ถ้าเอ่ยถึงพาหุรัด คงนึกถึงถนนสายสั้น ๆ ตึกรามบ้านเรือน 2 ฝ่ายฝั่งเต็มไปด้วยร้านขายผ้าแพรพรรณหลากสี นอกจากร้านขายผ้าแล้วยังมีร้านขายชุดแต่งงาน ชุดละครสำหรับการแสดง เครื่องประดับดิ้นเงินดิ้นทอง และการ์ดงานต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ในย่านแห่งนี้มาช้านาน แต่น่าเสียดายที่วันนี้ผมไม่มีเวลาไปเลือกซื้อ สินค้าราคาประหยัดเหล่านั้น จุดมุ่งหมายของผมอยู่ที่ร้านสมใจเครื่องเขียน ที่ดิโอลด์สยามพลาซ่า ชั้น 1
ร้านค้าต่าง ๆ ภายในห้างแห่งนี้ ต่างทยอยกันเปิดร้านซึ่งก็บางตาเต็มทีเนื่องจากยังเช้าอยู่ ผมเดินวนเวียนอยู่หลายรอบ จนมาหยุดหน้าร้านสมใจเครื่องเขียน คนงานกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดร้านเพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าในตอนเช้านี้ ภายในร้านออกแบบให้มีพื้นที่เป็นรูปตัวแอลด้านหน้าจัดเรียงหนังสือจำพวกแมกกาซีนและหนังสือออกใหม่เพื่อให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาแวะเปิดอ่าน ถัดเข้ามาเป็นตู้กระจกไว้ใส่เครื่องเขียนและอุปกรณ์การ ฝีมือต่าง ๆ ส่วนพื้นที่ฐานตัวแอลเรียงรายไปด้วยชั้นหนังสือหลากหลายประเภทจนแน่นขนัด ผมยืนหันซ้าย หันขวา มองหาพี่นาวาอยู่ชั่วอึดใจแต่ก็จนปัญญาเพราะไม่เคยเห็นกันมาก่อน
"ขอโทษครับ... ผมมาหาคุณนาวาครับ" ผมเดินตรงไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นวางมือกับการจัดหนังสือหันมายังผม "ผมนี้แหละครับนาวา"
หลังจากแนะนำตัวและไถ่ถามถึงการเดินทางมาของผมแล้ว พี่นาวาก็เล่าว่าร้านสมใจเครื่องเขียนปัจจุบันนี้มีอยู่ 5 สาขา แต่ละสาขาจะมีจุดเด่นและนโยบายที่แตกต่างกันไป เนื่องจากต้องดูทำเลเป็นที่ตั้งอย่างที่หน้าเพาะช่างเราเน้นหนังสือแบบเรียน ตำราเรียน
ถ้าจะเทียบกับสาขาอื่นแล้ว ร้านแห่งนี้ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัดดังนั้นการสร้างเอกลักษณ์ของร้านจึงเป็นเรื่องที่ทางร้านนำมาเพื่อเป็นกลยุทธ์ สิ่งที่ทำได้คือ การเตรียมสินค้าที่คาดว่าลูกค้าหนึ่งคนมาซื้อของจะได้กลับไปทั้งหมด อาทิเช่น ถ้าลูกค้าต้องการซื้ออุปกรณ์ในการวาดภาพ ที่นี้จะมีการบริการทั้งกระดาษ, สี ,พู่กัน เพื่อบริการลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อของที่อื่น ๆ ส่วนเรื่องที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการบริการลูกค้า ซึ่งตรงนี้พี่นาวาบอกกับผมว่าไม่รู้สึกไม่ห่วงเลยเพราะพนักงานที่นี้ทุกคน รูจักหน้าที่ใครมีหน้าที่อะไรก็จะปฏิบัติไปตามนั้น ดูได้จากตอนที่ผมเข้าร้านพนักงานยังจัดของไม่เข้าที่เข้าทางเพิ่งแบ๊บเดียวของทุกอย่างก็ถูกจัดจนเป็นระเบียบเรียบร้อย
แรกเริ่มเดิมทีก่อนเปิดร้านนี้ก็ต้องติดต่อกับสายส่ง บรรดาเจ้าของสำนักพิมพ์ ตกลงเจรจาให้เป็นระบบฝากขาย ซึ่งทางสำนักพิมพ์ก็จะกำหนดนโยบายมาให้เช่นจะให้เครดิตอีกเดือน เมื่อลงหนังสือจนเต็มร้านแล้ว เราก็มั่นเช็คหนังสือในร้านดูความต้องการของลูกค้าและหาหนังสือให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญต้องรู้จักหมุนเวียนเปลี่ยนหนังสือในร้านอยู่ตลอดเวลา
ก่อนที่ผมจะกล่าวลา พี่นาวายังกล่าวว่าถึงแม้ธุรกิจร้านขายหนังสือซึ่งเขาก็ยอมรับว่าไม่ใช่ธุรกิจที่หาความร่ำรวยลำบากแต่ก็ใช้ว่าจะประกอบเป็นอาชีพไม่ได้ ถ้าเป็นคนที่รักหนังสือจริง ๆ แล้วไม่สามารถเข้าไปทำงานในวงการหนังสือได้ธุรกิจค้าหนังสือก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะสร้างความสุขให้กับชีวิต