความเป็นตัวเอง”
Cr. 100% Doraemon&Friends Tour in Thailand
ไฮไลต์ในนิทรรศการ เช่น โต๊ะทำงานของอาจารย์ Fujiko ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นจริงๆ ฉากสำคัญในเรื่อง เช่น โนบิตะร้องไห้กอดโดราเอมอน ไปจนถึงโซนภาพต้นฉบับและคำคมสร้างแรงบันดาลใจ กลายเป็นจุดที่เชื่อมโยงผู้ชมเข้ากับความทรงจำวัยเด็กอย่างลึกซึ้ง
“ตอนแรกเราทำเป็น Format Event เพราะฉะนั้นเราต้องทำตามที่เค้า set ไว้ เราแอบคิดเองไม่ได้ ต้องวางตามเค้า เราต้องทำตาม Route เส้นทางที่เขาวางไว้ก่อน คือ Committee ของ Fujiko เขา Set ไว้ก่อน ตรงที่โชว์ Doraemon อยู่ริมน้ำ เราต้องทำเหมือนที่ทำกันที่ฮ่องกง เลยลงตัวที่ ICONSIAM แบบ Avenue of Stars HK (Venue ที่ฮ่องกงเลือก) เราก็เลยวางตรงจุดนั้นเหมือนกัน แต่ Surprise ตรงที่ว่าตอนที่เราทำ Press Conference ได้รับแจ้งว่าลูกสาวของ Fujiko จะมาเองด้วยนะ มาที่ไทยเองด้วย เราก็ตื่นเต้นมาก มันไม่ใช่แค่การซื้อ Format เขาใส่ใจ ลูกสาวมาตรวจงานเอง มีความซีเรียสจริงจังมากๆ”
“วันนั้นที่ลูกสาวของ Fujiko มา เขาก็พูดถึงว่าพ่อของเขาเคยมาประเทศไทยตอนหนุ่มๆแล้วก็เล่าความประทับใจของเขาให้ฟัง แล้วเขาเอาเรื่องนี้มาเล่าบนเวทีแถลง ก็เลยรู้สึกว่ามันก็มาจากตัวของลูกสาวเหมือนกัน มาจากความเป๊ะของเขา”
“การเติบโตของ Doraemon ต้องมาจากครอบครัวนี้ที่ทุกคนต้องเดินตาม ในงานนี้ในระหว่างการเดินนิทรรศการมันเป็นเรื่องราวของพ่อของเขาเป็นคนกำหนดกันมาว่าใน Route ของการเดินเข้าชมในงาน เราจะได้เจอกับอะไรบ้าง”
“มันเริ่มตั้งแต่โต๊ะทำงานของคุณพ่อของเขา ซึ่ง Set ทั้งหมด Set Prop ทั้งหมดในงาน มันมาจากฮ่องกงนะ โต๊ะทำงานมันมาจากที่ญี่ปุ่น มันคือการ Shipping Prop ครั้งแรกที่กอลฟ์เองได้พบเจอ เขา Set หน้าโต๊ะมาเลยดินสอ ปากกา ยางลบ กระดาษ พ่อเขาวางไว้ตรงไหน คือเอายางลบติดมากับหน้าโต๊ะเลย ติดมาทุกอย่างบนโต๊ะเลย แล้วบนโต๊ะมีอะไรบ้าง”
Cr. 100% Doraemon&Friends Tour in Thailand
“เขาจำลองให้มาเหมือน 100% เลย แล้วยกหน้าโต๊ะนี้แพ็คมา ส่งโดย Yamato Transport มาจากญี่ปุ่นมาให้เรามา Set อยู่บนโต๊ะอีกทีนึง มันเป็นความใส่ใจเล็กๆน้อยๆที่เขาอยากให้มันเป็นโต๊ะของพ่อเขาจริงๆ”
“เราก็เรียนรู้เลย วิถีเค้าเป็นแบบนี้ เราก็ค่อยๆซึมซับ ทำความเข้าใจกับเค้าไป ไปตรวจงานมันไม่เหมือนงานอื่น มันมีความใส่ใจทุกรายละเอียดต่างๆ เพราะฉะนั้นถามว่าเราได้คิดอะไรมั้ย เราไม่ได้คิดหรอก แต่เราพยายามทำพยายามเสิร์ฟในสิ่งที่เขารีเควสได้เต็มที่มากที่สุดดีกว่า เขาอยากได้อะไร เขาอยากให้ตรงไหนเป็นแบบไหนเราทำให้เหมือนดั่งใจที่เขาอยากได้ นี่คือมีความภูมิใจในส่วนนี้มากกว่าที่จะไปช่วยเขาคิด”
จากผู้นำเข้า สู่ความฝันของการส่งออก IP ไทย
Five Star Agency ไม่ได้หยุดแค่การนำเข้าคอนเทนต์ญี่ปุ่น แต่ยังมี ความฝันที่จะส่งออก IP ของไทยสู่เวทีโลก เป็นสัญญาณของการเติบโตในฐานะ “ผู้ส่งออกคอนเทนต์”
คุณกอล์ฟเล่าต่อว่า “ก็มีที่คุยกับทางเรา ในเรื่องของ IP ที่ เราน่าจะรู้จักที่มานั่งคุยกันที่มีความอยากที่จะทำ ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์ในประเทศไทยแล้วสำเร็จ มันต้องไปในต่างประเทศ แต่ว่ามันมีการเรียกทีมเราเข้าไปคุย ในการแชร์ Know-how ให้ซึ่งกันและกันและก็ดูเรื่องของการทำแผนธุรกิจว่ารายได้มันเป็นยังไง”
“ถ้าถามว่าวันนี้ Connection ที่มีของเรา ไม่ว่าจากที่ มาเลเซีย อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง คือไปได้หมด ถ้าเราอยากไปทำงานอีเว้นท์ที่ประเทศไหน เรามีเครือข่ายกลุ่มนี้ที่ค่อนข้างเหนียวแน่นที่จะอยากซื้องานเราเข้าไป เพียงแต่เราต้องหา IP ที่มันไปได้จริงๆ”
Cr. FIVE STAR Agency
คุณกอล์ฟเน้นว่าการจะส่งออก IP ไทยได้นั้นนอกจากเรื่องราวที่ต้องมีความน่าสนใจ แต่ต้องมี ‘ตัวละคร’ ที่แข็งแรง และสามารถต่อยอดสู่ merchandise และ attraction ได้ด้วย
“ยกตัวอย่างเช่นผีไทย เรามีผีเยอะแยะเลยแต่มันไม่ได้เป็นผีแข็งแรงนะ มันมาแล้วก็หายไป มันไม่ได้เป็นผีที่มีความ Generic ของเราเอง เพราะสุดท้ายมันคือผีแบบผีพื้นบ้าน ผีปอบ ที่มันไม่ได้ถูกสร้างเป็นคาแรกเตอร์ มันยังต้องสร้างคาแรกเตอร์ ซึ่งถามว่าประเทศไทยมีคาแรกเตอร์ไหม ก็มีในระดับนึง แต่ว่ามันยังไม่ชัดเจน เพราะบางทีในหนังยังไม่ค่อยเห็นตัวผีเลยนึกออกมั้ย มันแว๊บไปแว๊บมา มันไม่ค่อยเห็น มันเลยเป็นเรื่องที่ยังต้องต่อยอดต่อไปในการสร้างคาแรกเตอร์ การทำธุรกิจนิทรรศการมันไม่ได้สร้างรายได้แบบ Ticketing อย่างเดียว แต่เป็นรายได้จากตัว Merchandise ด้วย”
“คนมา Universal Studios หรือ Disneyland เพื่อซื้อของข้างใน มันต้องมี Merchandise มันต้องมีคาแรกเตอร์ เหมือนมาโรงหนังต้องซื้อ Popcorn กับเครื่องดื่ม มันคือ Other Income ที่ต้องเกิดขึ้น นั้นสิ่งที่เราต้องทำคือต้องสร้างสิ่งนี้ออกมาให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นการทำ Ticketing อย่างเดียวมันจะมีความเสี่ยง”
ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค และการมองเศรษฐกิจแบบคนสร้างประสบการณ์
แม้ภาวะเศรษฐกิจในไทยจะไม่แน่นอน แต่คุณกอล์ฟกลับมองเห็นโอกาส เพราะผู้บริโภคยังยินดีจ่ายให้กับ “ประสบการณ์ที่มีค่าและหายาก” เธอเปรียบเทียบกับแบรนด์อย่าง Pop Mart ที่ยังเติบโตสูง
“เราจะไม่ค่อยคิดถึงคำว่าเศรษฐกิจไม่ดีมันเป็นเรื่องจริงเท่าไหร่ ด้วยจุดที่เราอยู่เอง เราทำธุรกิจ Entertainment เราไม่ได้มองตัวเองอย่างเดียวหรอก เราลองดูคนอื่นๆ มองอย่างเช่น Pop Mart ทำไม Pop Mart เปอร์เซ็นต์ยอดขายมันขึ้นแบบเยอะมาก มันเป็นของเล่น แต่ถามว่าเราสะสมมั้ย เราสะสมกัน”
“เราเลยรู้สึกว่าของพวกนี้นอกจากนี้เป็นเรื่องของ Emotional แล้วมันก็มีเรื่องของเทรนด์ และมีเรื่องของกระแสถ้าเราสร้างกระแสให้คนสนใจ มันก็จะมีคนสนใจ พวกนี้มันสร้างเทรนด์ขึ้นมาได้ถ้ามันอยู่ในจุดที่เราสนใจด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง”
“แล้วเราอยู่ในจุดที่ถ้าเรานำสิ่งที่มีแค่ช่วงเวลาจำกัด เป็นสิ่งที่ดีและช่วงเวลาจำกัดให้กับคนทั้งประเทศเป็นอีเว้นท์ คุณจะมามั้ย? เรามองแบบนั้น ในเรื่องต้นทุนที่สูงมันคือการตัดสินใจของผู้จัดงาน ที่ไม่ได้เกี่ยวกับคนที่จะมาเข้างานเราหรอก แต่เราแค่มองว่ามันมีไลฟ์สไตล์ของมันเอง ในส่วนของอีเว้นท์ที่ถ้าคุณไม่มาก็ไม่ได้เจออีกแล้วนะ คุณก็ต้องบินไปดูประเทศอื่นในที่อื่นๆ แล้วคุณจะตัดสินใจเข้าร่วมมั้ย? นี่เป็นหน้าที่ของการตลาด ในการโปรโมทของเรา ทำให้เข้าถึงตรงนั้นกับกลุ่มที่เราอยากให้เขามาก่อนอันดับแรก”
อนาคตของ Five Star Agency และพันธกิจที่ยังคงมั่นคง
“เราต้องบอกก่อนว่าเรายังมีความมุ่งมั่นที่จะยึดแกนหลักของความเป็นญี่ปุ่น เพราะว่าการสื่อสารและความชัดเจนมันเป็นเรื่องสำคัญมากในยุคนี้ ถ้าคุณไม่ได้มีสิ่งนี้อยู่ในมือ คุณไม่ได้มีฐาน มันต่อยอดยากมากพอสมควร เราเลยมองว่าเราดูแลลูกค้าที่เรามี แล้วเราต่อยอดไป จริงๆแล้วของญี่ปุ่นมันยังมีอีกเยอะมากเลยที่ยังไม่ได้ทำ ก็ต้องต่อยอดกันต่อไปค่ะ”
“เราพยายามหาอะไรมา Surprise ในเมืองไทยเรื่อยๆแหละ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็น IP ที่เคยจัดแล้วหรือยังไม่เคยจัด แต่เราพยายามที่จะหาอะไรใหม่ๆเข้ามาให้มันมีสีสันมากขึ้น เพิ่มความท้าทายมากยิ่งขึ้น”
สุดท้าย คุณกอล์ฟขอฝากให้ผู้ชมมาร่วมสัมผัสงาน 100% Doraemon & Friends Tour in Thailand และมองเห็นคุณค่าของงานที่ทีมงานตั้งใจอย่างสุดความสามารถ เพราะถ้าทุกคนให้ความสำคัญ ก็จะมีโอกาสให้คอนเทนต์ดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อไปได้อีกเรื่อยๆ
นิทรรศการ 100% DORAEMON & FRIENDS TOUR IN THAILAND เป็นโปรเจกต์เวิลด์ทัวร์ของโดราเอมอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นโดย All Rights Reserved (ARR) และ Fujiko Pro พร้อมด้วย Japan Anime Movie Thailand ภายใต้การดูแลของ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด ร่วมกับ Trendic International Limited และ Incubase Studio Limited เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปี โดราเอมอนและผองเพื่อน ซึ่งได้จัดขึ้นแล้วในฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 บนพื้นที่การจัดแสดงกว่า 3,000 ตารางเมตร เพื่อให้ผู้ชมได้พบและย้อนวัยไปกับเจ้าหุ่นยนต์แมวตัวสีฟ้าที่ครองใจผู้คนทั่วโลก ด้วยกองทัพคอลเลกชันหุ่นโดราเอมอนและเพื่อนๆ ขนาดเท่าตัวจริงถึง 111 ตัว และโดราเอมอนยักษ์ความสูงกว่า 12 เมตร พร้อมด้วยภาพวาดต้นฉบับที่จำลองมาจากการใช้แปรงของ ฟุจิโกะ เอฟ ฟุจิโอะ และของวิเศษที่จะเผยโฉมในประเทศไทย โดยงานนี้จัดขึ้นเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ณ ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 22 กรกฎาคม 2568
Cr. 100% Doraemon&Friends Tour in Thailand
นิยามของโดราเอม่อน:
คุณกอล์ฟเล่าว่า “สำหรับในความคิดของเราเอง เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของมิตรภาพ ตัวเราเองชอบ Doraemon เรื่องของ Doraemon เพราะเราคิดว่าตัวเราเองคือ โนบิตะ โดยส่วนตัวนะ ที่เรามีคนช่วยเหลือเรา Support เรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อนพี่น้อง พาร์ทเนอร์ ซึ่งคนเหล่านี้เรามองว่าเขาเป็น Doraemon ด้วยความที่เรามีคนอุปถัมถ์เราช่วยเหลือเราตลอดเวลา Doraemon คือสิ่งนั้นในวันที่ทุกๆคนต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหา มีคน support”
“เพราะ Doraemon เป็นจุดๆนึงที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีใคร มีอะไรหรือมีเพื่อนที่ดี เขาถึงบอกว่าถ้าเราอยู่ในจุดที่เรามีคนที่ช่วยเหลือเราดี มันจะนำพาเราไปในสิ่งที่ดี ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันคือแกนหลักของเรื่อง”
“ในเรื่องของ Doraemon คือ การที่ช่วยเหลือกันของสองคนนี้แหละไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโนบิตะจะอยู่กับซึเนโอะ ไจแอนท์ มันก็จะพากันไปเลวร้ายใช่มั้ย แต่ไปกับ Doraemon มันก็จะมีแต่เรื่องดีๆที่คอยปลูกฝัง คอยให้แง่คิดที่ดี แล้วโนบิตะก็จะได้รับบทเรียน และคิดได้ว่าจริงๆแล้วว่าฉันทำผิดพลาดไป ต้องได้ Doraemon เข้าไปช่วยเหลือแนะนำ นี่คือแก่นของเรื่องที่เราจับต้องเรื่องนี้มาตลอด”
มุมที่น่าประทับใจ
“ในช่วงที่เราเปิดงาน 2 สัปดาห์แรก เราอยู่หน้างานทุกวัน เราเดินดูลูกค้า สังเกตุว่าเขาคุยอะไรกัน มันทำให้เราเห็นว่า มีคนที่รู้เรื่อง Doraemon ดีกว่าเราอีก 100 เท่า 1000 เท่า มีแฟนพันธ์แท้เยอะมากไปหมดเลย มีการพูดถึงฉากในแต่ละฉาก ซีนนี้ คำพูดนี้ ตอนเราอ่านเราเป็นเด็กส่วนใหญ่ก็ลืมไปเยอะแล้ว เลยรู้สึกว่า Doraemon มันคือความ Simple มันไม่ได้มีความหวือหวาอะไรหรอก แต่เรารู้สึกว่าคนที่ชอบจะอินกับมันมาก คนที่จัดงาน คนที่เลือกมุมแต่ละห้องเขาทำ Research มันจะโดนใจคนทั่วโลกแล้วจริงๆ ดึงเอาจากซีนนั้นฉากนั้นมาใช้ เราก็ไม่รู้ว่าประเทศอื่นๆจะชอบฉากนี้เหมือนเรามั้ย เช่นที่ Daisuke ที่เป็นไดโนเสาร์ มันดังในประเทศอื่นเหมือนกันใช่มั้ย ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย จำได้ว่าร้องไห้กันหมด มันอยู่ในนิทรรศการ ซึ่งแปลว่ามันเดินสายไปในหลายๆประเทศ นั่นแปลว่ามันต้องถูกใจคนทั่วไปจริงๆ ทุกคนก็จะยืนคุยเรื่อง Daisuke ยืนคุยยาวนานมาก"
"ตอนเปิดห้องแรกห้อง Theatre ก็เป็นเรื่องของไจแอนท์ที่อยากจะไปประกวดร้องเพลงแล้วก็จัด Concert World Tour คือคนจะขำกันทั้งห้องตอนเข้าไปดู เราดูหลายรอบก็ยังชอบไปนั่งดูสังเกตุเวลาลูกค้าไปดู มันตลก เพราะแค่ ไจแอนท์ร้องเพลงก็ตลก มันเป็นเรื่อง Simple มากๆ มันไม่ได้มีเรื่องหวือหวาอะไรเลย มันเข้าถึงคนได้ยังไงในเรื่องเนื้อหาแบบนี้ เชื่อว่าหลายๆห้องมันเป็น Symbol ของแต่ละตอนที่ถูกใจคนส่วนใหญ่ และเข้าถึงได้ง่าย"
Cr. 100% Doraemon&Friends Tour in Thailand
นิทรรศการ เข้าได้สองโซน เป็นนิทรรศการ 100% Manga Art Exhibition ชั้น 6 และ 100% Doraemon River Park Exhibition บริเวณลาน River Park ชั้น G เข้าชมงานได้ตั้งแต่เวลา 10.30 น. ถึง 21.00 น. (ปิดรับคิว 20.30 น.) ทุกวันถึง 22 กรกฎาคม ผ่านหน้างานหรือ ช่องทางออนไลน์ Eventpass: ticket.eventpass.co/t/doraemon-100-th และ Klook: https://s.klook.com/th_doraemon