นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวว่า ภาพรวมครึ่งทางของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 และจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้ ถ้าพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในปีนี้ ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายในแง่ของผู้ร่วมงาน เพราะจาก 6 วันที่ผ่านมามีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.2 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน
"สำนักพิมพ์ต่างๆมีหนังสือปกใหม่มากกว่าปกติ ซึ่งอยู่ราว 300 ปก แต่ครั้งนี้ออกมาราว 500 ปก ต่างงัดกลยุทธ์การตลาดมาแข่งขันกันอย่างจริงจัง ดึงดูดความสนใจผู้อ่านให้มากที่สุด อาทิ ออกหนังสือบ็อกเซ็ท ทั้งพ็อกเก็ตบุ๊คแนวไลฟ์สไตล์ นิยายแนวต่างๆ และวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ คูปองลดราคาในสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ดึงดูดใจให้เพิ่มการซื้อถึงระดับที่สำนักพิมพ์กำหนด จะได้ลดราคามากกว่าเดิม ซึ่งแม้จะทำให้สำนักพิมพ์ได้กำไรลดลง แต่ก็ช่วยเพิ่มยอดการซื้อได้"
อย่าง ไรก็ตาม ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยซื้อ 5-10 เล่ม/คน ก็เหลือ 3-6 เล่ม โดยไตร่ตรองมากขึ้นและเลือกซื้อเฉพาะเล่มที่ต้องการ ส่วนเทรนด์ หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือ หนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจต่างๆ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก ทำให้หลายเล่มมีการพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างงาน รวมถึงหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง ทั้งด้านการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เสริม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างสูงในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน
"หนังสือที่ นักเขียนมาจากออนไลน์จะไม่ใช่แนวนิยายเป็นส่วนใหญ่อีกแล้ว เพราะที่มาแรงในงานครั้งนี้จะเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คที่เกี่ยวกับความรู้ ความคิดในด้านต่างๆ รวมถึงหนังสือภาพ คาดว่าอาจเพราะมีฐานของแฟนคลับ ทำให้ยอดขายแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง โดยหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นการเขียนใหม่ขึ้นมา หรือจัดคอนเซ็ปต์เล่มอย่างชัดเจน"
กระแสหนังสือแนวพัฒนาตัวเองมาจาก สภาพสังคมที่ผู้คนกำลังสับสนกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคมภายนอก จึงตั้งใจพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด รวมถึงสร้างรายได้เพิ่มจากอาชีพและการลงทุน นายจรัญ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ต้องการเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการคูปองปัญญา แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ เป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือและสร้างคนคุณภาพในสังคม
ขอบคุณที่มา : http://www.prachachat.net
