แนะวิธีเลี้ยงลูกให้ดี ตามวิถีแม่บ้านในญี่ปุ่น : แบบฉบับ “แอกเนส ชาน”

แนะวิธีเลี้ยงลูกให้ดี ตามวิถีแม่บ้านในญี่ปุ่น

     หากพูดถึงวิธีการเลี้ยงลูกของคนไทย คือ คนไทยส่วนใหญ่เอาใจใส่ลูก ทำทุกๆอย่างเพื่อลูก ทำให้เด็กไทยบางคนทำอะไรตัวคนเดียวไม่ได้ แต่การวิธีการเลี้ยงลูกของคนญี่ปุ่น คือ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ก็จะลาออกจากงาน เพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้ลูก และจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนลูกอายุ 2 ปี แล้วค่อยปล่อยลูกให้ลูกแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รับผิดชอบชีวิตด้วยตนเอง ดังนั้นเด็กชาวญี่ปุ่นจึงมีความขยัน อดทน และพึ่งพาตนเองได้

 

     ด้วยประเพณีในลักษณะนี้ของญี่ปุ่น ทำให้ แอกเนส ชาน (ชื่อจีนว่า เฉินเหม่ยหลิง) นักร้อง ชาวฮ่องกงที่โด่งดังในยุค 70 และเธอได้สมรสกับผู้จัดการส่วนตัวชาวญี่ปุ่น หนังสือสองเล่มที่แปลเป็นภาษาไทยคือ “อัตชีวประวัติแอกเนส ชาน” และ “50 วิธีสอนลูกทั้งสามให้เข้าเรียนสแตนฟอร์ด” โดยในหนังสือเล่มแรกที่เขียนเกี่ยวกับอัตชีวประวัติเธอมีตอนหนึ่งชื่อว่า “ข้อวิพากษ์เหมยหลิง” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง ต้นปี 1987 เวลานั้นผู้หญิงญี่ปุ่นที่แต่งงานแล้วมักออกจากงานมาเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัว

 

แนะวิธีเลี้ยงลูกให้ดี ตามวิถีแม่บ้านในญี่ปุ่น

 

     แต่นั่นไม่ใช่เธอ ไม่เพียงไม่ออกจากงานเธอยังเอาลูกไปเลี้ยงทำงาน (บริษัทผลิตรายการทีวีของเธอและสามี) เพื่อให้ลูกชายวัย 3-4 เดือน ได้กินนมจนเกิดเป็นกระแสโต้แย้งอย่างกว้างขวางในสังคมญี่ปุ่นเวลานั้นที่เรียกว่า “ข้อวิพาก์แอกเนส” (Agnes Controversy) ส่งผลให้มีการยืดหยุ่นกับบรรดาคุณแม่ชาวญี่ปุ่นในเวลาต่อมา

 

     ในปัจจุบัน เธอมีลูกชาย 3 คน ซึ่งทั้งสามสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลก อย่างสแตนฟอร์ดได้ เพื่อพูดคุยถึงผลงานการเขียนถึงการเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสามคนที่เติบโตมาให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ ถ่ายทอดในหนังสือ “50 วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด” ผลงานติดอันดับหนังสือขายดีของญี่ปุ่นนานกว่า 2 ปี ตั้งแต่เปิดตัว

 

     แม้ว่าชื่อหนังสือจะบอกว่าลูกๆ เข้าเรียนสถาบันชั้นนำของโลกได้ แต่วิธีการเลี้ยงลูกและวิธีการสอนลูกที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่วิธีการทำให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้ แต่เป็นหนังสืออ้างอิงการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนหนุ่มสาวที่เชื่อมั่นในตัวเอง เป็นที่ยอมรับและมีบทบาทในสังคมโลกได้

 

     แอกเนสเน้นการสอนลูกให้เป็นคนใฝ่เรียน ไม่ใช่เรียนเก่ง แต่ให้รักการเรียนรู้ และนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างประสบความสำเร็จ

 

     สอนให้เป็นคนดี สร้างเสริมคุณลักษณะหลายๆ ด้านเข้าไปด้วย ซึ่งจะเน้นความเป็นมนุษย์ทั้งในตนเองและในผู้อื่น มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง รู้ว่าตัวเรามีดีแต่ก็ต้องยอมรับและเข้าใจในจุดด้อยของตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจคนอื่น มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่

 

     พ่อแม่ต้องไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ลดความกดดันว่าเขาต้องเป็นในแบบที่พ่อแม่ต้องการ แต่ต้องมอบความรัก มอบหัวใจให้กับลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้เขารู้ว่าเรารักเขา รักในความเป็นตัวตนของเขาเอง เมื่อเขาทำอะไรได้ดีควรชื่นชม และฝึกให้เขารู้จักความล้มเหลวและผิดหวังบ้าง

 

     นอกจากนี้ในฐานะผู้ปกครอง แอกเนสกล่าวว่า ตนเองไม่ตีและไม่เคยดุลูก เพราะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือ พูดคุยกันด้วยเหตุผล ให้เข้าใจอะไรคือสิ่งที่ทำผิด พยายามพูดคุยไม่ให้เขาทำสิ่งนี้อีก พ่อแม่หลายคนที่ตีลูก ลูกจะเจ็บปวด ลูกจะกลัวและบอกว่าผมขอโทษๆ แต่เป็นการขอโทษจากใจจริงหรือเปล่า หลายๆ ครั้งเขาทำสิ่งนั้นอีก รวมทั้งเขาจะคิดว่าทำสิ่งนี้ได้เมื่อแม่ไม่อยู่ จะไม่โดนตี

 

      เมื่อลูกๆเติบโตขึ้น เราควรให้เกียรติเขาในการตัดสินใจ และเคารพการตัดสินใจของลูก ในประเทศจีนจะมีความเชื่อที่ว่า อยากให้ลูกชายเป็นดั่งมังกร ส่วนลูกสาวเป็นดั่งนกฟินิกซ์ แต่เด็กทุกคน สามารถใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน เพื่อจะเป็นมังกรและนกฟินิกซ์ในรูปแบบของตัวเองได้

 

ส่วนวิธีอื่นๆ สามารถอ่านต่อได้ในหนังสือ 50 วิธีสอนลูกทั้งสามให้เข้าเรียนสแตนฟอร์ด

สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

 

 

 

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ