เนื่องจากผมได้เห็นกระทู้ของท่านหนึ่ง เขียนชื่นชมร้านหนังสือร้านนี้ ผมเลยมองว่า อย่างน้อยๆ ร้านนี้ต้องมีความแตกต่างจกร้านอื่นๆทั่วไปบ้างแหละ เพราะน้อยร้านนักที่จะมีลูกค้ามานั่งเขียนบรรยายความรู้สึกชื่อชมได้แบบนี้ก็เลยอยากจะนำเรื่องราวของพี่เค้ามาแบ่งปันกันครับ หวังว่าคงถูกใจใครหลายๆคนนะครับ
เพื่อนๆมีร้านหนังสือในดวงใจกัน ป่าว ลองเล่าให้ฟังกันนะครับ
ส่วนตัวผมพอดีได้ไปเจอนิตยสารเล่ม นึงที่ร้านหนังสือศึกษิตสยามหน้าวัดราชบพิตรยืนอ่านแล้วก็นึกถึงพี่บงบง ที่เคยโพสหาร้านหนังสือที่น่ารักๆก็เลยมาหย่อนชื่อร้านขายหนังสือดี บรรยากาศอบอุ่นๆแบบที่คุยกับพี่เฝ้าร้านได้เรื่อยๆ ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าหรือมีกาแฟขายให้นั่งเล่นรับบรรยากาศดีๆ
นิตยสารนี้ก็เป็นของห้องสมุดที่ อยู่สาทร ซ.10 อย่าหาว่าเป็นการโฆษณาของเขาเลยนะฮะ เพราะว่าผมเพิ่ง เจอเล่มนี้เป็นเล่มแรก และก็เพิ่งรู้ทีหลังว่าเขากำลังปิดตัวแล้ว ทั้งที่ทำมาได้สิบก่าปี เล่มข้างล่างนี้ก็เป็นเล่มรองสุดท้ายแล้วแต่ยืนอ่านแล้วก็รู้สึกเขาตั้งใจทำ ดีอะ ผมเองก็ไม่ได้ซื้อเหมือนกันอ่ะ สงสัยเจ๊งเพราะมีแต่พวกยืนอ่านแบบผมมั้ง
ร้านหนังสือเล็กๆ บนโลกใบใหญ่
สานแสงอรุณฉบับ “ร้านหนังสือเล็กๆ บนโลกใบใหญ่” ขอนำเสนอเรื่องราวของ ร้านหนังสือเล็กๆ หรือร้านหนังสือทางเลือกที่ไม่ได้อยู่ในระบบเชนสโตร์ทั่วฟ้าเมืองไทย ตั้งแต่เหนือจรดใต้ และในกรุงเทพมหานคร เปิดเล่มด้วยเรื่องราวของร้านหนังสือในสายตาของเวียง-วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชนและเจ้าของร้านหนังสือสามัญชนแห่งหางดง ในอาคันตุกะมาเยือน ว่า “ร้านหนังสือจำเป็นต้องสร้างคนอ่าน เพราะคนอ่านจะกลับมาเป็นผู้สนับสนุนที่ทำให้ร้านหนังสืออยู่ได้...ถ้าเรามี ทุนน้อย เราก็ทำแบบน้อยๆ หาพื้นที่ที่ลงตัวและพอสู้ได้ หรือถ้าจะแพ้ก็ไม่เป็นไรหรอก เราอาจแพ้ในทางธุรกิจ แต่ในทางจิตวิญญาณเราไม่มีวันแพ้ แค่เริ่มต้นเราก็ชนะแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่อุดมคติเลย นี่คือเรื่องจริง นี่คือความเป็นจริงที่เราควรจะเดินไปบนถนนสายนี้”
ประกายอรุณว่าด้วยเรื่องราวของร้านหนังสือ เล็กๆ บนโลกใบใหญ่ โลกที่ความฝันและความจริงสอดประสาน ว่าด้วยเรื่องราวความเป็นมาของร้านหนังสือเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางมหานครแห่งนี้ รวมถึงทัศนะที่มีต่อวัฒนธรรมการอ่านของสังคมไทย และยังเป็นการแนะนำให้รู้จักร้านหนังสือเล็กๆ
เช่น
ร้านหนังสือเดินทาง
ร้านศึกษิตสยาม
ร้านหนังสือริมขอบฟ้า
ร้านโกมล
ร้านหนังสือประตูสีฟ้า
ร้านหนังสือของเรา
และร้านก็องดิด
คนของเส้นขอบฟ้า ฐาปนา พึ่งละออ พาไปสนทนากับเก็ท-เสาวนีย์ เมฆานุพักตร์ เจ้าของร้านเล่าหรือร้านหนังสือแห่งเมืองเชียงใหม่ แม้ว่าจะเปิดมานานเกือบสิบปีมาแล้ว แต่เธอบอกว่า “ถ้าคิดกำไรต้นทุนกันจริงๆ มันไม่ได้หรอก เพราะว่าไม่ได้คิดค่าตัวกันเลย แต่พี่ก็มองว่าพี่ได้อย่างอื่น โดยส่วนตัว ได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่เอาเงินมาซื้อไม่ได้ แต่ว่ามันก็ใช้เงินไปเยอะนะ”
เล็กนั้นงามฉบับนี้จะพาคุณไปสนทนาในร้านหนังสือเล็กๆ แห่งเมืองภูเก็ต กับหมอนิลหรือมารุต เหล็กเพชร นักเขียนเจ้าของนามปากกา นฆ ปักษนาวิน กับเรื่องราวของร้านหนัง (สือ) ๒๕๒๑ ให้คนที่เหมาะสมได้มาพบในเวลาที่เหมาะสม เขาพูดถึงร้านหนังสือว่า “ผมว่ามันเป็นธรรมชาติของร้านหนังสือ เหมือนรอเวลาให้คนมาเจอ...คือชื่อมันเป็นร้านหนังสือก็จริง แต่เราไม่อยากเอานิยามมาจำกัดว่าเป็นอะไรได้บ้าง เราทำที่เราชอบ...”
บทบรรยายของไดเซทสึ เทตาโร ซูสุกิ ในวิหารธรรม ยังคงเข้มข้นด้วยเรื่องราวของ โคอัน, วิทยากร โสวัตร พาเราไปพุดคุยกันถึงความสุขของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล กับสุขแท้ด้วยปัญญา, ท่องโลกวรรณกรรม ฉบับนี้ ภูมิช อิสรานนท์ ชวนคุณไปรู้จักกับนิซาร์ กอบบานี กวีอาหรับสมัยใหม่ที่เขียนบทกวีว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงและความรัก
และสานแสงอรุณยังคับคั่งด้วยนักเขียนประจำในหลากหลายเรื่องราวเช่นเดิมกับ สัญจร ชัยทัศน์, กวี คงภักดีพงษ์, แก้ว ลายทอง, วันไททิพย์ ด่านตระกูล, เสรีภาพ, มาโนช พรหมสิงห์, กรินทร์ กลิ่นขจร, อังคาร จันทาทิพย์, เฟาซ์, รวิวาร โฉมเฉลา, วิทยากร โสวัตร, โมน สวัสดิ์ศรี และปิดท้ายเล่มด้วย โศลกธรรม โดย เขมานันทะ
สนใจสั่งซื้อได้ที่ มูลนิธิสานแสงอรุณ ๖๔ ซอยสาทร ๑๐
ถนนสาทรเหนือ เขตบางรัก กรุงเทพฯ ๑๐๕๐๐
โทรศัพท์: ๐๒-๒๓๗-๐๐๘๐ ต่อ ๒๑๗, ๒๑๘