สะพานขาด ชีวิตเล็กๆ ที่ถูกกดทับใต้คำสั่ง : บทวิจารณ์โดย กัญชญาลักษณ์ องค์ศิริพร

สะพานขาด ชีวิตเล็กๆ ที่ถูกกดทับใต้คำสั่ง

        "สะพานขาด" เป็นการรวมเรื่องสั้นของนักเขียนซีไรต์อย่าง กนกพงค์ สงสมพันธุ์ ที่มีมุมมองต่อมนุษย์ในด้านที่หลากหลาย โดยการถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือผ่านเรื่องสั้นต่างๆ โดยตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องสะพานขาดนั้นได้ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า ผมและที่เล่าเรื่องราวต่างๆผ่านทางมุมมองของตัวเอง ซึ่งเรื่องราวได้ย้อนกลับไปในอดีต ช่วงเวลาก่อนหน้าการปะทะ เขาได้กลิ่นดินผสมกลิ่นเม็ดข้าวยามเหลืองทองกลิ่นซังข้าวทำให้ย้อนนึกถึงวัยเด็ก เป็นวัยที่ต่างจากปัจจุบัน โดยสิ้นเชิงเป็นวัยที่เต็มไปด้วยความสุข ความร่าเริง และความเป็นอิสระ ท่ามกลางธรรมชาติและครอบครัวแสนอบอุ่น น้องชายของเขาเป็นเด็กที่เก่งมากในเรืองการเลียนเสียงสัตว์ไม่ว่าจะเป็น เป็ด แมว หมา นก และไก่ เขายังสามารถเรียกสัตว์ที่ทั้งเชื่องและไม่เชื่องได้อีกด้วย เขาจึงมีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งบนไม้กระดานแทนไก่ได้มากกว่าใคร จากมุมนี้ทำให้เราสามารถมองได้ว่า น้องชายเปรียบเสมือนผู้มีอำนาจเมื่อสามารถสั่งใครได้ก็จะได้อยู่บนที่สูงๆ และการทำเสียงเลียนสัตว์แล้วมีสัตว์มาฟังทั้งทั้งเชื่องและไม่เชื่องนั้น เปรียบเหมือนอำนาจที่สังคนที่อำนาจน้อยกว่าหรือไร้ซึ่งอำนาจให้เชื่อฟังหรือทำอะไรบางอย่างให้กับคน

        หลังจากที่เขาได้ย้อนถึงอดีตเสร็จก็จะต้องเผชิญกับปัจจุบันที่กำลังจะมาถึงนั้นก็คือสงครามนั้นเอง สงครามกำลังที่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเเต่เขาก็ต้องพบเจอกับความจริงอันโหดร้ายทีว่า น้องชายทีเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็กต้องมาเป็นศัตรูกันเพราะน้องชายของเขานั้นอยู่คนละฝ่ายกับเขาความเศร้าโศกจึงได้เกิดขึ้นเมื่อ แม่เข้ามาและได้พูดว่า...

      "สักวันมันคงคิดได้หรอก...แกอย่าห่วงเลย"

      พระก็ได้เอ่ยขึ้นเรียบๆว่า...

       " น่าเสียดายก็แต่ไอ้น้อย... ทำไมหนอโลกนี้ถึงมีสิ่งแตกต่างกันได้ถึงปานนี้ เอ็งเป็นเจ้านายมียศมีศักดิ์ แต่น้องชายเอ็งทำไมถึงหลงผิดไปถนัดใจได้เพียงนั้น..."

       เขาก็อยากที่จะโต้ตอบว่า น้องชายของเขานั้นก็ไม่ต่างจากเขาต่างกันก็เเค่น้องชายเขาเป็นทหารของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง พบว่าได้บทนี้ แสดงถึงการเศร้าโศกเสียใจของทั้งพี่ชาย แม่ และพระ และยังมีการไม่ยอมรับความแตกต่างอีกด้วย ในขณะที่รถหุ้มเกราะนั้นกำลังผ่านสวนยางพาราออกมาสองข้างทางเป็นนาข้าว ตรงหน้าของเขานั้นก็ได้พบกับหัวท้ายของสะพานนั้นได้โดนระเบิด เสียงจากข้างหลังถามถึงสาเหตุของการหยุดรถ เมื่อเขาได้รู้ถึงเหตุผล เขาจึงได้บอกให้รีบไปซึ่งทางเดียวที่จะไปได้คือเหยียบนนาข้าวไป ณ วินาทีนั้นความอึดอัดของทั้งโลกได้มารุมที่ตัวของเขา เขาจึงได้คิดว่า....

      "เรากำลังจะเดินทางไปเพื่อเอาชัยชนะเหนือข้าศึกของประเทศแต่มันหมายถึงด้วยการเหยียบย่ำไปกับชีวิตของพลเมืองกระนั่นหรือ.." จากกรณีนี้เเสดงให้เห็นว่าการที่เราจะขัดคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เปรียบเหมือนประชาชนเป็นผู้ดำเนินเรื่องที่กำลังจะขับรถเหยียบนาข้าวไป และเสียงจากด้านหลังนั้นเป็นเสียงจากผู้มีอำนาจ เช่น รัฐบาลที่ประชาชนนั้นยากที่จะขัดคำสั่งได้

     จากเรื่องสั้น "สะพานขาด" พบว่าผู้เขียนต้องการสะท้อนให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจและผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจในการขัดคำสั่งและการไม่ยอมรับซึ่งความเห็นต่างของผู้อื่นแต่แท้จริงแล้วเราควรที่จะมอบความเข้าใจ การเห็นค่า การเคารพผู้อื่น การให้เกียรติ การยอมรับซึ่งกันและกันเพื่อให้พวกเราได้อยู่กันในสังคมที่ดีขึ้น

 

บทวิจารณ์โดย กัญชญาลักษณ์ องค์ศิริพร
โครงการ อ่าน เขียน เรียนรู้ สู่ งานวิจารณ์ ปีที่ 10

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ