ในโลกที่อุตสาหกรรมสำนักพิมพ์ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุคดิจิทัล Mizan Group หนึ่งในสำนักพิมพ์ชั้นนำของอินโดนีเซีย ได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวในทันตามเทคโนโลยี ภายใต้การนำของ ซารี เมอุติยา CEO ผู้เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ บทสัมภาษณ์นี้จะพาคุณสำรวจเบื้องหลังความสำเร็จของ Mizan ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1983 การขยายตัวจากหนังสือศาสนาไปสู่วรรณกรรมหลากหลายประเภท ไปจนถึงการก้าวสู่การตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นและพัฒนาการของ Mizan
ซารี เมอุติยา: Mizan ก่อตั้งในปี 1983 โดยคุณ Haidar Bagir ปัญญาชนมุสลิมผู้โดดเด่น ในช่วงแรกเราเน้นไปที่หนังสือเกี่ยวกับศาสนาอิสลามเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้ขยายไปสู่หนังสือสำหรับเด็ก วรรณกรรม และหนังสือที่น่าสนใจทั่วไป ปัจจุบัน Mizan ประกอบด้วยแบรนด์ย่อย เช่น Bentang Pustaka, Mizan Publishing และ Noura Publishing ซึ่งแต่ละแห่งนำเสนอมุมมองและเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแก่ภูมิทัศน์วรรณกรรมของอินโดนีเซีย เราได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วย โดยมีการดัดแปลง Laskar Pelangi เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเรา
กลยุทธ์ทางธุรกิจในยุคดิจิทัล
ซารี เมอุติยา: การตลาดดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนเกิดโรคระบาด เราผลิตหนังสือประมาณ 65 เรื่องต่อเดือน แต่ตอนนี้เราเน้นที่การโปรโมตในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของเรา เราใช้แพลตฟอร์ม เช่น Rakata.id สำหรับจัดจำหน่ายอีบุ๊ก และใช้โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok และ Instagram เพื่อเข้าถึงผู้อ่าน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้มีความท้าทาย ยอดพิมพ์ลดลงอย่างมาก และรายได้จากร้านหนังสือยังไม่กลับมาเท่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด
แนวทางการขายหนังสือของ Mizan
ซารี เมอุติยา: การขายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจเรา เราเริ่มแนวทางนี้มากว่า 20 ปี โดยทีมงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ขายหนังสือผ่านการรวมกลุ่มและงานชุมชน พวกเขาได้รับค่าคอมมิชชันและรางวัล เช่น แพ็กเกจท่องเที่ยวหรือการเดินทางไปแสวงบุญ แม้ว่าจะมีการแข่งขันจากผลิตภัณฑ์อื่น เช่น สกินแคร์ แต่จุดเด่นของเราคือชุดฝึกทักษะ การเรียนรู้สำหรับเด็กที่ตอบโจทย์ครอบครัวทั่วอินโดนีเซีย
Photo credit: Mizan Group
Mizan มีชื่อเสียงในเรื่องการตีพิมพ์เนื้อหาที่หลากหลาย รวมถึงวรรณกรรมทั่วไปและการแปล
ซารี เมอุติยา: แม้รากฐานของ Mizan จะอยู่ในวรรณกรรมอิสลาม แต่เราหันมาเผยแพร่งานที่ตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของผู้อ่านมากขึ้น เช่น งานแปลของนักเขียนต่างประเทศ อาทิ Dan Brown, J.K. Rowling และ Harper Lee แบรนด์ย่อยของเรายังขยายสู่วรรณกรรมแนวโรแมนติกและนิยายยอดนิยม เช่น ซีรีส์ Dilan ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอินโดนีเซีย
เมื่อเชิญนักเขียนชื่อดัง เช่น Karen Armstrong มาที่อินโดนีเซีย
ซารี เมอุติยา: การนำนักเขียนอย่าง Karen Armstrong มายังอินโดนีเซียใช้เวลาถึงสิบปี ฉันเดินทางไปลอนดอนและเชิญเธอด้วยตัวเอง ในที่สุด เธอก็มาในปี 2013 และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ได้รับความสนใจจากสื่อและการต้อนรับที่ดีทั่วประเทศ การมาเยือนของเธอแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงมุมมองระดับโลกกับผู้อ่านในอินโดนีเซีย
แรงบันดาลใจในการสร้าง Mizan
ซารี เมอุติยา: ฉันเริ่มต้นอาชีพกับ Mizan ในฐานะนักแปลอิสระ ต่อมาในปี 1997 เมื่อฉันมีลูกคนแรก ฉันจึงเริ่มทำงานเต็มเวลา หลังจากนั้นฉันดูแลโครงการต่าง ๆ เช่น หนังสือสำหรับเด็กและการศึกษา และฉันได้พักงานไปเรียน MBA และกลับมาด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนา Mizan ให้ก้าวหน้าไปตามวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
หนังสือของ Mizan ไม่ได้มีเพียงหนังสือที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม แต่ยังรวมถึงวรรณกรรมทั่วไปและหนังสือการศึกษา
ซารี เมอุติยา: การศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของสิ่งที่เราทำ นอกเหนือจากหนังสือเกี่ยวกับศาสนา เราเห็นความต้องการในเรื่องหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก การเรียนรู้ และความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะสำหรับคุณแม่วัยเยาว์ เช่นฉันเอง ตอนที่ฉันยังเป็นคุณแม่มือใหม่ ฉันตระหนักว่าการรู้เรื่องการเป็นแม่มากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็น ฉันจึงเริ่มแนะนำเนื้อหาที่ฉันชอบให้กับทีมบรรณาธิการ ตัวอย่างเช่น เราได้แนะนำ Quantum Learning ในอินโดนีเซีย ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้สร้างแบรนด์ย่อยเฉพาะ เช่น Kaifa Learning และ Qanita ที่เน้นเรื่องการศึกษาและการเลี้ยงลูก
นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนการศึกษาที่ครอบคลุม หนังสือของเรา เช่น One Child ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเด็กหญิงชื่อชีล่า ที่เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้รับการตอบรับอย่างลึกซึ้งในอินโดนีเซีย เมื่อโรงเรียนที่ส่งเสริมการศึกษาแบบครอบคลุมเริ่มเปิดตัวขึ้น เรื่องราวเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น
Photo credit: Mizan Group
แนวทางในการสร้างสมดุลระหว่างคุณค่าแบบอิสลามกับเนื้อหาทั่วไปเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่หลากหลาย
ซารี เมอุติยา: เป็นความจริงที่รากฐานของเรามาจากคุณค่าแบบอิสลาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป Mizan ได้กลายเป็นสำนักพิมพ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทุกวันนี้ เรามีแบรนด์ย่อยที่ตอบสนองความสนใจที่หลากหลาย เช่น Bentang ที่ตีพิมพ์นิยายและวรรณกรรมยอดนิยมโดยไม่มีจุดเน้นที่อิสลาม ความสมดุลนี้ช่วยให้เราสามารถให้บริการทั้งกลุ่มผู้อ่านดั้งเดิมและผู้ที่มองหาวรรณกรรมทั่วไปหรือร่วมสมัย
หนังสือเด็กของเราแสดงได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเราจะตีพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวกับคำสอนอิสลาม เช่น หนังสือเกี่ยวกับศาสดา 25 ท่าน เรายังมีหนังสือการศึกษาที่ดึงดูดกลุ่มผู้อ่านที่กว้างขึ้น ความแข็งแกร่งของ Mizan คือความสามารถในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้มั่นใจว่ามีบางสิ่งสำหรับทุกคน
Photo credit: Mizan Group
กลยุทธ์ของสำนักพิมพ์ Mizan
ซารี เมอุติยา: เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ตลาดดิจิทัลที่เติบโตขึ้นได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และแม้จะนำมาซึ่งความท้าทาย แต่ก็สร้างโอกาสเช่นกัน เรากำลังทำงานเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram เพื่อดึงดูดผู้อ่านรุ่นใหม่
การขายตรงยังคงเป็นเสาหลักของกลยุทธ์เรา เนื่องจากช่วยให้เราเชื่อมต่อกับผู้อ่านโดยตรง แม้เราจะเผชิญการแข่งขันจากสินค้าผู้บริโภคอื่น ๆ แต่แนวทางของเราคือการมุ่งเน้นที่คุณภาพ ตัวอย่างเช่น ชุดหนังสือสำหรับเด็กของเราได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อมอบคุณค่าทางการศึกษาในระยะยาว ซึ่งช่วยให้เราแตกต่างจากสำนักพิมพ์อื่น ๆ
อนาคตและทิศทางของ Mizan และอุตสาหกรรมสำนักพิมพ์อินโดนีเซีย
ซารี เมอุติยา: อุตสาหกรรมนี้กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน และ Mizan มุ่งเน้นที่การผสมผสานคุณค่าแบบดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมดิจิทัล เราลงทุนในบุคลากรรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจเนอเรชัน Z ที่นำมุมมองใหม่ ๆ และความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเข้ามา การเปลี่ยนผ่านรุ่นนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตของเรา ในอนาคต เราหวังที่จะขยายสู่ตลาดสากล เรื่องราวของอินโดนีเซียมีเสน่ห์ที่เข้าถึงได้ทั่วโลก และเรากำลังมองหาวิธีแนะนำหนังสือของเราให้กับผู้อ่านในระดับโลก นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราในขณะที่เรายังคงเดินหน้าต่อไปโดยยึดมั่นในคุณค่าหลักของเรา
บทสัมภาษณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำของซารี เมอุติยา รวมถึงการพัฒนาและความยืดหยุ่นของ Mizan ในการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมหนังสือ ทั้งในด้านดิจิทัลและการรักษาค่านิยมดั้งเดิมขององค์กร ทั้งการดึงดูดผู้อ่านผ่าน เทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมยอดขายตรงเฉพาะกลุ่ม และการสร้างเครือข่ายวัฒนธรรมนานาชาติ เพื่อสร้างความสมดุลในโลกของการพิมพ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว