ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋ : งานเปิดตัวหนังสือ...“ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋"

ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋

คุณชนานา /คุณ เชอร์รี่ : สวัสดีค่ะทุกๆ ท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือ “ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋” ในวันนี้นะคะ ในช่วงแรกนี้นะคะขอเชิญทุกๆ ท่านพบกับคุณอาทร เตชะธาดา Managing Director ของประพันธ์สาส์นค่า เชิญค่า

 

ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋

 

คุณอาทร : ขอบคุณคุณเชอร์รี่และคุณดี้มากครับ ขอเวลาแนะนำสำนักพิมพ์ใหม่สักเล็กน้อยนะครับ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกของพี่ตุ๊ก และก็เป็นหนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์น้องใหม่ของเราเหมือนกัน คือ woman publisher จริงๆ แล้วใช่จะเป็นสำนักพิมพ์ใหม่ซะทีเดียว เพราะเป็นสำนักพิมพ์ในเครือข่ายของสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด แต่ว่าทำไมเราต้องแยกออกมาเป็นอีกสำนักพิมพ์หนึ่ง ก็เพราะว่าทุกวันนี้เป็นเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย เราจำเป็นต้องออกแบบหัวหนังสือ เพื่อว่าเวลาเราเซิฟลูกค้าเรา ไม่ว่าเนื้อหา รูปแบบ ก็จะได้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของเรา สำนักพิมพ์น้องใหม่ในเครือสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นขอฝากเนื้อฝากตัว และฝากหัวใจที่มุ่งมั่นในการสร้างหนังสือดีสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายที่รักการอ่านไว้ ณ ที่นี้ woman publisher เน้นคัดสรรบุคคล เรื่องราว รูปแบบการนำเสนอ เพื่อท่านจะมีโอกาสเข้าใจเนื้อหา และบุคลิกภาพหลักของความเป็นผู้หญิง โดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นดารา หรือคนเด่นคนดังในสังคมเสมอไป ผู้หญิงเก่ง กล้า และมีความสามารถอย่างพี่ตุ๊ก คือเนื้อหาบุคคลที่เราพร้อมจะนำเสนอเป็นลำดับต่อไป เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะทำหนังสือเพื่อตามกระแสเท่านั้น เพราะก่อนที่หนังสือของพี่ตุ๊กจะออกมาเล่มนี้เรามีการคุยกันมากว่าหนังสือจะออกมาอย่างไร พี่ตุ๊กไม่ต้องการให้หนังสือออกมาแล้วคนซื้อไปอ่านรู้สึกว่าอ่านแล้วไม่มีอะไรเลย ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ก็ต้องบอกว่าเป็นหนังสือของคนที่เปลือยชีวิตการทำงาน การต่อสู้ พี่ตุ๊กเป็น Single parent คือต้องเลี้ยงลูก คุณพัตเตอร์ตามลำพังตั้งแต่อายุสามขวบ และให้เห็นว่ากว่าพี่ตุ๊กจะมาอยู่ถึงทุกวันนี้เป็นการทำงานที่หนักเพียงใด เป็น Working woman แถมยังต้องรักษามนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนฝูงในแวดวง กว่าจะมีงานสม่ำเสมอ เนื้อหาหนังสือก็จะเป็นเรื่องเหล่านี้ แม้แต่การบริหารเรื่องเงินเรื่องทอง ก็จะอยู่ในหนังสือ “ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋” ณ เล่มนี้ ซึ่งคนก็จะสงสัยและถามหลายกันหลายคนแล้วว่า “เปไก๋” คืออะไร ก็คงต้องให้คุณดี้-ชนานา เพื่อนร่วมก๊วนเป็นคนอธิบายว่าฉายาหนังสือเป็นมาอย่างไร ผมขอเชิญคุณดี้ คุณเชอร์รี่ และพี่ตุ๊กบนเวที ณ บัดนี้นะครับ ขอบคุณมากนะครับ

คุณดวงตา :ก่อนจะเริ่มงาน ไม่ได้เลย จะต้องมีบุคคลคนหนึ่งขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ดิฉัน เพราะว่าเป็นน้องสาว ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ดูแลดิฉันมาโดยตลอดในด้านพิธีกร ให้งานทำด้วยดีมาตลอดเลย ตอนนี้ตกงานด้วยกันทั้งคู่เลยนะคะ เพราะเวลาของรายการคุยเฟื่องเรื่องผู้หญิงก็โดนเอาคืนไปแล้วนะคะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะมีรายการใหม่ขึ้นมา เราต้องสู้นะ เราเป็นผู้หญิงเลือดนักสู้ด้วยกัน ขอเชิญคุณหน่องขึ้นมากล่าวอะไรเล็กน้อยค่ะ คุณอรุโณชา ภาณุพันธ์ค่ะ

คุณอรุโณชา : ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีนะคะ และก็ขอแสดงความยินดีกับพี่ตุ๊กนะคะ สำหรับพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรก ได้เห็นรูปข้างในแล้ว พี่ตุ๊กสวยจริงๆ สวยมากๆ ก็ได้ร่วมงานกับพี่ตุ๊กมายาวนาน ตั้งแต่ละครที่ช่อง 3 ตั้งแต่งานพิธีกร ก็ได้เห็นมาเกือบยี่สิบปี พี่ตุ๊กเป็นสาวเก่ง กล้า แกร่ง สามารถทุกๆ เรื่องนะคะ เคยคุยกันว่าถ้ามีโล่ห์ จะทำโล่ห์ให้พี่ตุ๊กว่าเป็นสาวขยันที่สุดที่เคยเห็นมานะคะ เพราะพี่ตุ๊กไม่เคยหยุดนิ่ง และสร้างอะไรใหม่ๆ ในชีวิตอยู่ตลอดเวลา แล้วก็เป็นคนที่มีความสามารถสูงจริงๆ เป็นคนคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงาน พี่ตุ๊กจะมีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย ความตั้งใจของพี่ตุ๊ก เรียกว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะทำงานต่างๆ ได้ประสบผลอยู่ในตัวพี่ตุ๊ก ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่มีคุณภาพ ก็เชื่อว่ามุมมองและประสบการณ์ดีๆ ของพี่ตุ๊กในหนังสือเล่มนี้จะมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านทุกๆ ท่านที่ได้ซื้อหาไป และยังได้ทำบุญด้วย ที่ผ่านมาได้คุยกับพี่ตุ๊ก จะเป็นคนที่เล่าอะไรเก่งมากๆ ชั่วโมงสองชั่วโมงนี่ฟังเพลินมากเลย พี่ตุ๊กสามารถที่จะเล่าได้สนุกและน่าสนใจ และจะได้ปรัชญาชีวิตดีๆ ในสิ่งที่พีตุ๊กเล่า มั่นใจค่ะว่าเป็นหนังสือดี มีคุณค่า และน่าซื้อ ก็หวังว่าจะมีเล่มต่อไปด้วยนะคะ ขายได้สักล้านเล่มนะคะพี่ตุ๊ก เป็นกำลังใจค่ะ

 

ดวงตา เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋

คุณชนานา : ขอบคุณค่ะ คราวนี้เราก็จะขึ้นเวทีกันนะคะ และที่ขาดกันไม่ได้เลยนะคะ เพื่อนๆ ของพี่ตุ๊กค่ะ ขอเชิญคุณแฝด กล้วย-ก้อย พี่แหม่ม-จินตหรา พี่ไก่-วรายุธ ขอเชิญด้านหน้านะคะ นี่คือเพื่อนซี้รุ่นระเบิดทุ่มไม่ตาย ขอเชิญด้านหน้าเลยนะคะ พี่ตุ๊กจะได้รู้สึกอบอุ่น

คุณเชอร์รี่ : พี่ตุ๊กคะ นับจากปกหนังสือเลย “ ณ เปไก๋ “ คืออะไรคะ

คุณดวงตา : มีแต่คนถาม เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋ มันมาจากอะไร เห็นไหมดี้ (คุณชนานา) มีแต่คนถาม คนไม่เข้าใจ

คุณชนานา : จริงๆ แล้ว ฉายาในหมู่เพื่อนๆ นางแบบพี่ตุ๊กนี่นะคะ คือดี้อยู่ แล้วก็มองเห็นคนนั้นคนนี้ตลอดว่าลักษณะคนไหนเป็นยังไง อ้าว! คุณบุ๋ม-รัญญา มาคู่ ขอเชิญคุณบุ๋ม ทายาทเจ๊ตุ๊กมานั่งด้านหน้านะคะ คนนี้เป็นทายาทสายตรงค่ะ

คุณรัญญา : ไม่อยากเบียดค่ะ ข้างหน้ามีแต่แก่ๆ

คุณดวงตา : นี่ทายาทอสูรของดิฉันเองค่ะ ถ่มน้ำลายใส่กันไปแล้วนะคะ

คุณชนานา : ทีนี้เรามาพูดเรื่อง “เปไก๋” กันต่อนะคะ ทุกคนจะสงสัยกันมาก ดิฉันก็จะตั้งฉายาให้นางแบบรุ่นพี่ทั้งหลาย คือเมื่อสมัยยี่สิบปีที่แล้ว หนังจีนฮิตค่ะ พวกหนังเกาหลียังไม่มา พวกวิ่งสู้ฟัด ซือเจ๊ต่างๆ ดี้ก็จะมองนางแบบพวกรุ่นเจ๊ๆ แล้วก็จะให้คาแร็คเตอร์ และให้ชื่อเล่นของแต่ละคน อย่างเช่นคุณวันทิพย์ ภวภูตานนท์ แกก็จะมีคาแร็คเตอร์พูดช้า เนิบนาบ แต่ว่าเวลาด่ามาทีถึงตายนะคะ ดิฉันก็จะให้ฉายาคุณวันทิพย์ว่า “เชือดนิ่มๆ “ คุณลินดา ค้าธัญเจริญ ก็จะให้ฉายาว่า “นางพญางูดำ” เพราะเธอจะเดินเชิ่ด ก้นกระดก เลื้อยไปเลื้อยมาแต่ฆ่าตายเหมือนกัน สำหรับคุณดวงตานี่ครบเซ็ตนะคะ ตอนนั้นจะมีหนังเรื่อง “เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋” นางเอกก็จะเป็นแนวซือเจ๊ ประมาณว่าใครขัดใจไม่ได้ เดี๋ยวซือเจ๊จัดการเอง ดิฉันก็เลยมองมาทางเจ๊เรา เผ็ดก็เผ็ดค่ะ เพราะเมื่อก่อนเปิดร้านอาหาร สวยก็แน่นอน สวยอยู่แล้ว ดุมั้ย เมื่อก่อนยังไม่มีปุ๊กลุก ไข่เค็ม ที่บ้านไม่ต้องเลี้ยงหมา ขโมยไม่เคยขึ้นนะคะ เพราะแค่เธออ้าปาก ขโมยหงอยค่ะ ร่วงเลย ส่วน ณ เปไก๋ คือชื่อหนัง ก็เลยรวมเป็น “เผ็ด สวย ดุ ณ เปไก๋” ไอ้เปไก๋ของเจ๊อันนี้ไม่รู้ แต่ชอบมากเลยค่ะ คนถามทุกคนเลยเจ๊ เยี่ยมมากเลย

คุณดวงตา : ดิฉันก็ต้องนั่งอธิบายตลอด กว่าจะได้สตางค์ค่าหนังสือ ดิฉันก็ต้องอธิบายน้ำลายยืด ยืดแล้วยืดอีกเลย

คุณชนานา :แต่เหมาะมากเลยค่ะ ที่มาตรงนี้คนอยากจะถามว่าทำไม เพราะคาแร็คเตอร์ของเจ๊เค้า ดิฉันเห็นชัดๆ เลย อย่างเวลาไม่มีอะไร ก็จะเป็นผู้หญิงบอบบาง ตัวเล็กๆ นะคะ ใครๆ ก็เห็นว่าเธอตัวเล็กน่าทนุถนอม แต่เวลาเธอโกรธขึ้นมานะคะ ดิฉันเคยเห็นเขาทะเลาะกับต่างชาติที่บาร์ลาตินของเขาเอง ทะเลาะกับนักดนตรีซึ่งตัวใหญ่มาก

คุณเชอร์รี่ : พูดเป็นภาษาอะไรคะ ภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะ

คุณชนานา : ภาษาอังกฤษค่ะ ตอนนั้นผีลง ซือเจ๊เขาก็ โชว้เช้ววโว้เว้ว หลังจากพูดภาษาอังกฤษไม่ทัน เจ๊แกกระโดดถีบฝรั่งค่ะ ดิฉันเห็นกับตาค่ะ ไม่อย่างนั้นดิฉันไม่กล้าตั้งชื่อนี้หรอกค่ะ

คุณเชอร์รี่ : เดี๋ยวนะคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ

คุณดวงตา : ผู้ชายค่ะ

คุณชนานา : ครูสอนลาติน เจอลาตีนเข้าไปค่ะ

คุณเชอร์รี่ : น้องขอเข้าเรื่องหนังสือนะคะ ตอนนี้กระแสมันมาแรงมากที่ดาราต่างก็เขียนหนังสือ พี่ตุ๊กไม่กลัวเหรอคะว่าคนจะว่าเป็นกระแส

คุณดวงตา :ใครจะว่าอะไรก็ช่างมันเถอะ ปากหอยปากปูจะพูดอะไรก็พูดไป มันไม่ใช่เรื่องของเรา ก็เราอยากจะออก แต่ขอบอกว่าไม่ได้ตามใคร เพราะว่าดิฉันได้รับการทาบทามให้ออกหนังสือมาตั้งแต่สมัยที่ดิฉันทำงานอยู่สี่ทุ่มสแควร์แล้ว แต่ตอนนั้นหยิ่ง ยังไม่อยากทำ ไม่ใช่หยิ่ง แต่เรารู้สึกว่าเรายังไม่อยากทำ แต่พอ Woman Publisher มาติดต่อทาบทามบอกว่าอยากทำหนังสือ อยากจะเปิดสำนักพิมพ์ใหม่เป็นลูกของประพันธ์สาส์น ทำหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิง ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับดาราก็ได้ เป็นผู้หญิงที่ทำงาน มีความเป็นตัวตนสูง มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทำงานฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ได้ น่าจะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ ได้ เราก็เลยรู้สึกว่า เขาให้เกียรติเรามากจังเลย เราก็เลย Say Yes ไปกับเขา ก็เลยทำ แล้วเขาก็บอกว่าชีวิตเรามันน่าจะมีหลากหลายรสชาติ และน่าจะเป็นแบบอย่างให้กับคนที่ท้อแท้ได้ ไม่ว่าจะท้อในเรื่องของการที่แต่งงานแล้วจะต้องเป็นแม่ม่าย ต้องหย่ากับสามี ท้อแท้กับการที่จะต้องเลี้ยงลูกเอง เป็น Single Mom หรือเวลาทำงานแล้วท้อแท้ว่าไม่อยากทำแล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว จะทำปัญหานั้นให้มันลุล่วงไปได้ยังไง

คุณเชอร์รี่ : สรุปสั้นๆ เลยนะคะว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มันมีอะไรบ้างเกี่ยวกับชีวิตพี่ตุ๊กเลย

คุณดวงตา : มีชีวิตหลากรสของพี่ มีตั้งแต่เป็นเด็กขึ้นมา จนเป็นสาว แล้วแรด แต่งงานเร็ว โดยที่ยังไม่เห็นด้านสนุกๆ ของชีวิตวัยสาวเลย พี่หลุดจากกระโปรงนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มศ.5 ก็ไปอยู่อังกฤษ เรียนก็ไม่จบ ก็มีผัวกลับมาแทนที่จะมีปริญญา ก็เลยต้องแต่งงาน แต่งงานแล้วก็มีลูก ชีวิตวัยสาวมันหายไป เราก็คิดว่าคนที่เราแต่งงานมันใช่ ทีจริงเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะคะ บอกตรงๆ แต่โลกทัศน์ของเรามันแคบมากๆ เรายังไม่ได้เรียนรู้ชีวิตวัยสาว เราคิดแค่ว่าเรารักผู้ชายคนนี้แล้วเราก็จะอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ พออยู่ด้วยกันไปแล้วมันไม่ใช่ และการที่จะฝืนอยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่อีก เพราะฉะนั้นเราก็หย่ากันเสียดีกว่า หย่ากันแล้วต่างคนต่างไปมีความสุขดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีของลูกอยู่ มันก็มีประสบการณ์ตรงนี้แหละ

คุณเชอร์รี่ :ใครที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือ ก็จะเข้าใจผิดคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องชีวิตแบบน่าเบื่อๆ สไตล์ธรรมดาๆ แต่ไม่ใช่เลยนะคะ คือหนังสือเล่มนี้เล่าคล้ายๆ เป็นคำพูดของน้องหมาสองตัว

คุณดวงตา :ใช่ค่ะ ปุ๊กลุกกับไข่เค็มเขาเป็นคนเล่าเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องราวของเราทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผ่านปากของปุ๊กลุกกับไข่เค็ม แล้วหมาสองตัวนี้มันก็มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน บางทีอีตัวหนึ่งมันบอกว่าแม่ดี อีกตัวมันก็เถียงว่าแม่ไม่เห็นจะดีเลย แม่ลามกจะตาย แม่ดุจะตาย

คุณวรายุธ : ภาษาหมาแล้วคนอย่างเราจะอ่านออกเหรอ

คุณดวงตา : คนก็อ่านได้ เพราะกลั่นกรองออกมาให้คนอ่านออก รู้เรื่อง หมาบ้านดิฉันพูดภาษาคน

คุณชนานา : ในเล่มนี้ดิฉันอ่านแล้ว เห็นมีหลายตอนมาก มีหลาย past ของชีวิต ครบรสมาก อยากจะทราบว่าพี่ตุ๊กคิดว่าตอนไหนถูกใจที่สุด ช่วงไหนของชีวิตที่ถูกใจที่สุด

คุณดวงตา : ช่วงที่พี่ถูกใจที่สุด คือ ตอนสุดท้ายที่เตอร์ (ลูกชาย) เขียนถึง เชื่อไหมคะคุณขา ดิฉันก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ลูกก็จะสามสิบแล้ว ดิฉันเพิ่งรู้ความในใจของลูก เพราะไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แล้วสิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิต เราเลี้ยงลูกมาตลอดชีวิต เราคิดว่ามันดีที่สุด หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว สิ่งที่แม่คนนี้จะให้ลูกคนนี้มันดีที่สุดแล้ว ไม่มีทางหาของดีกว่านี้ได้อีกแล้ว สรุปแล้วมันไม่ใช่ แล้วเพิ่งรู้จากเขา เพราะเขาเขียนตอนหนึ่งลงมาในหนังสือเล่มนี้ เราเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พยายามให้เขา และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มันเป็นการยัดเยียดมากกว่า เราไม่เคยถามเขาเลยว่าเขาต้องการมั้ย สิ่งเหล่านี้ที่เราพยายามให้เขา บางครั้งให้เขาโดยไม่ได้ถามเขาเสียด้วย แล้วเราก็คิดว่า ฉันทำถูก ฉันเป็นแม่ที่ดี ฉันเป็นแม่ที่ดีที่สุด ให้ทุกอย่างที่ควรจะให้ลูก โดยเราไม่เคยถามเขาเลย ในตอนบทท้ายๆ ที่เขาเขียนถึงเรา เราเพิ่งจะรู้เมื่อปีที่แล้วนี่เองว่าบางครั้งเขาไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้เลย สิ่งที่เขาต้องการจากเรา คือคำชมเชยจากแม่เวลาที่เขาทำอะไรดีเท่านั้น เท่านั้นเอง

คุณเชอร์รี่ : อ่านแล้วพี่รู้สึกยังไงคะ

คุณดวงตา : พี่ร้องไห้ เพราะพี่ไม่เคยรู้ พี่คิดว่าพี่รู้ใจลูกมากที่สุด นั่นก็เป็นสิ่งที่พี่คิดเอง เป็นสิ่งที่เราคิดเองมาตลอด แต่มันไม่ใช่ไง

คุณเชอร์รี่ : พี่ตุ๊กตาแดงใส่หนูแล้วค่ะ

คุณชนานา : เปลี่ยนเรื่องๆ คือพี่ตุ๊กนี่ดี้ก็ดูแล้วก๊อปปี้เหมือนกันนะคะ แต่เป็นอีกอารมณ์นึง ด้วยความที่มีลูกเหมือนกัน ก็จะดูว่าพี่ตุ๊กเลี้ยงลูกยังไงไปเรื่อยๆ จนถึง ณ วันนี้ ดี้อ่านหนังสือมาแล้วนะคะ ชอบมากเลยค่ะ ตอนลูกเป็นวัยรุ่น แล้วจะไปสอนเพศศึกษาลูก เพราะตอนนี้ลูกดี้ก็วัยใช้ได้แล้วต้องไปสอนบ้าง เจ๊ตุ๊กสอนลูกยังไง

คุณดวงตา : ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เราก็ดูวัยลูกเรา ลูกเราอายุเท่าไหร่ ประมาณ 15-16 ก็เป็นวัยที่มันมีความต้องการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ปล่อยให้ลูกไปเที่ยว เราก็จะต้องเป็นคนสอน ความจริงคนที่ควรจะเป็นคนสอนคือพ่อ แต่พ่อเขาไม่ได้อยู่ ลูกอยู่กับเรา เอาแล้วจะทำยังไงดี เดี๋ยวลูกก็ไปขลุกอยู่กับเพื่อนข้างบ้าน ลูกเพื่อนข้างบ้านก็วัยเดียวกัน แล้วเด็กวัยนี้มันจะไปทำอะไร นอกจากแอบดูหนังโป๊ ดูแมกกาซีนโป๊ ดิฉันเดาใจถูก ก็เรียบเคียงถามลูก แต่ถามเหมือนกับรู้นะคะ ไม่ได้ถามแบบต้องการคำตอบหรอก เพราะคิดว่าใช่ “เอ๊! ไปดูหนังโป๊กันใช่มั้ย ไปดูหนังสือโป๊กันใช่มั้ย” แล้วเขาก็ตอบว่าใช่ มันโกหกไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่อยากโกหกเรา แล้วลูกทำยังไง เวลาดูหนังโป๊แล้วลูกทำยังไง ลูกก็จะตอบมา มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราสอนได้ เพราะลูกไม่ปิดบังเราไง อันนี้ก็เผื่อคุณแม่ทั้งหลายๆ ที่มีลูกอยู่ในวัยแบบนี้ แล้วไม่รู้จะสอนเพศศึกษาลูกยังไง แม่บางคนไม่กล้าพูดเรื่องแบบนี้กับลูกหรอก แต่ถ้าเป็นคุณแม่ที่เขามีคุณพ่ออยู่ก็ให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อไป

คุณชนานา : ในเล่มนี้ก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่องนะคะ รับรองครบรส นอกจากมีรูปสวยๆ ก็มีเรื่องตั้งแต่เริ่มเดินแบบ หรือว่าเริ่มทำงาน กลุ่มเพื่อน และรวมทั้งวิธีการออมเงินด้วย ออมเงินอย่างดารานะคะ

คุณดวงตา : ก็มีเรื่องของการที่เราทำงานอยู่ในวงการแล้วเราก็ได้เงินมาเยอะ บางครั้งเราจะรู้สึกว่าเงินมันหามาได้ง่ายเหลือเกิน เราก็ใช้ๆ ๆ โดยเราไม่ได้นึกถึงว่าการที่ใช้ไปแบบนี้เงินมันจะหมดได้ แล้วมันก็จะมีเรื่องของการที่เราเอาเงินเอาทองไปลงทุนทำกิจการหรือไปเล่นหุ้น หรือทำอะไรที่มันจะงอกเงยขึ้นมาได้บ้าง อันนี้อาจจะสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำก็ได้ แต่ว่าสำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดีย เราก็มีหลายรูปแบบให้เลือก บางครั้งลงไปก็เจ๊งก็มี ก็จะบอกว่าที่เจ๊งน่ะมันเป็นเพราะอะไร ถ้าเผื่อใครจะลงทุนก็ไม่ควรจะทำอย่างเรานะ ลงทุนแล้วควรจะจัดการแบบไหนๆ จะได้ไม่เจ๊ง

คุณเชอร์รี่ : หนังสือเล่มนี้นี่บอกทุกๆ อณูที่เป็นพี่ตุ๊กเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสวยความงาม เรื่องของครอบครัว เรื่องของเพื่อน เรื่องของพี่เตอร์ เรื่องของน้องหมา มีหมดทุกอย่าง แล้วถ้าถามว่าใครควรจะเขียนหนังสือแบบนี้ ก็ต้องเป็นแม่ตุ๊กแหละ เพราะพี่ตุ๊กมีประสบการณ์ทุกอย่างทุกด้าน

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ