แม้สื่อยุคดิจิตอลจะทำให้ร้านหนังสือทั่วโลกต้องปิดตัวไป แต่หากวัดกันที่ยอดขายหนังสือที่เป็นรูปเล่มกับ E-book แล้ว ยังพบว่าการอ่านหนังสือเป็นเล่มยังคงได้รับความนิยมมากกว่าการอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในหลายประเทศ
ทั้งความสะดวกสบายในการพกพาหนังสือหลายสิบเล่มในเวลาเดียวกัน และต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าการพิมพ์หนังสือทีละมากๆ ทำให้วงการน้ำหมึกคาดว่า อุตสาหกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-book จะเข้ามาแทนที่การอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ผลสำรวจของ Nielsen Media Research บริษัทจัดอันดับความนิยมของสื่อ พบว่าปีที่แล้วการจำหน่าย E-book ในอังกฤษตกต่ำลงเป็นครั้งแรก หลังทำยอดขายเพิ่มขึ้นมาทุกปีนับตั้งแต่เปิดตัวสู่โลกของนักอ่าน
แม้ปัจจัยการถดถอยของผู้อ่าน E-book เมื่อปี 2013 จะมองว่ามาจากการขาดหายของนิยายดังที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในโลกวรรษกรรมเมื่อปี 2012 เช่นนิยายวัยรุ่นอย่าง Hunger Games และนิยายอิโรติกอย่าง Fifty Shades of Grey แต่ผลสำรวจจากหลายสำนักยืนยันว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ยังคงนิยมอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มากกว่า E-book โดย สมาคมสำนักพิมพ์อเมริกัน เผยว่าปีที่แล้วชาวอเมริกันซื้อ E-book เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 5 แต่ยอดขายหนังสือปกแข็งเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 12 ส่วนศูนย์วิจัย Pew Research Centre ในวอชิงตัน ดีซี เผยว่าร้อยละ 28 ของชาวอเมริกันอ่าน E-book แต่มีถึงร้อยละ 69 ที่ยังอ่านหนังสือเป็นเล่ม และมีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้นที่ซื้อ E-book เพียงอย่างเดียว
ทิม วอเตอร์ สโตน ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือ Waterstones ของอังกฤษ กล่าวในงาน Oxford Literary Festival ว่าวงการน้ำหมึกเคยมองว่า E-book จะทำให้คนอ่านเลิกซื้อหนังสือเป็นเล่มๆ แต่เขากลับมองว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์กำลังถึงจุดอิ่มตัว และไม่อาจแย่งส่วนแบ่งจากการพิมพ์หนังสือไปได้
การอ่านหนังสือเป็นเล่มยังคงได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งในอินเดียที่อัตราผู้รู้หนังสือและผู้ใช้ภาษาอังกฤษในกลุ่มชาวอินเดียรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการพิมพ์หนังสือในประเทศ ส่วนในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว ยอดจำหน่ายหนังสือเป็นเล่มมีราคารวมกันกว่า 2 พัน 2 ร้อยล้านปอนด์ มากกว่ารายได้จาก E-book ที่ทำยอดรวมได้ 3 ร้อยล้านปอนด์อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทิม วอเตอร์ สโตน ชี้ว่าหนังสือที่เป็นรูปเล่ม คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีถึงร้อยละ 5.2 ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาเชื่อว่า วัฒนธรรมการอ่านหนังสือเป็นเล่ม คือสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในนิสัยของนักอ่านทุกคน และการพิมพ์หนังสือก็จะยังคงได้รับความนิยมต่อไปอีกอย่างน้อย 40 ปี
ขอบคุณทีมา : http://news.thaipbs.or.th
ภาพจาก AksornLearnSpace