ร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาบุรีรัมย์ เป็นร้านหนังสือเก่าแก่อีกร้านหนึ่งใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นร้านที่เปิดให้บริการแก่คนรักการอ่านในร้านนั้นมาตั้งแต่ 12 ธันวาคม 2539
"ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2539 เจ้าของร้านซึ่งขณะนั้นกำลังบวชเรียนอยู่ และประสบปัญหาในการซื้อหนังสืออ่านทั้งหนังสือธรรมะและทั่วๆไป ขณะเดียวกันทางบริษัทสามัคคีสาร(ดอกหญ้า) จำกัด กำลังขยายกิจการโดยการประกาศขายแฟรนด์ไซส์ จึงได้ร่วมทำธุรกิจร้านหนังสือกับสามัคคีตั้งแต่นั้นมา" คุณภควา วิมุล ผู้จัดการร้านเปิดเผยให้เราฟังถึงความเป็นมาของร้าน
"การบริหารร้านเป็นไปในรูปแบบการจดทะเบียนในรูปแบบของการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่อำนาจการตัดสินใจการบริหารการจัดการต่าง ๆ เป็นเจ้าของผู้เดียว"
คุณภควา วิมุล ยังเปิดเผยถึงอุปสรรคมรสุมที่ทางร้านเคยประสบ
"การทำร้านหนังสือใช่ว่าจะสะดวกสบาย มีอุปสรรคมากมาย เริ่มต้นจากการตั้งไข่ที่เต้มไปด้วยความไม่รู้ มีบริษัทแม่ (สามัคคีสาร) คอยช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่ต่อมาไม่นนบริษัทแม่ก็ล้มเจ็บและเสียชีวิต จึงเผชิญชะตากรรมในโลกธุรกิจหนังสือด้วยตัวเอง โดยยึดหลักอดทน ขยัน เรียนรู้ ซื่อสัตย์กับคู่ค้า ซื่อสัตย์กับลูกค้า จึงผ่านพ้นมาได้ ณ ปัจจุบัน"
ส่วนการคัดหนังสือเข้าร้านนั้นผู้จัดการร้านคนเก่งบอกว่าไม่ได้คัดถ้าหากหนังสือนั้นไม่ขัดต่อหลักศีลธรรม
"ส่วนใหญ่ไม่ได้คัดตัวสินค้า นอกจากหนังสือประเภทขัดศีลธรรม สำหรับบริษัทหรือสำนักพิมพ์ผู้จัดจำหน่ายก็ไม่ได้คัดเลือก ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการเปิดหน้าบัญชี โดยเน้นการฝากขายไม่ยุ่งยากไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ยินดีขายกับทุกสำนักพิมพ์" จุดเด่นของร้านขายหนังสือร้านดังของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นอยู่ที่ ไม่ได้เน้นที่การขายหนังสือเพียงอย่างเดียว
"เน้นบรรยากาศให้ร้านเป็นแหล่งความรู้ เป็นที่พักผ่อน เข้ามาใช้บริการแล้วก็สบายใจ ไม่เน้นการแต่เน้นให้ความรู้ แลกเปลี่ยน แนะนำ โปรโมชั่นหรือกลยุทธต่าง ๆ จะเน้นให้เกิดการรณรงค์ให้รักการอ่าน เช่นให้ส่วนลดหรือการสมัครสมาชิกฟรี สะสมยอดซื้อเพื่อรับของที่ระลึกเป็นต้น ส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านมีอยู่ทุกเพศทุกวัยทุกสาขาอาชีพ หนังสือก็หลากหลายไม่มีประเภทไหนเด่นเป็นพิเศษ"
เมื่อพูดถึงประเด็นที่ว่าคนไทยยังอ่านหนังสือกันน้อยคุณภควา วิมุล ผู้จัดการร้านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้อย่างเฉียบคม
"ใช่ครับ คนไทยยังอ่านหนังสือกันน้อยมาก สาเหตุเพราะอาชีพต่าง ๆ ไม่ได้คัดเลือกหรือใช้คนที่มีองค์ความรู้นั้น การศึกษาในปัจจุบันเป็นแบบที่ศึกษาเพื่อต้องการใบรับรอง และการสอบคัดเลือกก็แค่เพียงเพื่อต้องการผ่านด่าน แต่เมื่อจบออกไปประกอบอาชีพไม่ได้ ภาครัฐภาคเอกชนเองก็ไม่มีการสนับสนุนหรือกระตุ้นทำให้เยาวชนอยากอ่านหนังสือ ไม่มีรายการตามสื่อต่างๆเพื่อส่งเสริมให้เกิดค่านิยมรักการอ่าน หรือถ้ามีก็เป็นสื่อหรือเวลาที่ไม่มีคนดู วิธีแก้ก็ไม่ยากแค่ออกกฎหมายบังคับให้ทุกสื่อมีกิจกรรมหรือรายการเกี่ยวกับหนังสือ 25 % ก็ ok "
เมื่อเราย้ายประเด็นมาสู่พฤติกรรมการซื้อหนังสือของคนไทยที่ยังไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ช่องทางการจำหน่ายหนังสือกลับมากขึ้นทั้งการขายทางอินเตอร์เนต การขายหนังสือมือสอง และการจัดกิจกรรมจำหน่ายหนังสือจากสำนักพิมพ์เองในงานต่าง ๆ และยังมีร้านเช่าหนังสืออีก สิ่งเหล่านี้กระทบต่อการดำเนินงานของร้านมากน้อยเพียงใด คุณ ภควา วิมุล บอกกับเราว่า
"ถามร้านค้าตอบง่ายแต่ทำยาก ถ้าจะให้ดีควรถามสมาคม ชมรม ที่เกี่ยวกับผู้ผลิต ผู้ขาย ซึ่งมีอยู่สองถึงสามหน่วยงาน วางแผนประสานงานกันหรือไม่ กิจกรรมของชมรมและสมาคมเป็นไปเพื่อผู้อ่านหรือร้านค้า หรือเพื่อกรรมการชมรม ซึ่งมีแต่ขาใหญ่ทั้งนั้น อีกทั้งเงื่อนไขแต่ละแห่งก็ชักเข้าชักออก เดี๋ยวชื้อขาด เดี๋ยวฝากขาย บางทีพิมพ์ครั้งที่ 3 -4 ร้านต่างจังหวัดจึงได้วางขาย ส่วนในอนาคตร้านหนังสือก็ยังคงจำเป้นอยู่ มันมีอนาคตเติบโตไปพร้อมกับสังคม เป็นธุรกิจที่น่าทำ แต่จะทำอย่างไรถึงจะควบคุมและเชื่อมโยงระบบของผู้จัดจำหน่ายและร้านค้าให้เป็นไปตามมาตราฐานเดียวกัน และขจัดการผูกขาดของภาครัฐในบางรูปแบบ"
ก่อนจบบทสัมภาษณ์คุณภควา วิมุล ผู้จัดการร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาบุรีรัมย์ ทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่รักจะเปิดร้านหนังสือ
"ต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่าเป็นคนชอบอ่านหรือชอบธุรกิจถ้าชอบอ่านก็ชื้ออ่าน ถ้าชอบธุรกิจหนังสือก็มาดูว่าพร้อมที่จะอดทนทุ่มเทเอาใจใส่ ให้เวลา ดูแลทั้งสินค้า ลูกค้า และ คู่ค้า กำไรจากผลประกอบการน้อย แต่ต้องรับมาแบบฝากขายนะครับ"
ทางสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ขอขอบพระคุณทาง ร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาบุรีรัมย์ ที่ได้กรุณาเสียสละเวลาให้สัมภาษณ์ ทำให้เราได้รับรู้ถึงทัศนะ และความจริง ตลอดจนข้อคิดเห็นจากคนทำร้านหนังสือ ในครั้งนี้...
แหล่งความรู้แลกเปลี่ยนแนะนำสำหรับผู้รักการอ่าน : ร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาบุรีรัมย์ 25-25/1 ถ.ธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000
โทร.044-621264 โดย... จินตกาล
