นับตั้งแต่คว้ารางวัลชมนาดระดับดีเด่นเมื่อปี พ.ศ. 2553 รางวัลสำหรับนักเขียนหญิงโดยเฉพาะ “ธนัดดา สว่างเดือน” ยังคงมุ่งมั่นผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้กระแสตอบรับมากมายจากผู้อ่านทั่วประเทศ วันนี้เธอยังคงเดินหน้าต่อไป กระทั่งคลอดผลงานลำดับที่ 4 เล่มล่าสุด “เอรี่เล่าเรื่อง...ถนนสีดำในบาห์เรน” เพื่อเปิดเผยชีวิตและการทำงานของหญิงค้าบริการในราชอาณาจักรบาห์เรน ภายใต้วัฒนธรรมและประเพณีของอาหรับ
บาห์เรนเป็นประเทศบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในอ่าวเปอร์เซีย มีสะพานคิงฟาฮัดเชื่อมต่อกับประเทศซาอุดีอาระเบีย ปกครองด้วยกฎหมายมุสลิมและกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ แยกตัวเป็นเอกราชจากอิหร่านเมื่อปี 1971 สินค้าส่งออกของประเทศคือน้ำมัน มีชาวต่างชาติเข้าไปทำงานและทำธุรกิจจำนวนมาก เศรษฐกิจของบาห์เรนค่อนข้างเฟื่องฟู อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 4–5 ต่อปี ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่เข้าไปอย่างถูกกฎหมายในบาห์เรนราว 3,000 คน
สภาพแวดล้อมโดยรวมของบาห์เรนส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย อุณหภูมิเฉลี่ย 40 -50 องศาเซลเซียส กลางวันแดดร้อนจัด ผู้คนไม่นิยมสัญจรไปมา กลางวันของเมืองบาห์เรนจึงคล้ายกับเมืองร้าง เอรี่บอกว่าเมืองไทยยังน่าอยู่กว่ามาก แต่เมื่อตกกลางคืน เมืองหลวงของบาห์เรนจะคึกคักเป็นพิเศษ มีผับและไนต์คลับเปิดทุกคืน ยกเว้นเดือนรอมฎอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีทั้งชาติตะวันตกและเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมีคลับที่เปิดรองรับชาวอาหรับเป็นการเฉพาะอีกด้วย
ที่บาห์เรนมีตำรวจซีไอดีที่เข้มงวด ทำหน้าที่ตรวจจับชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำผิด โดยมากเป็นเรื่องยาเสพติดและการค้าประเวณี ผู้ถูกจับกุมจะต้องคุมขังและส่งตัวกลับประเทศต่อไป การค้าประเวณีนอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังผิดจารีตประเพณีของบาห์เรนอย่างร้ายแรง ผู้หญิงหากินมักถูกมองด้วยสายตาดูหมิ่นของชาวอาหรับเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้น นักเที่ยวกลางคืนทั้งต่างชาติและชาวอาหรับ สามารถซื้อบริการได้จากสถานบันเทิงทั่วไป หญิงขายบริการหลายพันคนเข้าไปทำงานในบาห์เรนอย่างหนาแน่น บางแห่งมีผู้ให้บริการมากกว่าผู้ซื้อ มีสาวจีนเข้าไปทำงานมากที่สุด รองลงมาคือสาวไทย มีตั้งแต่คนที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย เนื่องจากเดินทางเข้าประเทศง่าย ไม่ต้องขอวีซ่าอนุญาต นอกจากนี้ยังมีสาวรัสเซีย ไนจีเรีย เข้าไปทำงานขายบริการที่บาห์เรนอีกเป็นจำนวนมาก ธุรกิจสถานบันเทิงในบาห์เรนผุดขึ้นใหม่แทบทุกวัน ยิ่งเทคโนโลยีสวยด้วยมีดหมอเติบโตขึ้น ก็ยิ่งทำให้อาชีพนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
การทำงานของหญิงค้าบริการในบาห์เรนเหมือนจะสบาย มีสถานบันเทิงและโรงแรม 2-3 ดาว ที่ให้บริการด้านการค้าประเวณีโดยเฉพาะ สถานที่เหล่านี้ตำรวจซีไอดีเข้าถึงได้ยาก มีแม่เล้าที่ให้ความสะดวกทั้งลูกค้าและคนทำงาน รายได้ดี บางคนสามารถหาเงินได้คืนละหลายหมื่นบาท ยังไม่นับสาวรัสเซียที่มีค่าตัวแพงเป็นพิเศษ คิดค่าทำงานเป็นรายนาที แต่ความยากลำบากของคนที่เข้าไปทำงานในบาห์เรนคือไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ผู้หญิงหากินจำนวนมากถูกกดขี่ ถูกเบี้ยวค่าตัว หลายคนถูกทำร้ายร่างกาย ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างทารุณ ที่ร้ายแรงคือถูกรุมโทรมและถึงแก่ชีวิต คนทั่วไปมักดูถูกผู้หญิงค้าบริการ กลายเป็นช่องทางของคนไม่ดี หาทางเอาเปรียบผู้หญิงเหล่านี้โดยไม่รู้สึกผิด ไม่มีกฎหมายรองรับให้ หลายคนถูกกระทำแต่ไม่กล้าแจ้งความ กลัวถูกจับส่งกลับประเทศ คุณภาพชีวิตของหญิงค้าบริการในบาห์เรนมีแต่ความสุ่มเสี่ยง การจะอยู่ในเมืองบาห์เรนต้องเรียนรู้เทคนิคเอาตัวรอดหลายประการ มิฉะนั้นแล้ว หากไม่ถูกตำรวจซีไอดีจับ ก็ถูกข่มขืนและทิ้งไว้กลางทะเลทราย
เหตุผลเดียวที่พวกเธอยอมอดทนคือเงิน ผู้หญิงหลายคนเมื่อถึงบาห์เรนแล้ว แม้ไม่ยินยอมทำงาน แต่ก็ไม่มีทางถอยกลับ แม่เล้าบางคนไม่เคยเหนี่ยวรั้ง หากลูกหนี้ต้องการกลับบ้านย่อมกลับได้ทันที แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยอมทนรับสภาพต่อไป มอมเหล้าตัวเองเพื่อทอดร่างกายให้แขกใช้บริการ หลายคนเมามายไม่ได้สติ ถูกลากไปข่มขืนก็มี บางคนทนความหว้าเหว่ไม่ได้ ใช้แมงดาเป็นที่พึ่ง ยอมถูกเอาเปรียบเพียงเพื่อจะประคับประคองสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นคือใช้ยาเสพติดมอมเมาตัวเอง และสุดท้ายก็ถูกจับกุมด้วยกฎหมายปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดของบาห์เรน น้อยคนจะมีชะตาชีวิตที่ดี ร่ำรวยดังหวัง มีแขกพาไปชุบเลี้ยงส่งเสียเลี้ยงดู อัตราความสำเร็จไม่ต่างจากถูกรางวัลสลากกินแบ่งเท่าไรนัก ผู้หญิงค้าบริการที่เข้ามายังบาห์เรนจึงไม่ต่างจากนักเสี่ยงโชคเลย
หญิงสาวในเรื่องเล่าของเอรี่ชื่อ นุ๊ก เธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เส้นทางเดินของเธอถูกพัดพาให้ไปบรรจบกับถนนสีดำในบาห์เรน เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง ส่งเสียน้องๆ ให้เรียนจนจบ เลี้ยงดูแม่ที่แก่เฒ่า และมีบ้านหลังใหม่เป็นของตัวเอง แต่เพื่อการนั้น เธอต้องต่อสู้กับความอับอาย ใช้ร่างกายแลกกับเงิน ใช้เวลาให้ผ่านไปแต่ละวัน
แม้สังคมค้าประเวณีจะแอบอิงอยู่กับสังคมปกติอย่างแนบชิด หากมีธรรมชาติที่ต่างกันไกล โดยเฉพาะกลไกด้านศีลธรรม นอกจากต้องเผชิญกับภัยนอกตัวแล้ว ยังมีการกดขี่กันเอง ดูถูกกันเองโดยคนอาชีพเดียวกัน ชาติเดียวกัน แม้แต่ความน่าสะเทือนใจของแม่-ลูกที่ต้องเข้ารับแขกคนเดียวกัน หลายๆ สิ่งที่นุ๊กไม่คิดว่ามันจะสามารถเกิดขึ้น เธอก็ได้พบเห็นในที่นี้เอง พฤติกรรมของคนหลายคนกลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายวิธีคิด นุ๊กพบกว่ากรอบของสังคมปกติไม่สามารถใช้ประเมินคุณค่าของคนในวงการนี้ได้เลย คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดีน่าคบหา มีการศึกษา มีเงินมีทอง หลายครั้งมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป และคนที่น่ากลัว ในบางครั้งก็กลายเป็นผู้หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ ความเลวร้ายและความป่าเถื่อนของสังคมค้าประเวณีก็เป็นเหมือนถนนสีดำ หากพลัดหลงออกนอกเส้นทางไปก็คือจบสิ้น
แม้ยังไม่โชคดีที่สุด แต่นุ๊กก็โชคดีกว่าใครหลายคน ได้เจอะเจอคนที่ดี รวยน้ำใจ และยังมีเพื่อนที่ดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มรสุมชีวิตมักเป็นเป็นตัวทดสอบมิตรภาพที่ดีเสมอ ผ่านร้อนหนาวมาด้วยกัน ประคับประคองเอาชีวิตรอดมาด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นเรื่องราวดีๆ ที่ผ่านเข้าในชีวิตเธอจึงเป็นเหมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย เก็บไว้ให้จดจำ เพื่อใช้ต่อสู้กับวันต่อไปที่จะมาถึง
สุดท้ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลงแล้ว เราจะเข้าใจในตัวพวกเธอ เหมือนอย่างที่เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้เกียรติพวกเธอ เหมือนอย่างที่เราให้เกียรติเพื่อนร่วมโลกเดียวกัน