โดย พิมล มองจันทร์ ใน เขี่ยภาษา
พฤติกรรมด้านมืดในวรรณกรรมเป็นประเด็นสำคัญในการศึกษาโครงสร้างของวรรณกรรมในด้านตัวละคร ซึ่งพฤติกรรมด้านมืดเป็นแนวทางในการศึกษาวรรณกรรมเพื่อให้เห็นถึงสภาพสังคมที่ผู้เขียนวรรณกรรมได้รังสรรค์เป็นเรื่องราว วรรณกรรมเกิดจากรากฐานของด้านดีและด้านมืด เมื่อศึกษาวรรณกรรมทั้งสองด้านเราจะเห็นความสำคัญของวรรณกรรมอย่างถ่องแท้ พฤติกรรมด้านมืด เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของสังคมอันเป็นชนวนความขัดแย้งการแตกแยก จากการศึกษาหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด อัญมณีแห่งชีวิต ของอัญชัน พบว่าการนำเสนอพฤติกรรมด้านมืดของตัวละครนั้นเด่นชัดมาก ซึ่งมีพฤติกรรมการฆ่า การทารุณกรรม การแสดงความเกลียดชังและความหวาดกลัวอย่างชัดเจน ซึ่งอัญชันพยายามสะท้อนออกมาเพื่อให้สังคมตระหนักถึงความชั่วดีในสังคม
คำสำคัญ
การฆ่า
การทารุณกรรม
การแสดงความเกลียดชัง
การแสดงความหวาดกลัว
วรรณกรรมไทยโดยมากมักแต่งขึ้นเพื่อความสำเริงอารมณ์มากกว่าที่จะเสนอปัญหาชีวิตหรือปัญหาสังคมให้ผู้อ่านขบคิดหรือวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่ผู้แต่งนำเสนอมักเป็นการชี้นำให้ผู้อ่านนำสิ่งที่ได้อ่านไปเสริมแต่งการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์และการกระทำที่ไม่เกิดโทษ
เรื่องสั้นเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนภาพสังคม ซึ่งมักนำเสนอเรื่องราวหรือแง่มุมด้านบวกให้ผู้อ่านได้รับความบันเทิงใจ ทำหน้าที่กล่อมให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินและความรู้แง่คิดจากเรื่องราวที่สมมติขึ้นหรือสร้างสถานการณ์ขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนตั้งใจจะถ่ายทอดออกมา
งานเขียนประเภทเรื่องสั้น เป็นงานเขียนมุ่งเน้นเรื่องราวความเป็นจริงของสังคมทั้งด้านดีและร้ายเพื่อให้เห็นข้อเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน และเป็นข้อคิดของผู้อ่านจะได้ทราบความดีชั่วจากการนำเสนอผ่านพฤติกรรมตัวละครในเรื่องสั้น แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่ามีงานเขียนจำนวนมากที่มักนำเสนอภาพความรุนแรง เช่น การฆ่า การทารุณกรรม ความกลัว ฯลฯ ความรุนแรงเหล่านี้ถือเป็นด้านมืดในวรรณกรรม(เสาวลักษณ์ อนันตศานต์,2548 : 157-158)
พฤติกรรมด้านมืด พบมากในวรรณกรรมปัจจุบันเพื่อที่จะสะท้อนแง่มุมบางแง่มุมของสังคมที่มีภาพลบ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าที่เหี้ยมโหด การข่มขืนหรือการทารุณกรรม เพราะพฤติกรรมเหล่านี้มีอยู่จริงในสังคม แต่คนในสังคมมักจะไม่นำมาพูดกันอย่างโจ่งแจ้ง เพราะคิดว่าไม่เหมาะสม ดังนั้นวรรณกรรมปัจจุบันจึงเป็นตัวแทนด้านลบแล้วสะท้อนภาพของสังคมออกมาเผยแพร่ย่างมากมาย
พฤติกรรมด้านมืด คือ พฤติกรรมของตัวละครที่แสดงความโหดร้ายออกมา ซึ่งได้แก่ การฆ่า การทารุณกรรม การแสดงความเกลียดชังและความหวาดกลัว (เสาวลักษณ์ อนันตศานต์,2548 : 157-158)
วรรณกรรมปัจจุบันพยายามสะท้อนภาพด้านมืด เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักและจำแนก ตัดสินว่าสิ่งเหล่านั้นผิดจริง เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีจริงหรือมีนัยซ่อนเร้นแฝงไว้ ด้านมืดในวรรณกรรมจึงเป็นเหมือนแบบทดสอบทางด้านความคิดของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี
อัญชัน นักเขียนที่มีความสามารถในการอธิบายหรือใช้ภาษาเพื่อให้เกิดจินตนาการ งานเขียนของเธอมักสะท้อนภาพสังคมในมุมมองที่แปลกจากนักเขียนคนอื่น เธอสามารถที่นำมุมเล็ก ๆ ในสังคมมาขยายเป็นเรื่องราวที่ผู้อ่านรู้สึกสะเทือนไปตามอักษรที่เธอเรียบเรียง ในปี พ.ศ. 2528 “ แม่ครับ” เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เธอได้รับรางวัลจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย “หม้อที่ขูดไม่ออก” ได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2531 จากนิตยสารลลนา และหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด อัญมณีแห่งชีวิต ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซี่ยน(ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ. 2533
อัญมณีแห่งชีวิต ของอัญชัน เป็นงานเขียนที่สะท้อนสังคมด้านมืด แสดงทัศนะเรื่องราวแง่มุมของสังคมให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของด้านมืดที่สังคมไม่แก้ไขและไม่ยอมทำความเข้าใจ อัญชันเสนอภาพลบของสังคมได้อย่างชัดเจน สร้างบรรยากาศและอารมณ์หลากหลายทั้งอ่อนหวาน เศร้า กร้าว แกร่ง โหดร้าย แม้กระทั้งสยองขวัญ (คณะกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์, 2533 )
บทความนี้เป็นการศึกษาและสำรวจอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมด้านมืดจากหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด อัญมณีแห่งชีวิต ของอัญชัน เพื่อศึกษาพฤติกรรมการแสดงออกของตัวละครที่เป็นด้านลบว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกเพื่ออะไร โดยผู้เขียนได้อาศัยทฤษฏีการวิเคราะห์วรรณกรรมด้านมืด(เสาวลักษณ์ อนันตศานต์,2548 : 157-158) เป็นกรอบแนวคิดที่จะใช้ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อเสนอมุมมองใหม่ของวิเคราะห์วรรณกรรมไทย
การฆ่าจากมุมมองของของอัญชัน
พฤติกรรมที่ปรากฏในงานเขียนวรรณกรรมปัจจุบัน มักแสดงพฤติกรรมของตัวละครในภาพลบเพื่อสะท้อนความเป็นจริงของสังคม โดยงานเขียนหลายเรื่องเน้นย้ำ เพื่อให้สังคมเปิดกว้างยอมนับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในหนังสือรวมเรืองสั้นชุด อัญมณีแห่งชีวิต ของอัญชัน ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นจำนวน 11 เรื่อง เป็นเรื่องราวที่แสดงพฤติกรรมด้านมืดที่สะท้อนจากปัญหาทางสังคม งานเขียนแต่ละเรื่องอธิบายและให้รายละเอียดมากจนรู้สึกสัมผัสได้และรับรู้ถึงสภาวะนั้น ๆ ไปพร้อมกับเรื่องราวที่อัญชันนำเสนอ
พฤติกรรมการฆ่า ในความหมายของผู้เขียน “การฆ่า” หมายถึง การทำให้ตาย เป็นการแสดงพฤติกรรมการทำลายชีวิตของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมปัจจุบันมากมาย
ชลธิรา สัตยาวัฒนา( 2513 : 48) ได้กล่าวถึงพฤติกรรมที่มุ่งไปสู่การฆ่าว่า เกิดจากสัญชาตญาณมนุษย์ที่มาจากความโกรธ การแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวและการแสดงอำนาจทำลายหรือทำร้ายผู้อื่นโดยตรง
ในประเด็นพฤติกรรมการฆ่า จากหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด อัญมณีแห่งชีวิต ของอัญชัน ได้สะท้อนพฤติกรรมด้านมืดในการฆ่า ปรากฏในเรื่อง “ สมรภูมิ, เพื่อนร่วมเดินทาง คนนอกใบลาน” จากเรื่องสั้น 3 เรื่องนี้ อัญชันได้นำเสนอการฆ่าเป็นสองลักษณะคือ การฆ่าคนและการฆ่าสัตว์
การฆ่าคน อัญชันไม่ได้นำเสนอภาพกลวิธีการฆ่าอย่างชัดเจนคือไม่ได้นำเสนอเหตุการณ์แต่เขานำเสนอผลที่เกิดขึ้นแล้ว “รอด” ตัวละครจากเรื่อง “เพื่อร่วมเดินทาง” ได้ข่มขืนหญิงสาวแล้วทำการฆ่า แต่อัญชันก็ไม่ได้นำเสนอภาพเหตุการณ์อย่างชัดเจน เพียงแต่นำเสนอร่องรอยของการฆ่าให้ปรากฏไว้ “..เหมือนมือวางบนผ้าเปื้อนเลือดอีนั่น..”(หน้า 100 ) ซึ่งอัญชันทิ้งร่อยรอยการฆ่าไว้เพียงน้อยนิด เพื่อจงใจให้ผู้อ่านแต่งแต้มกลวิธีการฆ่าของ “รอด” ตามแนวคิดของตนเอง การฆ่าคนในเรื่องนี้ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ตัวละครของเรื่องฆ่าผู้อื่นตายแล้วท้ายสุดใช้ความคิดของตัวเองฆ่าตัวเอง อัญชันพยายามพรรณนาความน่ากลัวสยดสยองของภาพความคิดตัวละคร ที่ตัวละครสร้างขึ้นเองแล้วสุดท้าย “ ร่างอันปราศจากชีวิตของรอด.. แข็งอยู่ในท่าหมอบคุดคู้”(หน้า 115) อัญชันนำเสนอผลการฆ่าโดยอาศัยลักษณะของเวรกรรม คือจากที่ “รอด” เป็นผู้ฆ่าคนอื่นแล้ว“รอด” ใช้ความคิดตัวเองฆ่าตัวเอง ซึ่งเป็นการตอบแทนที่สาสมที่อัญชันนำเสนออกมาในรูปแบบการฆ่าคน นอกจากนี้อัญชันยังนำเสนอภาพการฆ่าคนที่คิดว่ามีความผิด(แต่ไม่ผิด) ในเรื่อง “ คนบอกใบลาน “ เป็นเรื่องราวของ “ตาเหนาะ” คนที่ไม่นับถือพระ แล้วโดนชาวบ้านค่ำบาตร ตาเหนาะไปพบเณรถูกงูกัดจึงช่วยอุ้มไปเพื่อขอความช่วยเหลือชาวบ้าน แต่มรรคทายกเห็นคิดว่าตาเหนาะฆ่าเณร “ไอ้เหนาะ นั่นมึงนี่! มึงทำอะไรเณร เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” (หน้า 145) ตาเหนาะไม่หยุดเพราะกลัวจะช่วยเณรไม่ทัน ยิ่งทำให้มรรคทายกที่ยังไม่รู้เรื่องสงสัยหนักเข้าไปอีก สุดท้าย “ชายคนนั้นก็กลิ้งกระเสือกกระสน ฟุบลง หัวทิ่มค้ำน้ำค้ำบกอยู่ครึ่งตัว เห็นเลือดสีแดง ๆ ทะลักปรี่ออกมาจากรูแผลตรงขมับที่กระสุนปืนยาวเจาะ” (หน้า 146 ) ตาเหนาะโดนมรรคทายกฆ่าเพราะความเข้าใจผิด อัญชันเสนอภาพถึงความตายของคนในสังคมว่าการฆ่านั้นจะเป็นการฆ่าที่สมกับความผิดหรือการฆ่าที่เกิดจากความเข้าใจผิด
การฆ่าสัตว์ อัญชันได้นำเสนอการฆ่าที่หลายคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา หรือเป็นเรื่องปกติสำหรับการฆ่าสัตว์เล็กโดยเราลืมคิดถึงไปว่าเขาก็มีชีวิตเหมือนเรา “สมรภูมิชีวิต” เรื่องสั้นที่อัญชันนำเสนอเรื่องราวของการฆ่า นำไปสู่ระบบห่วงโซ่ธรรมชาติ ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องโดนมดแดงกัดแล้วเขาก็ใช้มือขยี้มดแดงตาย ซึ่งดูแล้วมันออกจะเป็นเรื่องปกติของสังคมด้วยซ้ำ แต่อัญชันกลับตอกย้ำการฆ่าครั้งนี้ให้น่ารักน่าชังเข้าไปอีก โดยให้ชื่อตัวละครที่ฆ่ามดว่า “เจ้าหนู” แสดงถึงความใสซื่อ ความน่ารักน่าชังของตัวละคร ฉะนั้นเมื่อ “ เจ้าหนู “ โดนมดแดงกัดแล้วเขาก็ขยี้มันจนตายจึงเป็นเรื่องราวปกติ จากนั้นเจ้าหนูก็ไปตกปลาได้ปลาช่อนตัวใหญ่มือเอาปลาขึ้นจากน้ำ มันดิ้นมากจนเจ้าหนูโกรธ “ ฉวยคันเบ็ดได้ไม่รอช้า ก็แฉลบเข้าไปเปิดฝากระป๋อง ลงมือเอาคันไม้ไผ่ฟาดหัวปลาเข้าเป้ก ๆ อีช่อนสิ้นแรงไป” (หน้า 89) เห็นได้ว่าอัญชันนำเสนอเรื่องราวการฆ่าที่ทุกคนเห็นว่าแสนจะธรรมดาเพราะเป็นความรู้สึกที่คิดว่าถูกจนเคยชินนั่นเอง แล้วเจ้าหนูก็โดนงูกัดตายร่างเจ้าหนูตายใกล้กับต้นไม้ มดไปกัดแทะร่างเพื่อเอาไปเลี้ยงตัวอ่อน นานวันผ่านไปคนก็มาแหย่ไข่มดแดงแล้วเริ่มวงจรการฆ่าอีกครั้งจากคน เราจะเห็นได้ว่า จากเรื่อง “ สมรภูมิ” อัญชันพยายามเสนอให้มีความเท่าเทียมของชีวิตไม่ว่าคนหรือสัตว์ โดยสังเกตจากชื่อแต่ละฉาก “ คน-สัตว์-คน” ซึ่งมี 3 ฉาก ทั้งสามฉากนำเสนอความเป็นชีวิตที่ไม่ได้แบ่งแยกว่าสัตว์หรือคนโดยอาศัยการฆ่าเป็นเครื่องบ่งถึงความเท่าเทียม
พฤติกรรมด้านมืดในด้านการฆ่า เราจะเห็นได้ว่าอัญชันนำเสนอการฆ่าสามแง่มุม ประการแรกเป็นการฆ่าที่ต้องมีการชดเชย ประการที่สองคือ เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมของสิ่งมีชีวิต ประการสุดท้ายคือ ชื้ข้อสังเกตว่าเป็นการฆ่าที่สาสมกับความผิดหรือฆ่าเพราะเข้าใจผิด พฤติกรรมด้านมืดในด้านการฆ่าที่ปรากฏในเรื่องสั้นชุดนี้จึงเป็นนัยบอกถึงแนวคิดหรือความโหยหาความยุติธรรมของชีวิตนั่นเอง
ทารุณกรรม : การกดขี่ข่มเหง
พฤติกรรมที่ปรากฏในสังคมปัจจุบันที่ยังไม่มีทางแก้ไขได้อย่างหนึ่งคือ การทารุณกรรม เพราะมนุษย์ไม่รู้จักการควบคุมพฤติกรรมตนเองทำให้เป็นที่เดือดร้อนของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์
หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “ อัญมณีแห่งชีวิต” อัญชันพยายามสะท้อนภาพความทารุณกรรม กดขี่ข่มเหงไว้อย่างชัดเจนในเรื่อง “หม้อที่ขูดไม่ออก” เป็นเรื่องสั้นที่มีความโดดเด่นในการ ทารุณกรรมกดขี่ข่มเหงเป็นอย่างยิ่ง เพราะอัญชันได้เสนอภาพครอบครัวที่มีสามีเป็นผู้กระทำ ภรรยาเป็นผู้ถูกกระทำและลูกเป็นผู้ตอกย้ำความบอบช้ำของแม่
การทารุณกรรมที่เกิดขึ้นในเรื่อง “ หม้อที่ขูดไม่ออก” เป็นการทารุณที่สามีทำกับภรรยา ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมด้านมืดของตัวละครอย่างชัดเจน จากเรื่องราวที่สามีจับได้ว่าภรรยาซ่อนหม้อที่ไหม้ไว้ใต้เตียงลูกจึงโดนสามีตบตี “ หล่อนรู้สึกตัวเองว่าถูกลากถูลู่ถูกังไปที่หน้าต่าง แล้วถูกสามีจับเหวี่ยงออกไปกระทบขอบหน้าต่างดังโครม “ (หน้า 76) กระนั้นอัญชันก็ยังนำเสนอภาพการกดขี่โดยใช้วาจาให้ช้ำหนักเข้าไปอีก “อีกหนเดียว นู่น ลงไปคอหักอยู่ข้างล่างนู่นเลย ได้ยินไหม” (หน้า 76 ) ลักษณะการทารุณกรรมที่ปรากฏเป็นการทารุณแบบซ้ำซากและต่อเนื่อง
การทารุณกรรมที่อัญชันนำเสนอเป็นปัญหาสังคมในด้านลบที่มีอยู่มากมาย การล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน “ หม้อที่ขูดไม่ออก” จึงเป็นตัวแทนในการนำเสนอเรื่องราวการทารุณกรรม การกดขี่ข่มเหงที่ยังปรากฏในสังคมทั่วไป
การแสดงความเกลียดชัง
การแสดงพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่งที่พบในงานเขียนของอัญชัน คือ การแสดงความเกลียดชัง อัญชันเสนอภาพความเกลียดชังซึ่งเป็นอีกลักษณะหนึ่งที่อัญชันมีความโดดเด่นในการถ่ายทอดพฤติกรรมด้านมืดออกมา
การแสดงความเกลียดชัง คือ การแสดงพฤติกรรมความรังเกลียด การไม่คบค้าสมาคม การพูดด่า พูดเหน็บแนม ความอิจฉาริษยา การแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงพอใจต่อบุคคลใดบุคลหนึ่งเพราะความอคติ
“ ปลาหางเปีย” เรื่องราวที่เกิดจากความอิจฉาริษยาเพราะความไม่เข้าใจ อัญชันให้ตัวละครแสดงอาการก้าวร้าว กิริยาที่ไม่เหมาะสม “ปล้อง” เด็กสาวผู้ที่คิดมาโดยตลอดว่าไม่มีใครรักตนเอง ทุกคนรัก“ป๊อด” น้องชายของเธอ อัญชันจึงสอดใส่พฤติกรรมด้านมืดในการแสดงความเกลียดชัง ความริษยา หลายครั้งที่ปล้องด่าน้องชายเพราะความเกลียดชัง “บอกว่าไม่ก็ไม่ หูแตกรึไงวะ” (หน้า 31) ใช้คำพูดด่าทอเพื่อแสดงอาการเกลียดชัง เมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันญาติผู้ใหญ่ไปห้าม ปล้องกับบอกว่า “ช่างกู”(หน้า34) ซึ่งเป็นการแสดงความก้าวร้าวออกมาอย่างเด่นชัด
cr. https://www.gotoknow.org/posts/238464
สั่งซื้อหนังสือ : http://bookonline.praphansarn.com/home/detail/449