นภาพร เครือชัยสุ : เริ่มเขียนด้วยความอยาก และตามด้วยความเพียร

นภาพร เครือชัยสุ

อีกหนึ่งนักเขียนสาวหน้าใหม่จากโครงการชมนาดบุ๊ก ไพร้ซ์ มารายงานตัวอีกแล้วค่ะ คราวนี้พบกับนักเขียน-นักข่าวสาวนามว่า นภาพร เครือชัยสุ เธอจะมาพูดคุยกับเรา ทั้งเรื่องงานเขียน และทัศนคติต่างๆ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราก็ไปทำความรู้จักกับเธอคนนี้กันได้เลยค่ะ

แนะนำตัวสักนิด
เรียนจบพาณิชย์จาก อาชีวศึกษาเลย แล้วก็จบปริญญาตรีที่รามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์สื่อสารมวลชน จากนั้นก็มาทำงานอยู่ที่ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วก็มาเป็นนักข่าวฝ่ายสังคม แล้วก็ย้ายมาเป็นนักข่าวอาชญากรรม จนสุดท้ายก็มาเป็นนักข่าวการเมือง ส่วนใหญ่ก็จะได้ทำอยู่ฝ่ายสังคมการเมืองสลับกันไปแบบนี้

ชอบเขียนหนังสือเพราะอะไร
ตอนเด็กก็จะชอบเขียนเรียงความอยู่แล้ว เคยส่งประกวดได้ที่ 2 ของอำเภอ ก็รู้สึกว่าชอบเขียนตั้งแต่ตอนนั้น แต่ในความเป็นเด็กก็รู้สึกว่าชอบไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว หรือว่าจะมาเขียนนิยายเป็นเรื่องเป็นราวอะไร จนมาทำงานอยู่ที่ร่วมด้วยช่วยกัน ก็จะมีน้องคนหนึ่งที่อยู่ร่วมด้วยช่วยกันเขาบอกว่าเราก็เขียนหนังสือดีนะทำไมไม่ลองเขียนนิยายดูบ้าง แล้วก็มีพี่ที่เขียนการ์ตูนอยู่ที่หนังสือพิมพ์บ้านเมือง เขาก็บอกให้เราลองเขียนดูเหมือนกัน ก็เลยเริ่มเขียนเรื่องแรก ไม่รู้ว่าจะเรียกว่านิยายได้ไหม คือเราอยากเขียนก็ลองเขียนดู ประมาณ 50 กว่าหน้าเอสี่เอง เขียนแบบเป็นตอนๆ เป็นแนวคอมเมดี้ ตลกขบขัน คล้ายๆ ละครหินกลิ้งฯ ทางโทรทัศน์ ในแต่ละตอนก็จะมีแขกรับเชิญอะไรประมาณนี้แหละค่ะ ไม่ค่อยมีสาระอะไรเท่าไหร่ คือว่าเราอยากเขียนอะไรก็เขียนไปเลย ลองดูก่อน เขียนแล้วก็ไม่ได้ส่งประกวดอะไรที่ไหน เขียนให้เพื่อนๆ อ่าน บางคนเขาก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ ก็มีส่งไปตามสำนักพิมพ์บ้าง แต่อาจเป็นเพราะนี่เป็นเรื่องแรก เขาก็จะคอมเมนท์กลับมา ประมาณว่ามุขสะดุดไปหน่อยนะ หรือว่าเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน อะไรประมาณนี้

ผลงานเขียนอื่นๆ
ที่เขียนเป็นเรื่องเป็นราวก็จะมีแต่เรื่องที่เขียนไปประกวดในโครงการชมนาดฯ นี่แหละค่ะ ชื่อเรื่อง แผนป่วนก๊วนจรกรรม เป็นแนวคอมเมดี้ ตอนแรกเอาพล็อตเรื่องให้เพื่อนอ่าน เพื่อนบอกว่า ดูหนังมากไปหรือเปล่า (หัวเราะ) มันไม่ค่อยเหมือนนิยาย แต่เหมือนหนังซะมากกว่า แต่เรารู้สึกว่าอยากเขียนอะไรเราก็เขียนไงคะ การเขียนของตัวเองเรารู้สึกว่ามันจะเป็นลักษณะของการเล่นคำ คำสัมผัส แล้วก็อาจจะมีการเปรียบเปรย เปรียบเทียบ ซึ่งคิดว่ามันเป็นเอกลักษณ์ในงานเขียนของเรา ซึ่งตรงนี้ก็ได้มาจากการเป็นนักข่าวการเมือง ที่จะมีการใช้คำเปรียบเทียบ เปรียบเปรย เสียดสีนิดหนึ่ง อะไรประมาณนี้

ใช้เวลาในการเขียนนิยายเรื่องนี้ นานไหม
ก็ประมาณ 7- 8 เดือน คือตอนแรกก็คิดพล็อตเรื่อเอาไว้แล้ว พออีก 2-3 วันต่อมาก็มีเพื่อนที่เขาทำงานอยู่สำนักพิมพ์ เขาก็ส่งเมลมาบอกว่ามีประกวดที่นี่นะ รับเฉพาะผลงานของผู้หญิง ก็เลยลองเขียนส่งมาดู

ความรู้สึกต่อชมนาด
ก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีนะคะ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ หนึ่ง ตรงที่รับเฉพาะผลงานของผู้หญิง พอเราอ่านจุดประสงค์และกติกาแล้วก็จะรู้สึกติดใจอยู่นิดนึงที่ว่า ต้องเป็นเรื่องราวที่ไม่เป็นบ่อนทำลายวัฒนธรรม ทำให้เราคิดไปถึงว่าต้องเป็นเรื่องจรรโลงสังคมอะไรขนาดนั้นหรือเปล่า แต่พอดีโทรไปถาม ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นแนวไหนก็ได้ ขอให้เป็นวรรณกรรมที่สร้างสรรค์

ข้อเสนอแนะโครงการ
อยากให้จัดประกวดแบบจำแนกแนวไปเลยก็ดีนะคะ เข้าใจง่าย และให้โอกาสทั่วถึงดี เพราะการตัดสินนวนิยายที่ดีที่สุดจากเรื่องราวหลากหลายแนว ดูมันค่อนข้างลำบาก และเปรียบเทียบกันไม่ชัดเจน อย่างนิยายแนวรักก็มีจุดเด่นอย่างหนึ่ง แนวดราม่าก็มีจุดเด่นต่างกันไป อยากฝากให้ทางโครงการพิจารณา

โพสต์นิยายตามเว็บบางไหมคะ
ตอนแรกๆ ก็มีโพสต์บ้างตามเว็บเด็กดี แต่พอโพสต์ได้สัก 2 อาทิตย์ก็เอาออก เพราะว่าขี้เกียจเข้าไปดูน่ะค่ะ มันมีเยอะมากเลย เดี๋ยวนี้จะมีนักเขียนที่ชอบเขียนแนวรักกุ๊กกิ๊กแบบเกาหลีเยอะมาก แต่เราไม่ค่อยชอบอ่านแนวนั้นเท่าไหร่ แล้วเรื่องที่เราเขียนก็ไม่ใช่แบบนั้น

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ